อย่างที่ทราบกันว่าวงฟุตบอลในปัจจุบันขับเคลื่อนไปด้วยธุรกิจ ทุกทีมใช้เงินเสริมทัพเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดบนลีกสูง จะเห็นได้ว่าการแข่งขันนั้นสูงและมีความเข้มข้นสุด ๆ
ทำให้หลายทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่ง “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็เป็นหนึ่งในนั้น ล่าสุดพวกเขาได้ปลด เจสซี่ มาร์ช เทรนเนอร์ชาวสหรัฐอเมริกาออกจากตำแหน่งกุนซือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขากลายเป็นกุนซือรายที่ 8 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงทีมต่อจาก สก็อตต์ พาร์คเกอร์ (บอร์นมัธ), โธมัส ทูเคิ่ล (เชลซี), แกรห์ม พ็อตเตอร์ (ไบร์ทตัน), บรูโน่ ลาจ (วูล์ฟส), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (แอสตัน วิลล่า), ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิ่ล (เซาธ์แฮมป์ตัน) และแฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี)
วันนี้ UfaArena จะพาทุกท่านไปหาเหตุผลว่าทำไม เจสซี่ มาร์ช ถึงต้องตกงานกลางคัน และใครที่เป็นตัวเต็งที่เข้ามารับไม้ต่อ กับภารกิจการพาทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไป
๐ เส้นทางการเข้ามาทำงานกับลีดส์
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ลีดส์ ยูไนเต็ด กำลังตกอยู่ในสถานเดียวกันกับตอนนี้ พวกเขาเลือกปลด มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือบรมครูชาวอาร์เจนไตน์ออกจากตำแหน่ง ในตอนนั้นรูปแบบการเล่นของ ลีดส์ ยูไนเต็ด คือเดินหน้าฆ่ามัน เสียประตูเท่าไหร่ ก็ไม่สนใจขอให้ยิงได้มากกว่าเสียก็พอ ซึ่งมันไม่เป็นแบบนั้น เพราะกองหน้าตัวความหวังในการผลิตสกอร์อย่าง แพทริค แบมฟอร์ด มักจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง สุดท้าย บิเอลซ่า ก็ไม่รอด
ลีดส์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึง เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวมะกันที่ตอนนั้นกำลังว่างงาน เพราะเพิ่งถูก แอร์เบ ไลป์ซิก ปลดออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนธันวาคม 2021
มาร์ช ตกงานไม่ถึง 3 เดือนก็ได้งานใหม่ที่อังกฤษ การเข้ามาของเขาในช่วงแรกถือว่ามีปัญหาเหมือนกันเพราะออกสตาร์ท 2 เกม แพ้รวด แต่ก็สามารถคืนฟอร์มพาทีมเก็บชัยได้ 4 เกม ในช่วงโค้งสุดท้ายรอดพ้นการตกชั้นอย่างหวุดหวิดด้วยการจบอันดับ 17 ของตาราง มีแต้มเหนือโซนแดง 3 คะแนน
ทำให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไว้วางใจให้เขาทำงานต่อไปในฤดูกาล 2022-23 ด้วยเป้าหมายใหม่คือการยกระดับทีมอย่างน้อยให้ทำอันดับได้ดีกว่าเดิมหรือไปเล่นฟุตบอลยุโรป ทุ่มงบในการเสริมทัพไปถึง 94.7 ล้านปอนด์ สอยผู้เล่นใหม่เข้ามา 7 ราย
ส่วนใหญ่เป็นนักเตะที่คุ้นเคยกับเขาอยู่แล้วอย่าง แบรนเด้น แอรอนสัน เคยอยู่ด้วยกันที่ซัลซ์บวร์ก, ไทเลอร์ อดัมส์ ทำงานร่วมกันที่แอร์เบ ไลป์ซิก รวมไปถึงราสมุส คริสเตนเซ่น ด้วย
อย่างไรก็ตาม ลีดส์ ต้องเสียหัวใจหลักในแดนกลางอย่าง คัลวิน ฟิลิปป์ส ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ดาวรุ่งอย่าง ดาร์โก้ กยาบี้ เข้ามา
๐ ผลงานห่วยชนิดที่โต้แย้งไม่ได้
ในช่วงการออกสตาร์ทฤดูกาล 2022-23 ลีดส์ ยูไนเต็ด ถือว่าฟอร์มดีมีอนาคตเลยทีเดียว พวกเขาไม่แพ้ใครเลยในการลงเล่น 3 เกมแรก ชนะ 2 เสมอ 1 แถมเป็นการถล่มทีมใหญ่อย่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี เสียด้วย ซึ่งผลงานของเขาในเกมนั้นถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล ต้องตกเก้าอี้
แต่ทว่าหวังจากถล่ม เชลซี ผลงานของลีดส์ ยูไนเต็ด กลับตาลปัตรูดมหาราชแบบน่าใจหาย ชนะใครไม่ได้เลย 8 เกมติดในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะมาปลดล็อกเอาชนะทีมใหญ่อย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ 2-1 ตามด้วยการกลับไปเล่นในบ้านเฉือนบอร์นมัธสุดมันส์ 4-3
ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถพาทีมรักษามาตรฐานการเล่นที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ เพราะหลังจากนั้น ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ชนะใครอีกเลยแพ้ไป 4 เสมอ 3 และฟางเส้นสุดท้ายก็ได้ขาดลง เมื่อเขาพาทีมบุกพ่ายให้กับ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 จนทำให้ทีมหล่นมารั้งอันดับ 17 ของตารางมีแต้มเท่ากับอันดับ 18 อย่าง เอฟเวอร์ตัน หรือเรียกได้ว่าหล่นลงไปในโซนอันตราย
ในวันรุ่งขึ้นบอร์ดบริหาร ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้นัดประชุมด่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของเขา บทสรุปก็คือไม่รอดเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้สถานะของทีมได้เปลี่ยนไป จากสโมสรที่หวังยกระดับทีมเพื่อไปเล่นฟุตบอลยุโรป กลับกลายว่าต้องมาเป็นทีมที่มาลุ้นหนีตกชั้น
หากเรามองจากผลงานโดยรวมก็สมควรถูกปลด เพราะย่ำแย่สุด ๆ ในช่วงระยะเวลาที่ทำงานกับทีมมาทั้งหมด 11 เดือน คุมทีมไป 37 เกมในทุกรายการ ชนะได้แค่ 11 เสมอ 10 และแพ้ 16 ตีเป็นค่าเฉลี่ยพาทีมเก็บชัยได้แค่ 29.73 % เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่เขาทำงานโค้ชมาก ไม่ว่าจะเป็นการคุม มอนทรีออล อิมแพ็ค, นิว ยอร์ค เรด บูลล์ส, เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และแอร์เบ ไลป์ซิก
๐ ปัญหาจากเกมนอกบ้าน
ในฤดูกาลนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด มีผลงานนอกบ้านที่ย่ำแย่สุด ๆ พวกเขาลงเล่นเกมนอกบ้านไป 11 นัด ชนะได้แค่ 1 ซึ่งเป็นการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ของเยอร์เก้น คล็อปป์ ที่แอนฟิลด์ซะด้วย แต่หลังจากนั้น ก็เสมอ 2 แพ้ไป 7 เก็บได้แค่ 5 คะแนนเท่านั้น มีเพียงบอร์นมัธที่ในลีกฟอร์มแย่กว่าพวกเขาแค่ทีมเดียวเท่านั้น โดยยิงได้แค่ 11 และเสียไป 20 ประตู
ทำให้เกมนอกบ้านกลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขาชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้เลย นอกจากนี้การป้องกันเกมรับก็ถือว่าล้มเหลวในเชิงของกลยุทธ์ รวมแล้วฤดูกาลนี้เสียไปถึง 38 ประตู จากการลงเล่น 20 เกม มีเพียง บอร์นมัธ เจ้าเก่าและเซาธ์แฮมป์ตันที่ดูจะห่วยกว่าพวกเขา
๐ ปลดแล้วดีจริงหรือ ?
เมื่อเรามองจากผลงานก็อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เจสซี่ มาร์ช นั้นควรจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าพิจารณาอีกมุมก็น่าแปลกใจว่าทำไม ลีดส์ ยูไนเต็ด ถึงไม่ให้เวลาเขามากกว่านี้ เพราะนักเตะที่ไปดึงมาใหม่อย่าง เวสตัน แม็คเคนนี่ และจอร์จินิโอ้ รุตแตร์ เพิ่งลงเล่นในลีกไปแค่เกมเดียวเท่านั้น รวมไปถึงผู้เล่นที่ซื้อเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ นักเตะเหล่านี้ดูจะเหมาะกับสไตล์การทำทีมของเขา เพราะล้วนแต่เคยร่วมงานกันมาก่อน
ดูแล้วเป็นอะไรที่น่าสับสนมาก ๆ เพราะถ้าคิดจะปลดแต่แรก ทำไมบอร์ดบริหารของทีมจึงยอมทุ่มเงินให้เขาใช้จ่ายแบบเต็มคาราเบลในช่วงตลาดหน้าหนาว โดยเฉพาะการไปถึง เวสตัน แม็คเคนนี่ มิดฟิลด์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันเข้ามาด้วยสัญญายืมตัวพร้อมด้วยอ็อปชั่นซื้อขาด และยังมี จอร์จินิโอ้ รุตแตร์ แนวรุกฝีเท้าดีด้วยค่าตัวสถิติแพงที่สุดของสโมสร
เมื่อแพ้เกมแรกหลังตลาดหน้าหนาวปิดพวกเขากลับปลด เจสซี่ มาร์ช ออกจากตำแหน่งทันที ก็ไม่รู้ว่าบอร์ดบริหารของทีมกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะการปลดโค้ชทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด นักเตะที่ซื้อมาก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากับผู้จัดการทีมคนต่อไปหรือไม่
ทำให้เกิดคำถามว่าการปลดโค้ชออกจากตำแหน่งกลางครันแบบนี้ดีจริงหรือ ?
๐ แคนดิเดตที่จะเข้ามาสานงานต่อ
เมื่อปลดกุนซือไปแล้วงานต่อไปของบอร์ดบริหารลีดส์ ยูไนเต็ด คือการเฟ้นหาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เหมาะสมจะพาทีมของพวกเขาอยู่รอดในลีกสูงสุด มีกุนซือหลายรายที่อยู่ในข่ายจะมาทำงานในถิ่นเอลแลนด์ โร้ด ชื่อของ คาร์ลอส คอร์เบราน พุ่งพรวดเป็นตัวเต็งที่จะเข้ามาทำงานแทน
เทรนเนอร์หนุ่มชาวสเปนวัย 39 ปี ถูกบริษัทรับพนันอย่างถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ ยกให้เขากลายเป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้ามาทำงานต่อจาก เจสซี่ มาร์ช โดย คอร์เบราน นั้นมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพราะเคยคุมทีมชุดสำรองหรือรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในช่วงปี 2017-2020 และรับบทบาทผู้ช่วยของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ด้วย จากนั้นได้แยกย้ายไปเติบโตในเส้นทางของตัวเองด้วยการคุม ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ พาทีมได้ลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้น
ตอนนี้เขายังทำงานในอังกฤษกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ถือว่ามีสถิติการคุมทีมที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว หลังเข้ามาทำงานเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2022 คุมทีมไปทั้งหมด 16 เกม ชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 4 คิดเป็นค่าเฉลี่ยพาทีมคว้าชัยได้ถึง 68.75 %
อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งต่อสัญญากับ เวสต์บรอมวิช ออกไปจนถึงปี 2027 ถ้า ลีดส์ อยากได้ก็ต้องจ่ายหนักหน่อยกับการฉีกสัญญา
นอกจากนี้ยังมีชื่อของกุนซือรายอื่น ๆ อย่าง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ที่เป็นคนคุมทีมพาเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในลีกสูงสุดในรอบ 16 ทีม เขาถูกปลดไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เขาเดินทางมาอังกฤษเพื่อคุยงานกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ไม่ได้งานนี้ ไม่ว่าตอนนี้บินกลับอาร์เจนติน่าหรือยัง
ขณะที่ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิ่ล อดีตกุนซือของ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มีเอี่ยวด้วย รวมไปถึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ถือว่าเป็นแรร์ไอเทม แต่คงเป็นเรื่องยาก เชื่อว่าน่าจะกำลังรองานจากสโมสรใหญ่ ๆ มากกว่า ส่วนชื่อสุดท้ายคือ อันเก้ ปอสเตโตกลูยอดเทรนเนอร์จาก เซลติก ถ้ามาคุมทีมที่นี่ มีหวังนักเตะญี่ปุ่นเต็มทีมแน่
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทิศทางของ ลีดส์ ยูไนเต็ด จะเป็นอย่างไร กับการเดิมพันครั้งสำคัญของพวกเขาในการเปลี่ยนผู้จัดการทีม
ใครจะเข้ามาทำงานต่อ และจะบรรลุเป้าหมายแรกที่ตั้งเอาไว้คือการรอดตกชั้นได้หรือไม่ ?