ร้องได้ไม่หักคะแนน : 10 แข้งดาวดังหลั่งน้ำตาคาสนาม

ใครบางคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ฟุตบอลเป็นกีฬาของลูกผู้ชาย” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นมนุษย์ทั่วไป

มีเหตุการณ์ไม่น้อยที่ทำให้เหล่านักเตะต้องเสียน้ำตาต่อหน้าผู้ชมเป็นหมื่นๆ ในสนามและอีกหลายล้านคนหน้าจอทีวี ซึ่งอาจเกิดได้จากความปลื้มปิติยินดีกับชัยชนะเกมนั้น หรืออาจมาจากความพ่ายแพ้ในเกมนัดสำคัญของทีม

เช่นกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้น แอนโธนี่ เอลังก้า ปีกดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ร้องไห้ออกมาทันที หลังยิงจุดโทษพลาดในช่วงชี้ขาด จนทำให้ทีมพ่าย มิดเดิ้ลสโบรห์ ตกรอบ เอฟเอ คัพ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 แข้งดาวดังที่ต้องหลั่งน้ำตาให้กับเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ระหว่างการแข่งขัน และที่สำคัญไม่มีใครมานั่งหักคะแนนพวกเขาด้วย

 

มาริโอ บาโลเตลลี่

หลังจากที่เป็นผู้เหมา 2 สองประตูให้ทีมชาติอิตาลีผ่านทีมชาติเยอรมันอันแข็งแกร่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ศึกยูโร 2012 ได้สำเร็จ มาริโอ้ บาโลเตลลี่ กลายเป็นฮีโร่ของ ‘อัซซูรี่’ ไปในทันที

ทว่า เกรียนโอ้ กลับแผลงฤทธิ์ไม่ออกในเกมนัดชิงชนะเลิศ ก่อนที่ทีมของเขาจะถูกสเปนถล่มยับเยินถึง 4-0 จนกลายเป็นนัดชิงฯ ที่ถูกบันทึกสถิติว่า ยิงกันเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์

หอกชาวอิตาเลี่ยน ที่ทุ่มเทเต็มที่แต่สุดท้ายต้องพบกับความผิดหวัง ก็ต้านทานความกลัดอกไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร

 

ฮาเมส โรดริเกซ

ฮาเมส โรดริเกซ กลายเป็นดาวดังสร้างชื่อให้แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักอย่างเต็มตัวในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกปี 2014 กับฟอร์มสุดโดดเด่นกับ โคลอมเบีย คว้าตำแหน่งดาวซัลโวด้วยจำนวน 6 ประตู

ทีมชาติของเขาต้องเก็บแคมป์กลับบ้านกันไปตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อแพ้ให้กับเจ้าภาพบราซิลไป 2-1 พร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่พรั่งพรูออกมาแบบห้ามกันไม่ไหว 

 

จอห์น เทอร์รี่ 

ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2008 เชลซี มีโอกาสคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก หลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงไม่เข้าในช่วงซัดจุดโทษชี้ขาด

จอห์น เทอร์รี่ เป็นคนสุดท้ายที่รับหน้าที่สังหารให้ สิงห์บลูส์ แต่สุดท้าย กองหลังชาวอังกฤษ กลับลื่นจนยิงจุดโทษพลาด จนต่อเวลาให้ ปีศาจแดง ยังมีความหวัง ก่อนโชว์ความเด็ดเดี่ยวคว้าชัยได้ในเวลาต่อมา

นั่นทำให้ เทอร์รี่ ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา หลังสิ้นเสียงนกหวีด และกลายเป็นรอยแผลในใจของเขาถึง 4 ปี ก่อนแก้ตัวได้สำเร็จช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในปี 2012

 

หลุยส์ ซัวเรซ

นัดรองสุดท้ายก่อนสิ้นสุดฤดูกาล 2013-14 ของลิเวอร์พูล ทีมของ ซัวเรซ กำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ที่มีโอกาสมากกว่า กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะถึงแม้ก่อนหน้านี้จะสะดุดพ่าย เชลซี 0-2 พร้อมช็อตหล่อลื่นของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พวกเขาก็ยังรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่

3 แต้มเต็มคือสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด เพื่อที่จะยืดเวลาของการชิงชัยออกไปจนถึงนัดสุดท้ายของซีซั่น และเกมกับ คริสตัล พาเลซ ‘หงส์แดง’ ก็ยิงรัว ๆ ทิ้งห่างเจ้าบ้านออกไปไกลถึง 3-0

ทว่าในช่วง 10 นาที ปราสาทเรือนแก้ว สามารถเอาคืนได้ 3 ประตูรวดจนสกอร์ขึ้นมาเท่ากันที่ 3-3 และการได้เพียงแค่ 1 แต้มจากเกมนี้ ทำให้ ซัวเรซ ผิดหวังสุดๆจนต้องเอาเสื้อมาปกคลุมใบหน้าที่กำลังหลั่งน้ำตาอยู่ ก่อนที่สุดท้ายจะโดน เรือใบสีฟ้า แซงหน้าคว้าแชมป์ลีกไปครองในเวลาต่อมา

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยต้องเสียน้ำตาครั้งใหญ่ หลังจากที่ทีมชาติโปรตุเกสของเขานั้นไม่สามารถคว้าแชมป์ ยูโร 2004 มาไว้ในครอบครองได้หลังจากแพ้ทีมที่ดูด้อยกว่าอย่างกรีซไป 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่แดนฝอยทอง เป็นเจ้าภาพ

ความอัดอั้นตันใจทั้งหลายที่ CR7 ในวัน 19 ปี ต้องพบเจอในครั้งนั้น ทำให้เขาต้านทานเอาไว้ไม่ไหวจนต้องปลดปล่อยมันออกมา แถมวันที่เขาแพ้ในรอบชิงนั้น คุณพ่อของเขาก็ต้องเสียชีวิตลงโดยมีต้นเหตุมาจากสุรา

อย่างไรก็ตามนนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ โรนัลโด้ กลายเป็นยอดแข้งดาวดังเบอร์ต้นของโลกในเวลาต่อมา และครองความเป็นหนึ่งในวงการร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ มานานนับ 10 ปี

 

ลิโอเนล เมสซี่

ก่อนหน้าคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ ต้องผ่านความผิดหวังในการเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนติน่า มากมาย เพราะทุกครั้งที่เขาพาทีมเข้าชิงก็ต้องอกหักอยู่ร่ำไป

และที่หนักหนาสำหรับ ดาวดังวัย 34 ปี มากที่สุดคือการที่เขา แพ้ให้กับ ชิลี ในนัดชิงดำโคปา อเมริกา ปี 2016 และเป็นหนที่ 4 ในทีมชาติที่เขาต้องอกหักในนัดชิง

นั่นทำให้ เมสซี่ ผิดหวังสุดๆจนต้องปล่อยโฮออกมาหลังเกม และประกาศแขวนสตั๊ดในเวลาต่อมา ก่อนสุดท้ายจะกลับลำมาเล่นให้ทัพ ‘ฟ้าขาว’ อีกครั้ง และพบความสำเร็จหนแรกกับทีมบ้านเกิดในอีก 5 ปีต่อมา

 

คาร์สเท่น ยังเคอร์

บาเยิร์น มิวนิค แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อพวกเขาโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิง 2 ประตูแซงในช่วงทดเวลาพิเศษ พ่ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 1999 พร้อมกลายเป็นหนึ่งเกมสุดคลาสสิคในประวัติศาสตร์ของรายการ

แน่นอนว่า แข้ง เสือใต้ ในวันนั้น ต่างแสดงความผิดหวังแบบไม่อายใคร ทั้ง แซมมี่ คุฟฟูร์ แนวรับของทีมที่ลงไปทุบพื้นเป็นบ้าเป็นหลัง รวมไปถึง คาร์สเท่น ยังเคอร์ กองหน้าร่างใหญ่ ลงไปคุกเข่าร้องไห้บนสนาม จน โธมัส เฮลเมอร์ เพื่อนร่วมทีมตัวสำรองต้องเข้ามาปลอบใจ

 

ลอริส คาริอุส

ลอริส คาริอุส กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มนัดชิงชนะเลิศได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แชมเปี้ยนส์ลีก กับเกมที่เขาลงเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พูล ดวลกับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2018

จากที่เกมยังเสมอกับอยู่ จู่ๆ นายทวารชาวเยอรมัน ก็ทำให้ ‘หงส์แดง’ ตกเป็นรอง ด้วยการแจกประตูให้ คาริม เบนเซม่า รวมไปถึงปัดลูกยิงของ แกเร็ธ เบล ไม่ออกจนเข้าประตู ส่งผลให้ทีมของเขาพ่ายไป 1-3

ถึงอย่างนั้น คาริอุส ก็รู้ดีว่าตนเองทำผลงานได้ย่ำแย่แค่ไหน จนต้องเดินไปทั่วสนามวันนั้นเพื่อขอโทษ เดอะ ค็อป ทั้งน้ำตา

 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ในนัดชิงวันเดียวกัน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะตัวความหวังของ ลิเวอร์พูล ต้องปิดฉากเกมนัดสำคัญตั้งแต่นาทีที่ 31 เนื่องจากอาการบาดเจ็บหนักที่หัวไหล่ในจังหวะปะทะกับ เซร์คิโอ้ รามอส

ไม่แปลกที่ ดาวดังของ ‘หงส์แดง’ จะหลั่งน้ำตาออกมาทันทีที่รู้ว่าเล่นต่อไม่ไหว มากไปกว่านั้น อีกสิ่งที่เขากลัวก็คือ การบาดเจ็บนี้อาจทำให้เขาพลาดลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติอียิปต์  โชคดีที่สุดท้ายจะหายทันไปช่วยบ้านเกิดได้ดั่งหวัง

 

เปเล่

ปิดท้ายด้วยการหลั่งน้ำตาด้วยความยินดีกันบ้าง กับเหตุการณ์ของ เปเล่ ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิล กับฟุตบอลโลกปี 1958 ทัวร์นาเม้นต์แรกที่เขาสร้างชื่อระดับโลก

เจ้าของฉายา ‘ไข่มุกดำ’ ไปลุยทัพ เซเลเซา ด้วยวัยเพียง 17 ปี ก่อนทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดรายการ ด้วยการซัดไป 6 ประตู รวมถึงนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ สวีเดน เจ้าภาพ 5-2 

หลังจบเกมนั้น เปเล่ ร้องไหออกมาด้วยยินดีเกินจะบรรยาย โดยซบไปที่ไหล่ของ ดีดี้ โดยมี กิลมาร์ และ ออร์แลนโด้ อีก 2 เพื่อนร่วมทีมมาแสดงความยินดีร่วมกัน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง