กุนซือผู้คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกได้ถึง 3 สมัย อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ถูก นาโปลี ปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีม แม้ว่าเขาจะพาทีมผ่านเข้ารอบฟุตบอลถ้วยระดับทวีปได้ก็ตาม
อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กดแฮตทริกได้ในครึ่งแรก ก่อนที่ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ จะยิงเพิ่มให้ อัซซูร่า บุกไปเอาชนะเกงค์ได้ 4-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พร้อมกับคว้าอันดับ 2 ของกลุ่ม E ไป
นี่เป็นเกมที่เต็มไปด้วยคำถามเรื่องอนาคตของ อันเช่ เมื่อสื่อบางเจ้าได้รายงานว่า นี่อาจเป็นเกมสุดท้ายที่เขาคุมทีมมจากเมืองเนเปิ้ลส์ด้วย และถึงแม้ตัวเขาจะยืนกรานไม่ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรก็สั่งปลดเขาเป็นที่เรียบร้อยทันทีหลังจบเกมนั้น
แถลงการณ์สั้นๆของ นาโปลี เผยว่า “นาโปลีได้ตัดสินใจยกเลิกการทำหน้าที่เฮดโค้ชทีมชุดใหญ่จาก คุณ คาร์โล่ อันเชล็อตติ สายสัมพันธ์ของมิตรภาพ,ความชื่นชม และความเคารพที่มีต่อกันระหว่าง สโมสร, ประธานสโมสร และ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังคงอยู่เหมือนเดิม”
แต่ถ้าความสัมพันธ์ดังกล่าวยังอยู่จริงๆ กุนซือมากฝีมือชาวอิตาเลี่ยนคงไม่โดนปลดแบบนี้แน่ๆ แต่เพราะอะไรทำให้เขาต้องแยกทางกับ นาโปลี รวมถึงทิศทางข้างหน้าในอนาคตของทั้ง 2 ทาง UFA ARENA จะพาทุกท่านไปวิเคราะห์และหาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้กัน
ฤดูกาลแรกที่ไม่เป็นใจ
อันเชล็อตติ เข้ามาคุมนาโปลีในเดือนกรกฏาคมปี 2018 แทนที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ย้ายไปคุมเชลซี ทีมเก่าของเขา และปัจจุบันก็ได้โยกกลับมารับงานในบ้านเกิดอีกครั้งกับ ยูเวนตุส ในฤดูกาลนี้
แต่อดีตกุนซือ เอซี มิลาน ก็พบว่างานในถิ่น ซาน เปาโล นั้นหนักเอาการ เนื่องจากในฤดูกาลก่อน เขาพาทีมตามหลัง เบี่ยงโคเนรี่ แชมป์ลีกถึง 11 แต้ม แม้ว่าจะเป็นอันดับ 2 ในตารางก็จริง แต่ในปีสุดท้ายที่ซาร์รี่คุม นาโปลีตามหลังม้าลายแค่ 4 แต้มเท่านั้น ขณะที่บอลยุโรปก็ดันไปอยู่กลับที่ลำบากไม่แพ้กัน เนื่องจากต้องห่ำหันกับ ลิเวอร์พูล และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เพื่อคว้าตั๋วรอบต่อไป
จากชัยชนะ 2 และผลเสมออีก 3 ใน 5 นัดแรก ทำให้อัซซูร่าต้องหลีกเลี่ยงการพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์เท่านั้น หากต้องการเข้ารอบน็อคเอ้าท์ตาม เปแอชเช ไป แต่ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่งผลให่ทีมมีแต้มเท่ากับหงส์แดง แต่ก็ยิงได้น้อยกว่า ทำให้ทีมของอันเช่ต้องหล่นไปเล่นยูโรป้า ลีก แทน
แม้ในเกมยุโรป พวกเขาจะยิงได้น้อยนิด แต่เมื่อเทียบกับผลในเซเรียอา แล้ว มีเพียงอตาลันต้าทีเดียวที่ยิงประตูได้มากกว่าพวกเขาในฤดูกาล 2018-19 (อตาลันต้า 77, นาโปลี 74)
ย้อนกลับไปที่บอลยุโรปถ้วยเล็ก แม้จะผ่าน เอฟ ซูริค และ เร้ดบลู ซัลบวร์ก ไปได้ แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นาโปลีก็ต้องมาเจอปัญหาเท้าบอดอีกครั้ง ส่งผลให้เขาพ่ายต่อ อาร์เซน่อล ด้วยประตูรวม 3-0
ปัญหาในสนาม
ขณะที่ฤดูกาล 2018-19 ทีมทำผลงานได้สวยตั้งแต่ต้น แต่ในฤดูกาลล่าสุด สัญญานของปัญหาเริ่มเผยให้เห็นตั้งแต่นัดแรกที่เอาชนะ ฟิออเรนติน่า 4-3 คำถามต่างๆเริ่มมีมากขึ้นอีกในเกมที่เขาพ่ายต่อ ยูเวนตุส 4-3 ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ คาลิดู คูลิบาลี่ ในช่วงทดเวลาครึ่งหลัง
ชัยชนะ 6 เกมจาก 9 นัดในทุกรายการ รวมไปถึงเกมที่เอาชนะลิเวอร์พูล 2-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรก ดูดีไม่ใช่น้อย ทว่าหลังจากนั้น ทิศทางของทีมก็เริ่มผิดที่ผิดทางไปเรื่อยๆ เพราะ 9 เกมหลังจากนั้น (ก่อนพบเกงค์ในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดสุดท้าย) ทีมเสมอไป 8 และแพ้อีก 1 ทำให้นาโปลีหล่นไปอยู่ที่ 7 ในเซเรียอา และหลังจาก 15 เกมแรกผ่านไป ทีมตามหลังจ่าฝูงอินเตอร์ มิลานอยู่ 15 แต้ม และอตาลันต้า ทีมอันดับ 6 ถึง 7 แต้มด้วยกัน
แม้ว่าอันเชล็อตติจะพาทีมคว้าชัยชนะเหนือเกงค์ได้ในท้ายที่สุด ความเเสียหายในทีมก็เกิดขึ้นไปพอสมควรแล้ว และมันไม่ได้เกิดจากเรื่องภายในสนามอย่างเดียวเท่านั้น
ความวุ่นวายใน ซาน เปาโล
ฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ของนาโปลีในฤดูกาลนี้ แต่เรื่องราวที่ใหญ่กว่านั้นคือการต่อต้านและแข็งข้อต่อสโมสรของนักเตะ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
หลังเกมที่เสมอกับ เร้ดบลู ซัลบวร์ก 1-1 ในแชมเปี้ยนส์ลีก แข้งอัซซูร่าต้องอยู่ฝึกซ้อมในถิ่น ซาน เปาโล จากคำสั่งของ ออเรลิโอ เด ลอเรนติส เจ้าของทีม จนกว่าจะถึงเกมที่พบ เจนัว ในอีก 4 วันต่อมา ทว่านักเตะทุกคนเลือกที่จะกลับไปที่บ้านของตัวเอง ทำให้สโมสรได้ออกแถลงการณ์เตรียมบทลงโทษแก่ทีม โดยโยนให้ อันเชล็อตติ เป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
ในที่สุด แข้งนาโปลีก็ถูกปรับเป็นงานราวๆ 2 ล้านปอนด์ จากการรายงานของ เดลี่ เมล สื่อในอังกฤษ แต่นั่นยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของ อันเชล็อตติ และ ลอเรนติส เลวร้ายลงไป เนื่องจากในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทั้งคู่ดูตึงๆกันแล้ว หลังกุนซือชาวอิตาเลี่ยนไม่เห็นด้วยในนโยบายการเสริมทัพของทีม และต้องการคว้าตัวเป้าหมายให้เร็วที่สุดก่อนจะเสียโอกาสไป
และจากรายงานของสื่อส่วนใหญ่ในอิตาลี เจ้าของทีมอัซซูร่าเตรียมตัวจะปลด คนบ้านเดียวกัน ตั้งแต่มีการต่อต้านในทีม เพราะมองว่า อันเช่สูญเสียศรัทธาจากนักเตะในทีมแล้ว แต่ก็ถูกเบรกไว้ก่อนโดยทนายของเขา อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นจนได้
ก้าวต่อไปของนาโปลี
ก่อน อันเชล็อตติ จะพาลูกทีมเผชิญหน้ากับ เกงค์ ตัวเต็งที่จะมาแทนเขาในตำแหน่งนี้ก็ถูกเปิดเผยแล้ว โดย ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวผู้คร่ำวอดในวงการลูกหนังแดนมักกะโรนี ได้รายงานเป็นคนแรกว่า เจนนาโร่ กัตตูโซ่ จะเข้ามาเป็นนายใหญ่คนใหม่ในถิ่น ซาน เปาโล หากอันเช่โดนปลด
ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาด อันเชล็อตติ โดนปลดหลังเกมนั้นจบในไม่กี่ชั่วโมง และ อดีตกองกลางทีมชาติอิตาลีก็เข้ามารับช่วงต่อ อดีตเจ้านายที่เคยร่วมงานกันตอนอยู่ เอซี มิลาน ในทันที
ก่อนหน้ากุนซือวัย 41 ปี เคยทำหน้าทีมมาแล้ว 4 สโมสร กับปาแลร์โม้, โอเอฟไอ เครเต้, เอซี ปิซ่า และ เอซี มิลาน ตามลำดับ ซึ่งเขาได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการรอสโซเนรี่ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังไม่สามารถาพาอดีตต้นสังกัดที่เคยค้าแข้งกลับไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตามเป้า
น่าสนใจเหลือเกินว่าหลังจากนี้ กัตตูโซ่ จะทำผลงานได้ดีกว่าที่ นายเก่าของเขาทำไว้ หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเซเรียอา หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เขาไม่เคยประสบการณ์มาก่อนในฐานะกุนซือ
อันเช่ที่เนื้อหอมไม่เปลี่ยน
แม้จะต้องตกงานอีกครั้ง แต่อันเชล็อตติ ก็กลายเป็นกุนซือคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่พา 6 สโมสรเข้ารอบน็อคเอ้าท์ในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ โดยมี เอซี มิลาน, เชลซี, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค และ นาโปลี เป็นทีมล่าสุด
ก่อนหน้าที่จะแยกทางกับ อัซซูร่า อย่างเป็นทางการ กุนซือวัย 60 ปี มีข่าวกับสโมสรในอังกฤษอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่ที่เขาประสบความสำเร็จมาก หลังพาเชลซีคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อฤดูกาล 2009-10 (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) และแม้จะถูกปลดในปีต่อมา เขาก็ยังเป็นตัวเลือกแรกๆที่ทีมดังในพรีเมียร์ลีกต้องการตัวอยู่วันยังค่ำ
และการกลับไปที่ ลอนดอน ในครั้งนี้ เป็นไปได้ว่าเขาจะย้ายไปคุมทีมสีแดงอย่าง อาร์เซน่อล ที่เพิ่งปลด อูไน เอเมอรี่ และกำลังตามหากุนซือใหมม่อยู่ แม้จะต้องแย่งงานนี้กับ มิเกล อาร์เตต้า, พาทริค วิเอร่า และ มาร์เซลิโน่ แต่โปรไฟล์การทำงานและความสำเร็จของอันเช่ ก็มีมากกว่ากุนซือ 3 คนนั้นรวมกันอยู่ดี
นอกจากนี้ยังมี เอฟเวอร์ตัน ที่เข้ามาร่วมวงล่าตัว กุนซือมากประสบการณ์รายนี้ด้วย หลังเพิ่งเด้ง มาร์โก ซิลวา พ้นตำแหน่งไป แต่ก็คงต้องไปลุ้นตำแหน่งที่ว่างอยู่นี้กับ เอเมอรี่ และ เดวิด มอยส์ อดีตกุนซือท็อฟฟี่ เช่นกัน