โกลเด้น โกล เป็นเหมือนกฎที่ควรทำให้ฟุตบอลดูสนุก ตื่นเต้นมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับแตกต่างจากที่มันควรจะเป็นเลย
เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะความผิดพลาดที่นำไปสู่การประตูแค่ลูกเดียวกลับนำไปสู่ความแพ้พ่ายแบบไม่มีโอกาสแก้ตัว ทำให้ทั้ง 2 ทีมที่ห่ำหั่นในช่วงต่อเวลาพิเศษต่างเล่นกันระมัดระวังกันเกินไป และการเล่นท่ามกลางกฎโกลเด้นโกลมีความตึงเครียดมากกว่าช่วง 90 นาทีค่อนข้างสูง
กฎดังกล่าวได้ถูกฟีฟ่ายกเลิกไปหลังศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส แต่รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งมันเคยสร้างปัญหาให้กับผู้จัดการแข่งขันศึกแคริบเบี้ยน คัพ รอบคัดเลือกในปี 1994 อย่างมาก ถึงขนาดที่ทำให้ทีมทั้ง 2 พยายามยิงประตูตัวเองเพื่อให้เข้ารอบมาแล้ว
แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไร UFA ARENA จะพาไปหาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้
เงื่อนไขสุดประหลาด
ศึกแคริบเบี้ยน คัพ คือการแข่งขันชิงชัยระหว่างประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ซึ่งเริ่มแข่งขันครั้งแรกในปี 1989 และยกเลิกไปในปี 2017 แต่คงไม่ครั้งไหนน่าปวดหัวเท่ากับในปี 1994 แล้ว
ตรินิแดดและโตเบโก รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในศึก แคริบเบี้ยน คัพ ครั้งที่ 6 ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม และหาทีมเข้ารอบสุดท้ายเพียงทีมเดียว พร้อมกับการตั้งกฎว่าทุกนัดต้องมีผู้ชนะ กับผู้แพ้เท่านั้น ไม่มีการแบ่งแต้มกันตามปกติทั่วไป
เมื่อประกอบกับการทดลองของ ฟีฟ่า ทำให้ กฎโกลเด้น โกล (หรือ ซัดเด้น เดธในชื่อเก่า) ถูกใช้งาน แต่ที่ประหลาดกว่านั้นคือประตูที่ยิงในช่วงต่อเวลาพิเศษ จะถูกนับเป็น 2 ประตู ซึ่งตามทฤษฎีแล้วสิ่งนี้น่าจะกระตุ้นให้ทีมมีความคิดริเริ่มและพยายามทำประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษแทนที่จะตัดสินผลแพ้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ
เรื่องราวสับสนอลหม่านเริ่มขึ้น เมื่อ บาร์เบโดส ต้องพบกับ เกรนาด้า ในเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม 1 โดยฝั่ง บาร์เบโดส พ่าย เปอร์โตริโก้ 1-0 ในนัดเปิดสนาม ขณะที่ เกรนาด้า เอาชนะ เปอร์โตริโก้ 2-0 จากกฎโกลเด้นคูณสอง
นั่นหมายความว่า เกรานาด้า รั้งอันดับ 1 ของกลุ่มอยู่ ทำให้ บาร์เบโดส จำเป็นต้องชนะให้ได้อย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไปเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป
บาร์เบโดสหัวหมอ
การแข่งขันไปตามที่ บาร์เบโดส วางแผนไว้ เมื่อพวกเขาขึ้นนำไป 2-0 อย่างที่ต้องการ ก่อนเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่ทุกอย่างก็ส่อแววล่ม เมื่อ เกรนาด้า ยิงประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 83 ซึ่งด้วยผลนี้จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยผลต่างประตูได้เสีย +1
นั่นทำให้ บาร์เบโดส พยายามอย่างหนักในช่วง 2-3 นาทีต่อมาเพื่อยิงประตูให้ได้ แต่พวกเขาทำสิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงในโลกของฟุตบอลในเวลาต่อมา
พวกเขาจำเป็นต้องชนะอย่างน้อย 2 ประตูตามเงื่อนไขเดิม แต่แทนที่จะบุกทำให้ประตูให้ได้ในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน บาร์เบโดส กลับหัวหมอด้วยการมองว่าถ้า เกรนาด้า ยิงประตูตีเสมอได้ ก็จะต้องมีการต่อเวลาพิเศษ ซึ่งในช่วงนั้นจะทำให้พวกเขามีโอกาสเข้ารอบอีกครั้ง และอย่าลืมว่าประตูในช่วงโกลเด้น โกล นับเป็น 2 ลูก
ด้วยเหตุนั้นเอง กองหลังบาร์เบโดส เทอร์รี่ ซีลี่ย์ และ โฮราซ สเต้าท์ นายทวาร จึงร่วมมือกันยิงประตูฝั่งตัวเองแบบช็อคแฟนบอลในสนาม
หลายคนอาจตกใจกับการกระทำแบบนี้ในเกมระดับชาติ และจริงๆพวกเขาไม่จำเป็นต้องหวดด้วยขวาเต็มข้อขนาดนั้น แต่ผลเสมอ 2-2 ก็ทำให้ บาร์เบโดส กลับมามีลุ้นเข้ารอบอีกครั้ง
บทสรุปความวุ่นวาย
ปัญหาที่ตามมาก็คือ ขณะที่ 2 แข้งทีมชาติบาร์เบโดส เคาะบอลไปมาก่อนยิงประตูตัวเอง เกรนาด้า ยังมีเหลือเวลาอีก 3 นาที รวมถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ทำประตูเพิ่ม
หาก เกรนาด้า ยิงประตูได้ พวกเขาก็จะเข้ารอบต่อไปโดยที่ไม่ต้องเสียเวลากับช่วงต่อเวลาพิเศษเลย หรืออีกทางเลือกที่พิศดารกว่าก็คือ เจตนายิงประตูตัวเองเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี แต่พวกเขาก็ยังผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยผลประตูได้เสียที่ดีกว่าอยู่เหมือนเดิม
ณ จุดนี้ ความโกลาหลก็เกิดขึ้นยกใหญ่ เมื่อ บาร์เบโดส จำเป็นต้องป้องกันประตูฝั่งตัวเอง และประตูของทีมคู่แข่งไปพร้อมๆกัน นั่นทำให้ เกรนาด้า พบว่ามันเป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะพยายามยิงประตูจากทั้ง 2 ฝั่ง
“ผู้เล่นของเรา ไม่รู้เลยว่าจะบุกไปทางไหนดี” เจมส์ คล้ากสัน ผู้จัดการทีมของ เกรนาด้า กล่าวหลังเกมนั้น
ในตอนท้าย การแข่งขันเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ และเป็นฝั่งบาร์เบโดสที่ยิงประตูสำคัญได้ เมื่อผนวกกับกฎประตูโกลเด้นโกล แบบพิเศษ ทำให้พวกเขาชนะด้วยผลต่าง 2 ประตูตามต้องการ เบียด เกรนาด้า ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ
“ผมรู้สึกว่าถูกโกง” คล้ากสัน กล่าว “คนที่กำหนดกฎเหล่านี้ต้องมาจากโรงพยาบาลบ้าแน่นอนเลย เกมไม่ควรแข่งขันโดยมีผู้เล่นหลายคนวิ่งวนไปมาในสนามจนสับสนแบบนี้”
“ผมไม่เคยเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นมาก่อน ในฟุตบอลคุณควรยิงประตูฝ่ายตรงข้ามเพื่อชนะ ไม่ใช่เพื่อแบบนั้น” คล้ากสัน กล่าวเสริม
สิ่งที่คลาร์กสันไม่ได้ตระหนักคือประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ ขณะที่ บาร์เบโดส ถึงแม้จะหัวหมอแค่ไหน แต่พวกเขาก็จอดแค่รอบสุดท้าย ด้วยการเสมอ 2 และ แพ้ 1 จาก 3 นัดในกลุ่ม เอ
ส่วนกฎประหลาดได้ประตู 2 เท่าจากกฎโกลเด้น โกล ก็ถูกยกเลิกและหายไปจากศึก แคริบเบี้ยน คัพ ตลอดกาล