กระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับ เอริก เทน ฮาก กับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหากไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงได้เห็นเขาเป็นกุนซือคนใหม่ของ ปีศาจแดง ในอนาคตอันใกล้นี้
เดิมที กุนซือดัตช์แมน เป็นตัวเต็งร่วมกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ว่าจะเข้ามารับช่วงต่อจาก ราล์ฟ รังนิค เป็นนายใหญ่คนใหม่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฤดูกาลหน้า ก่อนที่กระแสของรายแรกจะมาแรงอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ได้ยืนยันว่ากุนซือ อาแจ็กซ์ บรรลุข้อตกลงกับ ‘ปีศาจแดง’ ได้แล้ว เหลือเพียงเจรจาค่าฉีกสัญญาเท่านั้น ด้วยจำนวนราวๆ 2 ล้านยูโร ซึ่งไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว
กุนซือวัย 52 ปีได้รับคำชมมากมายจากการสร้าง อาแจ็กซ์ ให้เป็นยอดทีมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กับการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ 2 ปีติด, พาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2019-20 การทำทีมที่เน้นสร้างมากกว่าซื้อ พร้อมด้วยสไตล์คุมทีมที่เน้นเกมรุก ดูเหมาะสมกับ ยูไนเต็ด ไม่น้อย
ทว่าคำถามก็คือ นายใหญ่จาแดนกังหันลม จะสร้างอิมแพ็คและเปลี่ยนแปลง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากในตอนนี้คุณภาพของทีมยังห่างไกล ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมลุ้นแชมป์หลายช่วงตัว และไม่มีทรงจะกลับมาได้ในเร็วๆนี้เลย
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ถึง งานช้างที่ เทน ฮาก จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากเข้ามากุมบังเหียนใน โรงละครแห่งความฝัน
เคลียร์อนาคต โรนัลโด้
นี่กลายเป็นคำถามแรกๆที่โผล่ขึ้นในใจของแฟนบอลว่า ถ้าหาก เทน ฮาก เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก๋าจะยังอยู่ในแผนทำทีมของเขาหรือไม่
ด้วยวัย 37 ปี แต่หอกทีมชาติโปรตุเกส ก็ยังสำแดงพิษส่งออกมาให้เห็น แม้ไม่ได้เกิดขึ้นๆบ่อยเหมือนช่วงพีกๆ ยกตัวอย่างเช่น เทำแฮตทริกเฉือน สเปอร์ส และ นอริช ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-2 แสดงให้เห็นว่าเขายังเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมในเวลานี้
อีกทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด, อองโธนี่ มาร์กซิยาล หรือแม้กระทั่ง เอดินสัน คาวานี่ ก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในเกมรุกได้เท่าที่ควรในฤดูกาลนี้ ทำให้ CR7 เป็นตัวเลือกเดียวในแดนหน้าที่มีประสิทธิภาพและไว้ใจได้มากที่สุด
21 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จาก 35 เกมในทุกรายการ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะที่อายุเข้าสู่เลข 3 ตอนปลาย และไม่มีใครข้องในความสามารถของ โรนัลโด้ แน่นอน แต่ทว่าอายุของเขาต่างหากที่ดูขัดกับแนวทางการทำทีมของว่าที่กุนซือใหม่
ทั้งการเล่นเกมรุกที่รวดเร็ว, การเพรสซิ่งสูง เป็นสิ่งที่ โรนัลโด้ ทำให้ไม่ได้เหมือนสมัยหนุ่มๆอีกแล้ว อีกทั้งการใช้นักเตะอายุมาก ก็ไม่ใช่สิ่งที่ กุนซือ อาแจ็กซ์ ทำให้เห็นบ่อยๆในทีม
นั่นทำให้หลายคนคาดว่า โรนัลโด้ น่าจะเลือกลา ยูไนเต็ด หากเขาไม่ได้รับความไว้วางใจจากว่าที่นายใหญ่คนใหม่ และนั่นอาจเป็นทางออกที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองว่าเหมาะสมที่สุดก็เป็นได้
อนาคตของแรชฟอร์ด
ขณะที่หลายคนไม่สามารถวิจารณ์ โรนัลโด้ ได้เต็มที่นัก เนื่องจากผลงานการทำประตู มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แฟน ‘ปีศาจแดง’ ตั้งความหวัง กลับกลายเป็นนักเตะที่หลุดฟอร์มไปไกล นับตั้งแต่ฟื้นตัวกลับมาจากการผ่าตัดไหล่ช่วงต้นฤดูกาลนี้
ดาวเตะวัย 24 ปี ห่างไกลจากคนเดิมช่วง 2 ฤดูกาลที่แล้ว และเสียตำแหน่งตัวจริงของทีมในยุคของ ราล์ฟ รังนิค เรียบร้อย หลัง เจดอน ซานโช่ กับ แอนโธนี่ อีลังก้า ทำผลงานได้โดดเด่นกว่า จนมีข่าวว่าเจ้าตัวไม่พอใจกับสถานการณ์ในสโมสร ถึงขั้นพิจารณาเรื่องอนาคตของตัวในซัมเมอร์นี้ด้วย
แม้ว่าพรสวรรค์ของแรชฟอร์ดจะไร้ข้อกังขาและสถิติการทำประตูของเขาก็ค่อนไปทางที่ดี และภาษากายในสนามของเขาต้องบอกว่าน่าเป็นห่วง จากที่เห็นในหลายๆเกมที่ผ่านมา ซึ่งกูรูลูกหนังหลายคนก็แนะนำว่าการย้ายหาความท้าทายใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ ยูไนเต็ด จะยอมปล่อยลูกหม้อที่พวกเขาสร้างมากับมือไปจริงๆหรือไม่?
เชื่อว่าเรื่องนี้ เทน ฮาก คงมีคำตอบในใจ หากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และคงเห็นเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งการที่มีข่าวว่าเขาต้องการดึง แอนโธนี่ ปีกฟอร์มแรงจาก อาแจ็กซ์ มาร่วมงานที่อังกฤษด้วย ก็พอจะบอกอะไรได้เช่นกัน
จัดการนโยบายการซื้อขายใหม่
บางครั้งการทุ่มซื้อนักเตะราคาแพงก็ไม่ได้การันตีว่าจะทีมจะดีขึ้น เช่นกรณีของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวแพงสุดในโลกที่กลายเป็นนักบอลสายคอนเทนต์ สร้างความฮาให้ผู้คน และสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ สาวก ‘เร้ด เดวิลส์’ แทน
จริงๆแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด มีนักเตะที่มีความสามารถไม่น้อย ทว่าเมื่อลงเล่นร่วมกันกับสะเปะสะปะ ไร้ความสมดุล ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเสริมทัพที่ดูสับสนนั่นเอง
ปีที่ผ่านมา ‘ปีศาจแดง’ ต้องการกองกลางตัวรับฝีเท้าเยี่ยม เพื่อกำหนดจังหวะ, คุมเกมแดนกลาง และเป็นด่านหน้าในการป้องกันเกมรับ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ซักคน แต่เดี๋ยวก่อน พวกเขาได้ โรนัลโด้ มา และทุกคนก็ดูชื่นอกชื่นใจยามเห็นเขาทำประตูได้ เช่นในเกมพบ นิวคาสเซิล หรือ สเปอร์ส
แต่ความคิดเหล่านั้นจำเป็นต้องทิ้งลงถังขยะไป เพราะจริงๆแล้ว การมาของ CR7 อาจเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ใช่การเสริมทัพที่ถูกจุดอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อครั้งหลังยุคเฟอร์กี้ และมีไม่กี่ดีลเท่านั้น ที่พอจะพูดได้เต็มปากกว่าประสบความสำเร็จ โชว์ฟอร์มได้สมราคากับที่สโมสรจ่ายไป
นี่ยังรวมไปถึงการเคลียร์นักเตะส่วนเกินออกไป เพื่อที่จะได้มีเงินหมุนเวียนเป็นงบในการเสริมทัพ และสร้างสมดุลด้านการเงินในทีม
ดังนั้น เทน ฮาก ต้องรู้ว่าแต่ละคนมีบทบาทอะไรในทีม ทั้ง จอห์น เมอร์เท่อห์ กับตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอล, ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ผูอำนวยการด้านเทคนิค และ รังนิค ที่จะกลายเป็นที่ปรึกษาของสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ ต้องกำหนดบทบาทเหล่านั้นไว้อย่างชัดเจน หากต้องการปรับนโยบายการซื้อขายให้ถูกต้องเหมาะสมและประสบความสำเร็จมากขึ้น
แก้ปัญหาความฟิตและสไตล์การเล่นให้ชัดเจน
แทคติกเป็นเรื่องที่โค้ชสามารถสอนให้นักเตะได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่คงไม่มีใครสามารถทำผลงานได้ดี หากไร้ระดับความฟิตที่เหมาะสม จริงอยู่ที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องฟิตในระดับที่จะเป็นนักเตะของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า แต่ ราล์ฟ รังนิค กุนซือชั่วคราวของ ยูไนเต็ด เองก็ยอมรับว่านักเตะชุดปัจจุบันมีระดับความฟิตไม่มากพอ และเทียบไม่ได้เลยกับ เลสเตอร์ ในเกมที่เสมอกัน 1-1
นี่ไม่ใช่เรื่องที่หลายคนแปลกใจ เทน ฮาก เองก็เช่นกันที่เห็นปัญหาที่ค้างคามายาวนานและ ย้อนกลับมาในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เคยบอกกับสต๊าฟแล้วว่าทีมจำเป็นต้องปรับปรุงความฟิตภายในทีมอย่างรวดเร็วหากต้องการเป็นทีมที่มีจังหวะเข้าทำที่รวดเร็ว และสามารถกดดันได้อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ตลอดเวลา ตามที่ รังนิค อธิบายว่า “ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับความคิดหรอก มันเกี่ยวกับ ดีเอ็นเอ ของผู้เล่น ทีมนี้ไม่ได้ขาดนักเตะที่มีทักษะ สิ่งนี้สามารถทำได้ด้วยร่างกายที่พัฒนาขึ้น”
“ผมบอกกับ บอร์ดว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่โค้ชคนใหม่ชัดเจน มันต้องเป็นแบบนั้น เขาต้องการเล่นอย่างไร? ต้องการผู้เล่นแบบไหน? จากนั้นเราค่อยกลับมาที่ ดีเอ็นเอ, ความเร็ว, ร่างกาย, จังหวะ สิ่งที่เราต้องการหรอ? ทีมนี้ไม่ได้นักเตะที่มีทักษะ แต่สามารถทำมันได้ด้วยร่างกายที่พัฒนาขึ้น”
รวมไปถึงสไตล์การเล่นของทีมก็จำเป็นต้องสร้างอัตลักษณ์ขี้นมาให้ชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหลังจากหมดยุคของ เฟอร์กี้ ยูไนเต็ด มีรูปแบบทีมที่แตกต่างกันเกินไป ทั้งในยุคของ มอยส์, ฟาน กัล, มูรินโญ่, โซลชา หรือ รังนิค แถมไม่สุดซักทาง ทั้งเล่นแบบครองบอล, เน้นเกมรับ, เกมรุก หรือการเพรสซิ่งก็ตาม
แตกต่างจากทีมคู่แข่ง ทั้ง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เน้นการครองบอลเพื่อโจมตีเจาะแนวรับคู่แข่งทุกช่องทาง หรือ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับสไตล์การรุกแบบเฮฟวี่ เมทัล พร้อมด้วยกีเก้นเพรสซิ่งที่บีบคู่ต่อสู้ให้ลนลานเสียขบวนมานักต่อนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลเห็นภาพได้ชัดเจน
ขึ้นอยู่กับ เทน ฮาก แล้วว่าจะสร้างสไตล์การเล่นที่น่าดึงดูดและเป็นเอกลักษณ์ให้แฟนๆเห็นได้ชัดเจนมากแค่ไหน โดยยังไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องแชมป์ และเมื่อทุกอย่างเข้าที่จากนั้นค่อยว่ากัน
ควบคุมห้องแต่งตัว
แม้ยังไม่ได้มีการยืนยันหรือประกาศอย่างเป็นทางการ ทว่านับตั้งแต่มีข่าวว่า เทน ฮาก จะเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีข่าวว่านักเตะในทีมคุยกันและแบ่งฝักฝ่ายว่าเขาเหมาะสมจะคุมทีมในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จริงหรือไม่ แถมมีกระแสว่าหลายคนในทีมอยากได้ โปเช็ตติโน่ มากกว่าด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ามีเรื่องมากมายให้ กุนซือชาวดัตช์ ต้องทำและแก้ไข หากเข้ามาในรั้ว ‘ปีศาจแดง’ ทว่างานที่ท้าทายที่สุดคือการควบคุม จัดการอีโก้ ของนักเตะในห้องแต่งตัว
การขาดความรับผิดชอบทั้งในและนอกสนามทำให้ผู้เล่นเหล่านี้สร้างความผิดหวังให้กับโชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และตอนนี้คือราล์ฟ รังนิค เป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้เล่นดูมีอำนาจมากกว่าผู้จัดการทีม และนั่นจำเป็นต้องเปลี่ยนในยุคของกุนซือคนใหม่
รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์เกมให้ Sky Sports กล่าวถึงประเด็นนี้ตั้งแต่ปี 2019 ว่า “นี่คือผู้เล่นชุดเดียวกันที่เหวี่ยง มูรินโญ่ เข้าใต้ท้องรถบัส และพวกเขาจะทำแบบเดียวกันกับ โอเล่ แน่ๆ” คำถามที่สำคัญก็คือ เทน ฮาก จะหลบเลี่ยงการพบเจอชะตากรรมนี้ได้อย่างไร?
มีการพูดคุยแนะนำมือขวาของว่าที่กุนซือใหม่ ยูไนเต็ด ที่มี ดีเอ็นเอ และรู้จักสโมสรนี้ดีอยู่แล้ว ทั้ง สตีฟ แม็คคลาเรน อดีตผู้ช่วยของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชุดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ รวมไปถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ได้รับการพูดถึงเช่นกัน
ทว่าการใช้งานเด็กเก่าของ เฟอร์กี้ ก็ดูไม่สร้างผลลัทธ์ที่ดีให้ทีมนัก ทั้ง เดวิด มอยส์ ที่มี ฟิล เนวิลล์, หลุยส์ ฟาน กัล ที่มี ไรอัน กิ๊กส์, โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มี ไมเคิ่ล คาร์ริค, โซลชา ที่มี ไมค์ ฟีแลน หรือ แม้แต่ รังนิค ก็มี ดาร์เรน เฟลทเชอร์
การแต่งตั้งคนหน้าเก่าเข้ามาอาจช่วยให้ กุนซือวัย 52 ปี ปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์ในห้องแต่งตัว ทว่าความรู้สึกในการขาดผู้นำนั้นเป็นปัญหาที่ลึกเกินกว่าจะมองเป็นความรู้สึกด้านบวกได้ และเกิดขึ้นชัดเจนในยุคของ โซลชา ที่เน้นสบายๆ สายโอ๋ ให้ลูกทีมมีความสุขที่สุด
สิ่งที่ เทน ฮาก ต้องการเพื่อควบคุมห้องแต่งตัวคือการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของบอร์ดบริหารและเจ้าของสโมสร อย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้รับจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ได้รับกับ ลิเวอร์พูล ทว่าเหล่าคนเบื้องบนในขณะนี้จะสามารถให้ได้หรือไม่นั่นคงเป็นคำถามที่แตกต่างออกไป
ขั้นตอนแรกในพิสูจน์เรื่องนี้คือการที่ บอร์ดหนุนหลังเขาเต็มที่ในการเสริมทัพ ให้สิทธิ์ในการขายผู้เล่นที่เขาไม่จำเป็น, เลือกซื้อนักเตะที่ต้องการ และทีมจำเป็นต้องผ่าตัดครั้งใหญ่จริงๆ เพื่อจะกลับไปแข่งขันกับ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูลได้
ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ มูลค่าสโมสร หรือแชมป์หญ้าสวยเพียงเท่านั้น แต่เป็นในแง่ของความเป็นผู้นำ, จิตใจที่มุ่งมั่น และคุณภาพของทีมด้วย