เช็กผลงานโค้ชง้วนกุนซือจอมขัดตาทัพแห่งทัพกระต่าย

โค้ชง้วน

ยอดทีมจากย่านคลองรังสิต เพิ่งตัดสินใจปลด “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช หลังเขาพาทีมทำผลงานน่าผิดหวังต่อเนื่อง นับตั้งแต่กลับมารับงานคุมทีมรอบสอง ก่อนที่สโมสรจะแต่งตั้ง สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ เข้ามาคุมทีมชั่วคราวตามคาด

นี่เป็นหนที่ 4 สำหรับการรับตำแหน่งเฮดโค้ช บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ของ “โค้ชง้วน” หลังก่อนหน้านี้เขาเคยถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นกุนซือ “เดอะ แรบบิท” มาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2009, 2012 และ 2017

โดยวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปย้อนดูผลงานของ สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กับการถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในแต่ละครั้งที่ผ่านมา เพื่อดูว่าเขาพาทีมทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน กับการรับบทเป็นกุนซือขัดตาทัพของสโมสร

 

รับงานต่อจาก ฮันส์ เอ็มเซอร์ | ซีซั่น 2009

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทย เพิ่งยุติเส้นทางอาชีพการค้าแข้งของตัวเองกับทีมในศึก เอส ลีก สิงคโปร์ ได้ไม่นาน ก่อนที่เขาจะถูกดึงตัวกลับมายังเมืองไทย เพื่อรับงานกุนซือ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต่อจาก ฮันส์ เอ็มเซอร์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน เฮดโค้ชคนแรกอย่างเป็นทางการของ “เดอะ แรบบิท”

โดยผลงานของ สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพา บางกอกกล๊าส จบถึงอันดับ 3 ในศึก ไทย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2009 ด้วยการมีแต้มตามหลังแชมป์อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด แค่เพียง 9 คะแนน เท่านั้น

หลังจากนั้น สุรชัย พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย ควีนส์ คัพ 2010 ด้วยการเอาชนะ โปลิศ ยูไนเต็ด ในเกมนัดชิงชนะเลิศ 4-1 อย่างไรก็ตามผลงานช่วงออกจากสตาร์ทเกมลีกฤดูกาล 2010 ค่อนข้างน่าผิดหวัง หลังทีมของเขาเก็บแต้มได้แค่เพียง 14 คะแนน จาก 10 เกมแรก ซึ่งนั่นทำให้ “โค้ชง้วน” ตัดสินใจแสดงสปิริตด้วยการลาออก และขยับไปรับตำแหน่งผู้บริการสโมสรเนื่องจากยังคงมีสัญญาเหลืออยู่ ทว่าเวลาต่อมาถูกสมาคมฟุตบอลดึงไปเป็นมือขวาของกุนซือทีมชาติไทย ยุคนั้น อย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ในท้ายที่สุด

 

รับงานต่อจาก อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ | ซีซั่น 2012

ก่อนเริ่มต้นซีซั่น 2012 ยอดทีมแห่งคลอง 3 ได้ตัดสินใจแต่งตั้ง “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กลับมารับงานคุมทีมเป็นหนที่สอง ต่อจาก อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ซึ่งพาทีมจบอันดับ 5 ศึก ไทย พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อนหน้านั้น

“กระต่ายแก้ว” ยุคนั้นซึ่งเต็มไปด้วยนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์อย่าง ฟลาเวียง มีเชลีนี, ปีเตอร์ แลง, เอกพันธ์ อินทเสน, อนาวิน จูจีน และ ธีรเทพ วิโนทัย ทว่าอดีตมือขวา วินฟรีด เชเฟอร์ กลับพาทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังชนะแค่เพียง 6 เกม จากการลงเล่น 15 นัดแรก ของฤดูกาล

หลังจากนั้นตลอดทั้งซีซั่นฟอร์มของ บีจี ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่นัก กระทั่งมาถึงเดือนกันยายน หลังแมตช์ที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ ทีทีเอ็ม เชียงใหม่ 2-2 ในเกมนัดที่ 29 ของฤดูกาล ทำให้เขาตัดสินใจรับผิดชอบผลงานอันย่ำแย่ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ ฟิล สตับบินส์ เทรนเนอร์ชาวอังกฤษ จะเข้ามาคุมทีมต่อจนกระทั่งจบซีซั่น แถมพาทีมทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยสองรายการ ทั้งในศึกมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ และ โตโยต้า ลีกคัพ ซึ่งพวกเขาแพ้คู่ปรับอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งสองเกม

 

รับงานต่อจาก ออเรลิโอ วิดมาร์ | ซีซั่น 2017

ด้วยดีกรีเป็นถึงอดีตกุนซือทีมชาติออสเตรเลีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ออเรลิโอ วิดมาร์ ถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นเทรนเนอร์ที่พา “เดอะ แรบบิท” ประสบความสำเร็จในฤดูกาล 2017 อย่างไรก็ตามความเป็นจริงกลับไปไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเจ้าตัวพาทีมทำผลงานน่าผิดหวังตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทซีซั่น กระทั่งถูกปลดออกจากตำแหน่งช่วงเดือนกรกฎาคม และกลายเป็น สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ถูกแต่ตั้งเป็นกุนซือชั่วคราวอีกครั้ง

โดยผลงานของ “โค้ชง้วน” กับการรับงานต่อจาก วิดมาร์ ลงเล่นเกมลีกอีก 10 นัด ที่เหลือในฤดูกาลนั้น เขาพาทีมชนะแค่เพียง 2 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 4 นัด ซึ่งนั่นทำให้ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต้องจบแค่เพียงอันดับที่ 5 ของศึก โตโยต้า ไทยลีก 2017

หลังจบซีซั่นดังกล่าว เขาขยับกลับไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรตามเดิม พร้อมกับการเข้ามาทำทีมของเฮดโค้ชคนใหม่อย่าง โจเซป เฟร์เร่ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากการรับบทกุนซือขัดตาทัพรอบที่ 3 ของ สุรชัย กับยอดทีมแห่งเมืองปทุม อย่างเป็นทางการ

 

รับงานต่อจาก ดุสิต เฉลิมแสน | ซีซั่น 2021/2022

เป็นอีกอีกครั้งที่ผู้อำนวยการสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือชั่วคราวของทีม หลังพวกเขาเพิ่งตัดสินใจแยกทางกับ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ซึ่งทำผลงานค่อนข้างย่ำแย่กับการกลับมารับงานในถิ่น บีจี สเตเดี้ยม รอบสอง หลังเขาพาทีมลงเล่นไปแล้ว 5 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 2 นัด

โดยภารกิจหลักของ “โค้ชง้วน” คือการพาทีมป้องกันแชมป์ ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก ให้ได้ ซึ่งเวลานี้ บีจี อยู่อันดับ 5 ของตาราง หลังผ่านไปแล้ว 17 เกม ตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ถึง 6 แต้ม และอีกงานใหญ่นั่นคือการลงเล่นในศึกฟุตบอลถ้วยเอเชีย อย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งถือเป็นงานหนักไม่น้อยเมื่อต้องเจอกับทีมร่วมกลุ่มอย่าง ชุนนัม ดรากอนส์, เมลเบิร์น ซิตี้ และ ยูไนเต็ด ซิตี้ คงต้องมาดูกันว่าการเข้ามารับบทกุนซือขัดตาทัพ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกครั้งของ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ จะเป็นอย่างไร และจะสามารถพาทีมประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดได้หรือไม่

 

มาโน่