และแล้วศึกชิงแชมป์สโมสรยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็เตรียมเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง ฤดูกาล 2022-23 และแน่นอนว่าครั้งนี้ยังเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้ครั้งไหนๆ
หลายคนน่าจะทราบกันครบครบถ้วนแล้วว่าทีมไหนอยู่กลุ่มอะไรบ้างตั้งแต่มีการจับฉลากรอบแบ่งกลุ่มในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และปรากฏว่าทีมใหญ่ไม่น้อยต้องมาดวลกันตั้งแต่รอบนี้ ทั้งที่เคยมีประวัติกันตั้งแต่อดีต รวมไปถึงขั้วอำนาจใหม่ที่โผล่ขึ้นมาท้าทายบิ๊กเนมหน้าเก่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 10 เกมรอบแบ่งกลุ่มของ UCL ประจำฤดูกาล 2021-22 ที่แฟนบอลพันธ์แท้ห้ามพลาดเด็ดขาด
แอตเลติโก้ มาดริด พบ ปอร์โต้
แอตเลติโก้ มาดริด น่าจะเป็นทีมใหญ่ที่แฮปปี้ที่สุดหลังทราบผลจับฉลากรอบแบ่งกลุ่มใน แชมเปี้ยนส์ลีก เนื่องจากคู่แข่งค่อนข้างง่าย และมีโอกาสที่จะจบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มได้ง่าย โดยพบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, ปอร์โต้ และ คลับ บรูซ
อย่างไรก็ดี หากมองว่างานที่ท้าทายที่สุด สำหรับทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ในรอบนี้ คือการพบกับ ปอร์โต้ ซึ่งถึงแม้ทีมดังจากโปรตุเกส อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จในถ้วย UCL ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็อุดมไปด้วยแข้งดาวรุ่งและตัวเก๋าที่มีประสบการณ์ในบอลยุโรปไม่น้อย โดยฝั่ง ‘ตราหมี’ จะเปิดบ้านต้อนรับก่อนในวันที่ 7 กันยายน จากนั้นก็จะบุกไปเยือน เบลเยี่ยม ในวันที่ 1 พฤศจิกายน
เรอัล มาดริด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก
เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จอย่างมากในฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งการคว้าแชมป์ลาลีก้า รวมไปถึงถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขามาลุยถ้วยยุโรปในฐานะแชมป์เก่า และคาดว่าจะคว้าอันดับ 1 ในรอบแบ่งกลุ่มอย่างไม่ยากเย็น หลังมีคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันอย่าง ชัคตาร์ โดเนสต์ก, กลาสโกว์ เซลติก และ แอร์เบ ไลป์ซิก
กระทิงแดงแดนเบียร์ คือคู่แข่งที่หินที่สุดสำหรับ ราชันชุดขาว ในรอบนี้ และน่าจะเป็นเกมที่หลายคนคิดว่าน่าสนใจที่สุดในกลุ่ม เอฟ ด้วย เนื่องจาก ไลป์ซิก มีแนวรุกดาวเด่นอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู เป็นตัวชูโรง พร้อม อันเดร ซิลวา แถมได้ ติโม แวร์เนอร์ กลับมาล่าตาข่ายด้วย
โดยมาดริด จะเปิดบ้านต้อนรับ ไลป์ซิก ก่อนในวันที่ 15 กันยายน ก่อนบุกไปเยือนที่ เยอรมัน ในวันที่ 25 ตุลาคม
บาเยิร์น มิวนิค พบ อินเตอร์ มิลาน
อินเตอร์ มิลาน อาจกลับมาเป็นขาประจำในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่พวกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และฤดูกาลนี้ก็อาจซ้ำรอยเดิม เมื่อต้องจับฉลากมาอยู่ในกลุ่ม ซี ที่มี บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า และ วิคตอเรีย พัลเซ่น ซึ่งถูกยกให้เป็น ‘กรุ๊ป ออฟ เดธ’ ใน UCL ประจำฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม เกมที่ ‘งูใหญ่’ ในยุคเล่นเกมรุกเต็มสูบที่มี ซิโมเน่ อินซากี้ พบกับ เสือใต้ ของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มัน ที่โดดเด่นในด้านการเพรสซิ่งแบบเต็มกำลัง ก็เป็นหนึ่งในเกมที่หลายคนตั้งตารออย่างแน่นอน โดย อินเตอร์ จะเป็นฝ่ายเปิดบ้านต้อนรับก่อนในวันที่ 7 กันยายน จากนั้น บาเยิร์น ก็เป็นฝ่ายเจ้าบ้านบ้างในวันที่ 1 พฤศจิกายน
โอลิมปิก มาร์กเซย พบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
โอลิมปิก มาร์กเซย และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่เดินหน้าเสริมทัพมากเป็นอันดับต้นๆในตลาดซัมเมอร์นี้ โดย โอแอ็ม ได้แข้งดังมาเสริมทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, เอริค ไบญี่, จอร์แดน แวร์ตูร์, นูโน่ ตาบาเรส หรือ เปา โลเปซ เพื่อให้พร้อมในเกมลีกกับบอลยุโรป
ขณะที่ ‘ไก่เดือยทอง’ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ทั้งการคว้า ริชาร์ลิซอน, อิวาน เปริซิช, อีฟ บิสซูม่า หรือการซื้อขาด คริสเตียน โรเมโร่ และที่สำคัญมีกุนซือระดับท็อปอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้เกมคู่นี้จะติดตามมากที่สุดในกลุ่ม ดี โดย สเปอร์ส จะเปิดรังก่อนในวันที่ 7 กันยายน ส่วนเกมต่อมาเล่นในวันที่ 1 พฤศจิกายน
ลิเวอร์พูล พบ นาโปลี
ลิเวอร์พูล กับ นาโปลี ดูจะมีชะตาต้องกันอย่างมากในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มช่วงปีหลังๆ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาก็จับฉลากพบกันมาแล้วในซีซั่น 2018-19 และ 2019-20 ซึ่งปีนี้ก็วนมาพบกันอีกครั้ง
โดยตลอดการพบกัน 4 ครั้ง รูปเกมถือว่าสนุกตื่นเต้นทั้งหมด แถม ‘อัซซูร่า’ ก็ทำแสบด้วยการเอาชนะถึง 2 ครั้ง ขณะที่ ‘หงส์แดง’ ชนะทีมจากอิตาลีเพียงเดียวหนเดียวในรายการ และเชื่อว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็หวังล้างตาในฤดูกาลนี้อยู่เช่นกัน
โดยเกมแรก นาโปลี จะเป็นเจ้าถิ่นก่อนในวันที่ 7 กันยายน ก่อนที่เกมนัดต่อไปจะเตะกันในวันที่ 1 พฤศจิกายน
บาร์เซโลน่า พบ อินเตอร์ มิลาน
บาร์เซโลน่า ต้องตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว แบบน่าผิดหวัง เมื่อไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบน็อคเอ้าท์ได้ โดยต้องหล่นไปเล่นในถ้วยยูโรป้าลีก นั่นทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาคาดหวังว่าจะกลับมาเฉิดฉายในบอลยุโรปให้ได้ เพียงแต่เส้นทางนั้นก็คงไม่ง่ายเท่าไหร่ เมื่อถูกจับมาอยู่ใน กรุ๊ปออฟ เดธ ของปีนี้ ที่มีทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ บาเยิร์น มิวนิค
และการพบกับ ‘เนรัซซูรี่’ ถือว่าไม่ง่ายเลย แม้ในอดีตจะเคยชนะในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว แต่ทีมดังจากอิตาลี ก็พัฒนาตัวเองต่อเนื่อง โดย บาร์ซ่า จะบุกไปเยือนก่อนในวันที่ 4 ตุลาคม ก่อนที่จะเปิดรังคัมป์ นู ในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งหากใครคว้า 3 แต้มได้ก็มีโอกาสเข้ารอบต่อไปอย่างแน่นอน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เคยดวลกันมาแล้วในถ้วย UCL เพียงแต่เป็นรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็น ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่เบียดชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 แต่ฤดูกาลนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
นอกเหนือจาก เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวยิงฟอร์มแรงของ ซิตี้ จะได้เยือนทีมเก่าแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่ เสือเหลือง จะได้ล้างตาเช่นกัน โดยเกมแรกจะเตะกันที่อังกฤษ ในวันที่ 14 กันยายน ส่วนเกมต่อที่ ซึกนัล อิดูน่า ปาร์ต จะเตะกันในวันที่ 25 ตุลาคม
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบ ยูเวนตุส
อีกหนึ่งเกมรอบแบ่งกลุ่มที่หลายคนจับตามองคงหนีไม่พ้น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบกับ ยูเวนตุส อย่างแน่นอน และนี่ถือเป็นอีกเกมที่นักเตะบางคนได้กลับไปเยือนถิ่นเก่า โดยเฉพาะฝั่ง ‘ม้าลาย’ ไม่ว่าจะเป็น อังเคล ดิ มาเรีย, อาเดรียน ราบิโอต์ และ เลอันโดร ปาเรเดส ที่เพิ่งลา ปารีส ไม่นาน
ขณะที่ฝั่งของ เปแอสเช ต้องบอกว่าเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้ร้อนแรงเลย โดยเฉพาะ 3 ประสานอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เริ่มเล่นกันได้เข้าขากว่าปีก่อนมากขึ้น โดย ทีมจากปารีส จะเป็นเจ้าบ้านก่อนในวันที่ 6 กันยายน ส่วนอีกเกมจะตะที่ตูริน ในวันที่ 2 พฤศจิกายน
เอซี มิลาน พบ เชลซี
เอซี มิลาน พลาดโอกาสเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอ้าท์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังเข้าจับฉลากเข้าไปอยู่ในกลุ่มสุดหิน แต่ในฤดูกาลนี้ ถือว่าง่ายกว่าปีก่อนเยอะ กับคู่แข่งอย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และ ดินาโม ซาเกร็บ เพียงแต่การพบกับ เชลซี แชมป์เก่าเมื่อ 2 ปีก่อน ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่หลายคนห้ามพลาดในรอบแบ่งกลุ่มปีนี้เช่นกัน
ทั้ง 2 ทีมเต็มไปด้วยดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยม อีกทั้งเป็นทีมที่เล่นเกมรุกเป็นหลักด้วยกันทั้งคู่ จึงทำให้รูปเกมน่าจะเปิดแลกกันสนุก อีกทั้งนี่ยังเป็นการกลับมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งแรกของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ อีกด้วย โดยเกมนัดแรกจะกันในวันที่ 5 ตุลาคม ขณะที่เกมต่อจะเล่นกันในวันที่ 11 ตุลาคม
บาเยิร์น มิวนิค พบ บาร์เซโลน่า
บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นทีมที่ บาร์เซโลน่า ยกให้เป็นคู่แข่งตัวฉกาจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในประวัติที่พวกเขาทั้งคู่พบกัน เต็มไปด้วยมันส์ระดับเต็มสิบ แม้ฤดูกาลที่ผ่านมา ‘เสือใต้’ จะเล่นงาน บาร์ซ่า แบบยับเยินในรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม และรวมไปถึงสกอร์ 8-2 ในซีซั่น 2019/20
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ ‘อาซูลกราน่า’ เปลี่ยนไปมากภายใต้การดูแลของ ชาบี เอร์นานเดซ แถมได้อดีตดาวยิงของ บาเยิร์น อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มาร่วมทีมด้วย นั่นยิ่งทำให้เกมระหว่าง 2 ทีมน่าจะได้รับความสนใจจากแฟนบอลมากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มของ UCL ปีนี้แล้ว ซึ่งผลการแข่งขันของพวกเขาจะการันตีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยเช่นกัน
โดยเกมแรกจะเตะกันที่เยอรมัน ในวันที่ 13 กันายน ขณะที่เกมต่อมาเล่นกัน ณ แคว้นกาตาลันในวันที่ 26 ตุลาคม