นับเป็นเหตุการณ์ที่ช็อคแฟนบอลทั่วโลกอีกครั้ง หลังทีมชาติอิตาลี แชมป์ฟุตบอลยูโร ทีมล่าสุด ของกุนซืออย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ พลาดท่าแพ้ นอร์ธ มาซิโดเนีย คาบ้าน 1-0 ในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 รอบเพลย์ออฟ ซึ่งนั้นทำให้พวกเขาอดไปเล่นรอบสุดท้ายทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเป็นหนที่สองติดต่อกันจากเมื่อปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เป็นเจ้าภาพ
นับเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง สำหรับทีมอย่าง “อัซซูรี่” กับการที่พวกเขาไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ได้สำเร็จ ทั้งที่เพิ่งสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรป เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตามหากย้อนดูนับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา อิตาลี ถือเป็นทีมใหญ่ที่ตกรอบคัดเลือกรายการระดับเมเจอร์หลายครั้งทีเดียว ซึ่งวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปย้อนดูประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำของขุนพลแดนมักกะโรนี กับการพลาดตั๋วเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในรายการใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ฟุตบอลยูโร 1964
กุนซือ | เอดมอนโด ฟับบรี้
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 4 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 | ยิง 8 เสีย 3 ประตู
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1964 สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือชื่อเดิม ยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ มีทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแค่เพียง 4 ชาติเท่านั้น ส่วนการเล่นรอบคัดเลือกจะเตะกันแบบน็อคเอาท์เหย้า-เยือน แบ่งเป็น 3 รอบ เพื่อหา 4 ทีม ที่ดีที่สุดไปเล่นรอบสุดท้าย
สำหรับทีมชาติอิตาลี นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาลงเตะเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงถ้วยยุโรป โดย “อัซซูรี่” ชุดนั้นซึ่งนำทัพโดยปราการหลังกัปตันทีมระดับตำนานอย่าง ซานโดร ซัลวาดอเร่, ซานโดร แมซโซล่า, จานนี่ ริเวร่า และ แอนเจโล่ โดเมนกินี่ รอบแรกพวกเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง ตุรกี ไปแบบขาดลอยรวมผลสองนัด 7-0
ก่อนที่รอบคัดเลือกรอบสอง หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลูกทีม เอดมอนโด ฟับบรี้ โคจรมาพบกับของแข็ง ณ เวลานั้น อย่าง สหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในปี 1960
เกมนัดแรกที่สนาม เซ็นทรัล เลนิล สเตเดี้ยม เป็นเจ้าบ้านอย่าง สหภาพโซเวียต ซึ่งนำทีมโดยสุดยอดนายทวารระดับตำนานอย่าง เลฟ ยาชิน, วิคเตอร์ โพเนเดลนิค และ วาเลนติน อีวานอฟ เอาชนะ อิตาลี 2-0 ก่อนเกมเลกสองที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิกโก ลูกทีม ฟับบรี้ ทำได้แค่เสมอกับคู่ ซึ่งนั่นไม่ดีพอสำหรับการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป และเส้นทางของพวกเขาต้องจบลงแค่เพียงรอบคัดเลือกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เท่านั้น
ฟุตบอลยูโร 1972
กุนซือ | เฟอร์รุชซิโอ วัลกาเรจจี้
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 8 นัด ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 1 | ยิง 13 เสีย 6 ประตู
ภายหลังผิดหวังจากการพลาดลงเล่นฟุตบอลยูโร 1964 ทีมชาติอิตาลี ซึ่งผ่านการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก มาแล้วสองสมัย ณ เวลานั้น เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาได้อีกครั้ง หลังพวกเขาผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงถ้วยทวีปยุโรป ปี 1972 ในฐานะเจ้าภาพ พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
กระทั่งศึกยูโร 1972 “เดอะ บลูส์” กลับต้องเจอฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อพวกเขาพลาดท่าตกรอบคัดเลือก อดเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายรายการดังกล่าวเป็นหนที่สอง
ย้อนกลับไปในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1972 ซึ่งรอบแรกจะเตะกันแบบแบ่งกลุ่ม โดยขุนพลแดนมักกะโรนี ถูกจับไปอยู่กลุ่ม 6 ร่วมกับ ออสเตรีย, สวีเดน และ ไอร์แลนด์ และเป็นไปตามคาดเมื่อลูกทีมของกุนซืออย่าง เฟอร์รุชซิโอ วัลกาเรจจี้ และนักเตะคำนสำคัญทั้ง จีจี้ ริว่า, ซานโดร แมซโซล่า, จานนี่ ริเวร่า และ จาชินโต้ ฟัคเค็ตติ โชว์ฟอร์มสวยหรูด้วยการชนะ 4 เกม และเสมอ 2 เกม ไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว คว้าแชมป์กลุ่มผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบที่สองได้ตามคาดหมาย
ก่อนที่รอบคัดเลือกรอบที่สอง ซึ่งลงเล่นกับแบบน็อคเอาท์เหย้า-เยือน พวกเขาต้องมาพบกับอีกหนึ่งทีมแกร่งเวลานั้นอย่าง เบลเยียม อย่างไรก็ตามเกมเลกแรกที่สนาม ซาน ซิโร่ เจ้าบ้าน อิตาลี ทำผลงานน่าผิดหวัง เมื่อพวกเขาเจาะแนวรับคู่แข่งไม่ได้ ส่งผลให้นัดนั้นต้องจบลงแบบไร้สกอร์ 0-0
ส่วนเกมเลกสองที่บ้านของ เบลเยียม เป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า ออกนำ 1-0 ตั้งแต่ 23 นาทีแรก จากการยิงของ วิลฟรายด์ ฟาน โมเออร์ หลังจากนั้น พอล แวน ฮิมสท์ ซัดเพิ่มครึ่งหลังเป็น 2-0 นาที 71 และแม้ว่าทีมเยือนจะมาได้ลูกตีตื้นช่วงท้ายเกมจากจุดโทษของ จีจี้ ริว่า ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาไล่ไม่ทัน พร้อมกับหยุดความฝันในการป้องกันแชมป์ฟุตบอลยุโรป เอาไว้แค่เพียงรอบคัดเลือกเท่านั้น
ฟุตบอลยูโร 1976
กุนซือ | ฟุลวิโอ เบอร์นาร์ดินี่
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 1 | ยิง 3 เสีย 3 ประตู
ภายหลังอกหักในการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 1972 ดูเหมือนฝันร้ายของแฟนบอลแดนมักกะโรนี ยังไม่จบลงแค่นั้น หลังศึกชิงถ้วยทวีปยุโรป ครั้งต่อมาปี 1976 ทีมชาติอิตาลี ต้องเจอกับผลงานอันน่าผิดหวังอีกครั้ง เมื่อพวกเขาตกรอบคัดเลือกเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
โดยทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ลูกทีมของกุนซืออย่าง ฟุลวิโอ เบอร์นาร์ดินี่ ลงเล่นเกมรอบคัดเลือกด้วยการอยู่กลุ่มเดียวกับ โปแลนด์, ฟินแลนด์ และทีมแกร่งอย่าง เนเธอร์แลนด์ โดยขุนพลแดนรองเท้าบูทเริ่มต้นเกมนัดแรกได้แบบน่าผิดหวัง เมื่อพวกเขาบุกไปแพ้ “อัศวินสีส้ม” ที่ ร็อตเตอร์ดัม แบบขาดลอย 3-1 ก่อนนัดต่อมาทำได้แค่เสมอกับ โปแลนด์ ในบ้านของตัวเองแบบไร้สกอร์ 0-0
แมตช์สำคัญสุดคือการบุกเยือน โปแลนด์ เกมนัดรองสุดท้าย ซึ่ง อิตาลี จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไปในเกมนัดสุดท้ายกับ เนเธอร์แลนด์ ทว่าตลอด 90 นาที “อัซซูรี่” ซึ่งนำทัพโดยสุดยอดนักเตะอย่าง โรแบร์โต้ โบนินเซญ่า, จอร์โจ ชินาเกลีย และ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านได้สำเร็จ ก่อนจบเกมที่สนามกรุงวอร์ซอ ด้วยการเสมอกัน 0-0
แม้ว่าเกมนัดสุดท้ายที่ลูกทีม เบอร์นาร์ดินี่ กลับมาเล่นบ้านของตัวเอง และสามารถเอาชนะ ฮอลแลนด์ 1-0 จากการยิงของ คาเปลโล่ แต่นั้นก็ไม่ดีพอที่จำทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ส่วนทีมกังหันลมผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศยูโกสลาเวีย พร้อมกับคว้าอันดับ 3 ในศึกยูโร 1976
ฟุตบอลยูโร 1984
กุนซือ | เอนโซ แบร์ซอต
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 8 นัด ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 4 | ยิง 6 เสีย 12 ประตู
ยุค 80 ถือเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับวงการฟุตบอลแดนมักกะโรนีเลยก็ว่าได้ หลังพกเขาเพิ่งสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการผงาดคว้าแชมป์บอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน เป็นเจ้าภาพ และมีสุดยอดตำนานนักเตะอย่าง เปาโล รอสซี่ เป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม
อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาต้องลงเล่นเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 1984 ด้วยการอยู่ร่วมกลุ่มกับ โรมาเนีย, สวีเดน, เชโกสโลวาเกีย และ ไซปรัส
ลูกทีม เอนโซ แบร์ซอต ซึ่งเต็มไปด้วยสุดยอดนักเตะอย่าง คลาวดิโอ เจนไทล์, มาร์โก ทาร์เดลลี่, อเลสซานโดร อัลโตเบลลี่ และ เปาโล รอสซี่ เริ่มต้นเกมรอบคัดเลือกด้วยฟอร์มอันน่าผิดหวัง หลังพวกเขาทำได้แค่เสมอกับ เชโกสโลวาเกีย 2-2 ที่สนาม ซาน ซิโร่ ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น อีก 6 เกมต่อมา อิตาลี ยังคงหลุดฟอร์มต่อเนื่องพลาดท่าบุกไปแพ้ทั้ง โรมาเนีย, สวีเดน และ เชโกสโลวาเกีย
ก่อนที่เกมนัดสุดท้ายพวกเขาคว้าชัยชนะนัดแรกและนัดเดียวได้สำเร็จ ด้วยการเปิดบ้านถล่มบ๋วยของกลุ่มอย่าง ไซปรัส 3-1 อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือการลงเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลรายการเมเจอร์ด้วยผลงานน่าผิดหวังสุดตลอดกาลของอิตาลี เมื่อพวกเขาเก็บได้แค่เพียง 5 คะแนน จากการลงเล่น 8 นัด ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 4 เกม (สมัยนั้นทีมชนะได้ 2 แต้ม)
ฟุตบอลยูโร 1992
กุนซือ | อาเซลโย่ วีชีนี่
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 8 นัด ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 1 | ยิง 12 เสีย 5 ประตู
ด้วยความผิดหวังจากการจบแค่เพียงอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 1990 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ทำให้ทีมชาติอิตาลี หมายมั่นปั้นมือว่า พวกเขาจะคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1992 ให้ได้ เพื่อลบล้างความผิดหวังจากการพลาดถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ
ยอดทีมแห่งยุโรปใต้ ลงเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 1992 ด้วยการอยู่กลุ่มเดียวกับทีมแกร่งอย่าง สหภาพโซเวียต, นอร์เวย์, ฮังการี และ ไซปรัส ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ไม่ง่ายสำหรับพวกเขาในตอนนั้น
ลูกทีม อาเซลโย่ วีชีนี่ ลงเล่น 2 เกมแรก ด้วยการไม่ชนะใครเลย ทั้งการพบกับ ฮังการี และ สหภาพโซเวียต ก่อนนัดถัดมาพวกเขาคือฟอร์มเก่งบุกชนะ ไซปรัส 4-0 ด้วยขุมกำลังจากทีมชุดคว้าอันดับ 3 บอลโลก ทั้ง เปาโล มัลดีนี่, ฟรังโก้ บาเรซี่, ซัลวาโตเร่ สกิลลาชี่ และตำนานกองหน้าอย่าง โรแบร์โต้ บัจโจ้ คงไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะพลาดโอกาสผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
ทว่าหายนะเกิดขึ้นกับทีมของ วีชีนี่ ทันที เมื่อพวกเขาเก็บได้แค่เพียงแต้มเดียวจากการเจอกับ นอร์เวย์ 2 นัด โดยเฉพาะแมตช์รองสุดท้ายซึ่งพวกเขาลงเล่นที่รังเหย้าของตัวเอง สตาดิโอ ลุยจิ แฟร์ราริส ทำได้แค่เสมอกับขุนพล “ไวกิ้ง” 1-1 และเมื่อ สหภาพโซเวียต ซึ่งลงเล่นในวันเดียวกันเอาชนะ ไซปรัส 3-0 พวกเขาปิดบัญชีตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายยูโร 92 ทันที
ส่วนทีมชาตอิตาลี นี่เป็นครั้งที่ 4 กับการตกรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นับตั้งแต่ที่ลงทำการแข่งขันหนแรกเมื่อปี 1964 หลังจากนั้นเป็นต้นมา พวกเขาไม่เคยตกรอบคัดเลือกรายการดังกล่าวอีกเลย ตลอดการแข่งขัน 7 ครั้ง ก่อนที่จะมาคว้าแชมป์สมัยที่สองในประศาสตร์ ในศึกฟุตบอลยูโร 2020
ฟุตบอลบอลโลก 2018
กุนซือ | จาน ปิเอโร่ เวนตูร่า
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 12 นัด ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 2 | ยิง 21 เสีย 9 ประตู
ภายหลังตกรอบคัดเลือก ฟุตบอลยูโร 1992 ทีมชาติอิตาลี เดินหน้าทำผลงานในรายการเมเจอร์ยอดเยี่ยมต่อเนื่อง โดยเฉพาะการคว้ารองแชมป์ฟุตบอลยุโรป 2 ครั้ง ในปี 2000 และ 2012 รวมถึงการสร้างความยิ่งใหญ่คว้าถ้วย ฟีฟ่า เวิร์ด คัพ เมื่อปี 2006
อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของความฝันอันเลวร้ายกำลังกลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง ย้อนกลับไปในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก “อัซซูรี่” ลงเล่นรอบแรกด้วยการอยู่กลุ่มเดียวกับ สเปน, อัลแบเนีย, อิสราเอล, มาซิโดเนีย และ ลิกเตนสไตน์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานที่ยากมากมายสำหรับพวกเขา และกุนซืออย่าง จาน ปิเอโร่ เวนตูร่า พาทีมออกสตาร์ทได้อย่างสวยหรู ด้วยการเก็บชัยชนะถึง 7 เกม จากการลงเล่น 10 นัด แม้พวกเขาไม่สามารถจบตำแหน่งแชมป์กลุ่มเพื่อเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ แต่พวกเขายังมีลุ้นในการเตะรอบเพลย์ออฟจากการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
โดยในเกมรอบเพลย์ออฟซึ่งเตะแบบเหย้า-เยือน อิตาลี โคจรมาพบกับคู่แข่งที่ชื่อชั้นเป็นรองอยู่พอสมควรอย่าง สวีเดน ทว่าเกมแรกที่พวกไปเยือนถิ่น เฟรนด์ส อารีน่า ผลการแข่งกลับออกมาในแบบที่หลายคนไม่คาดฝัน เมื่อทีมซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าซุปเปอร์สตาร์ ไม่ว่าจะเป็น จานลุยจิ บุฟฟ่อน, จอร์โจ คิเอลลินี่, มาร์โก แวร์รัตติ, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ อังเดร เบล็อตติ กลับพลาดท่าแพ้ทีม “ไวกิ้ง” 1-0 ก่อนเกมเลกสองที่สนาม ซาน ซิโร่ ทางฝั่งลูกทีม เวนตูร่า เดินหน้าลุยแหลกเพื่อหวังพลิกสถานการณ์ ทว่าจนแล้วจนรอดตลอด 90 นาที พวกเขาไม่สามารถเจาะแนวรับ สวีเดน ได้สำเร็จ ซึ่งนั่นทำขุนพลแดนมักกะโรนี แชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย ต้องตกรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แบบที่แฟนบอลอิตาเลี่ยน และทั่วทั้งโลกต่างช็อคไปตามๆ กัน
ฟุตบอลบอลโลก 2022
กุนซือ | โรแบร์โต้ มันชินี่
สถิติเกมรอบคัดเลือก | ลงสนาม 9 นัด ชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 1 | ยิง 13 เสีย 3 ประตู
หลังพบความผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2018 ทัพ “อัซซูรี่” มีความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือมาเป็น โรแบร์โต้ มันชินี่ และมีทีท่าว่าจะเป็นไปได้สวยเมื่อทีมมีทิศทางที่ดีขึ้นทั้งในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร และ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ต่อด้วยความสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอันอย่าง แชมป์ยูโร 2020 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังกลายเป็นทีมที่จารึกสถิติไร้พ่ายมากที่สุดในโลกด้วยจำนวน 37 นัด
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้บรรดาแฟนบอลอิตาลี ตั้งความคาดหวังว่าฟุตบอลโลกที่กาตาร์หนนี้พวกเขาจะได้เห็นทีมรักกลับไปโลดแล่นบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงกาลลูกหนังอีกครั้ง ซึ่งความหวังนั้นก็ดูท่าจะไปได้สวยจากการที่พวกเขามาอยู่ร่วมสายเดียวกันกับ สวิตเซอร์แลนด์ , ไอร์แลนด์เหนือ , บัลแกเรีย และ ลิทัวเนีย ในรอบคัดเลือก ซึ่งไม่ได้เป็นงานหนักสำหรับพวกเขามากนัก แถมผลงานก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครเลยตลอด 8 เกม ชนะ 4 เสมอ 4 แต่ที่พลาดคือการทำได้แค่เสมอกับขุนพลแดนนาฬิกาถึง 2 เกม และเสมอกับ บัลแกเรียอีก 1 ทำให้ สวิส ที่มีแต้มดีกว่าจบตำแหน่งแชมป์กลุ่ม พร้อมผ่านเข้าสู่นอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตามความหวังของแข้งแดนรองเท้าบูทยังไม่หมด เพราะในเกมรอบเพลย์ออฟ พวกเขาก็ถูกจับมาอยู่กับ นอร์ธ มาซิโดเนีย , ตุรกี และ โปรตุเกส โดยในกลุ่มนี้มีแค่ทัพ “ฝอยทอง” เท่านั้นที่น่ากังวลสำหรับพวกเขา ซึ่งในเกมแรกพวก อิตาลี ถูกจับมาเจอกับ มาซิโดเนีย ยิ่งถูกมองว่าโอกาสที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบมีสูงขึ้นกว่าเดิม แต่ทุกอย่างไม่เป็นแบบที่หลายคนคิด เมื่อลูกทีม มันชินี่ ที่ดาหน้าซัดไปถึง 32 ครั้ง ในเกมดังกล่าว แต่ตรงกรอบแค่ 5 ครั้ง และไม่เป็นประตูแม้แต่ลูกเดียว ก่อนที่จะมาโดนที่เด็ดของ มาซิโดย ยิงประตูชัยช่วงท้ายเกมจากฝีเท้าของ อเล็กซานดาร์ ทราจคอฟสกี้
ความมั่นใจที่ได้รับมาจากศึกยูโร กลายเป็นดาบสองคมที่ส่งให้พวกเขาอดไปเล่นบนเวทีฟุตบอลโลก ที่ประเทศการตาร์ ประกอบกับปัญหากองหน้าปืนฝืด ที่แม้จะเล่นดีอย่างไรก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนแสดงออกมาให้เห็นในหลายๆ เกม และสุดท้ายก็ย้อนกลับมาทำลายพวกเขาเองในที่สุด อนาคตต่อจากนี้พวกเขาอาจต้องเตรียมถ่ายเลือดใหม่เพราะบรรดานักเตะซีเนียร์ในทีมหลายรายก็เลยหลัก 30 กันหมดแล้ว แต่ความหวังก็ยังมีจากแข้งหนุ่มภายในทีมก็มีศักยภาพมากพอที่จะสามารถสอดแทรกขึ้นมาทดแทนได้ ในขณะที่ตัวกุนซืออย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ยังไม่แน่นอนกับอนาคต แต่ทีมระดับ อิตาลี ก็คงจะสามารถดึงดูดยอดกุนซือเข้ามาทำทีมต่อได้ไม่ยาก