ไหวมั้ย? : แลมพาร์ดกับอนาคตงานโค้ชที่น่าห่วงหลังลาสิงห์

ไหวมั้ย? : แลมพาร์ดกับอนาคตงานโค้ชที่น่าห่วงหลังลาสิงห์

คงไม่ผิดนัก หากบอกว่าฤดูกาลนี้ของ เชลซี จบลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว และสิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้ทีม ก็คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตำนานสโมสรที่ดันมารับงานร้อนนี้ แม้แค่ชั่วคราวก็ตาม

‘สิงห์บลูส์’ ไม่เหลืออะไรให้ลุ้นเลย ทั้งบอล, ลีกบอลถ้วยที่กระเด็นตกรอบ หรือแม้กระทั่งทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันก็ดูย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะหลังจากที่ แลมพ์ เข้ามาทำหน้าที่ขัดตาทัพ ทีมก็แพ้ไปแล้ว 5 นัดติดในทุกรายการ 

สโมสรย่ำแย่ถึงขนาดที่ว่า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เพื่อนเก่าและกองหน้าตำนานสโมสรอีกคน บอกว่า “นี่ไม่ใช่สโมสรที่ผมรู้จักอีกต่อไป” เลย

แม้ทำหน้าที่แค่ชั่วคราว แต่บางทีผลงานที่เกิดขึ้นในเวลานี้ น่าจะส่งผลต่อตัวกุนซือชาวอังกฤษรายนี้ในอนาคตแน่นอน แต่มันพอมีโอกาสได้แก้ไขหรือไม่?

 

ถอยหลังลงคลอง

ในช่วงที่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ถูกปลดจากตำแหน่งในเดือนเมษายน ก็ตกเป็นข่าวกับกุนซือดังหลายราย ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ เอ็นริเก้, ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ รวมไปถึงคนเก่าที่แฟนๆคุ้นเคยอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่

อย่างไรก็ตาม ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ กลับเลือกแต่งตั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกองกลางขวัญใจสาวก ‘สิงห์บลูส์’ เข้ามาทำหน้าที่กุนซือชั่วคราว ไปจนจบฤดูกาล ท่ามกลางความงุนงงของแฟนบอลส่วนใหญ่ เพราะช่วงต้นปี 2023 ก็เพิ่งโดน เอฟเวอร์ตัน ปลดพ้นตำแหน่งมาหมาดๆ 

และผลงานที่เกิดขึ้นใน 5 นัดต่อมา จบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด โดยเกิดขึ้นนัดล่าสุดในเกมที่พ่าย เบรนท์ฟอร์ด 2-0 คา สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน

ผลงานที่ย่ำแย่นี้ทำให้เกิดคำถามว่า แลมพ์ คิดถูกหรือไม่ในการเลือกลับมาคุมทีม และชื่อเสียงของเขาในเกมในฐานะกุนซือจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ผมไม่รู้ แต่ผมก็ไม่ได้กังวลกับสิ่งที่คนภายนอกคิดหรอก เพราะผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้าใจถึงเงื่อนไขกับสิ่งที่กำลังทำกันอยู่” กุนซือชาวอังกฤษ กล่าว

“ผมไปเอฟเวอร์ตันและความท้าทายคือการอยู่รอดในลีกต่อไป  พวกเขาอยู่ในลีกต่อไป ผู้คนจะมองคุณในมุมที่ต่างออกไปเสมอ แต่ผมไม่กังวลหรอก ผมต้องการชนะ มันชัดเจนอยู่แล้ว แต่ผมก็เข้าใจปัญหาว่าทำไมเราถึงไม่ชนะพวกเขา”

 

ย่ำแย่หนักเมื่อรวมช่วงคุมท็อฟฟี่

Frank Lampard to continue as Chelsea caretaker manager until end of Premier  League season despite winless run | Football News | Sky Sports

เกมเลกสองของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พบกับ เรอัล มาดริด กลายเป็นเกมนัดสุดท้ายที่ดูมีความหมายที่สุดในฤดูกาลของ เชลซี และมันก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ ทำให้หลายคนมองขั้นต่อไปว่าสโมสรจะเป็นอย่างไรหลังจบฤดูกาลนี้ แต่สำหรับ แลมพาร์ด ก็มีเครื่องหมายคำถามอยู่เหมือนกัน

งานรักษาการ ไม่ได้เพิ่มชื่อเสียงหรือบารมีให้ แลมพ์ เลย หลังมาคุม ‘สิงห์บลูส์’ เป็นคำรบที่ 2 อีกทั้งผลงานสมัยที่คุม เอฟเวอร์ตัน ช่วงท้ายๆก็ไม่ได้น่าดูชมเท่าไหร่ แม้พาทีมรอดตกชั้นได้ในฤดูกาล 2021-22 ก็ตาม

ชัยชนะครั้งสุดท้ายของเขาในพรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นสมัยคุม ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ ในเกมที่เอาชนะ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เขาดูขึ้นเท่าไหร่ เพราะใน 19 เกมหลังสุด เขาพาทีมแพ้ถึง 16 นัดด้วยกัน

ในเกมพบ เบรนท์ฟอร์ด หลายอย่างไม่ได้ดีขึ้นมาเลย แถมยังแผลเก่าที่ทีมยังแก้ไม่หายยังถูกกดให้เจ็บซ้ำลงไปอีก ทั้งการสร้างสรรค์เกมบุกที่ตื้นเขิน ไร้จินตนาการหรือความหลากหลาย เกมรุกที่ฝืดสนิท ยิงได้แค่ 30 ลูกจาก 32 นัด หรือเกมรับก็เสียไป 35 ลูก

อดีตกองกลางชาวอังกฤษ เหลืออีก 6 นัดให้ทำหน้าที่คุมทีมของฤดูกาลนี้ แต่หลายคนต่างพูดถึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ว่าที่กุนซือใหม่ของ เชลซี กันแล้ว ซึ่งเคยแสดงฝีมือด้านการพัฒนาดาวรุ่งสมัยคุม สเปอร์ส แต่ก็มีข้อสงสัยในตัวเช่นกัน หลังไม่ได้โชว์ให้เห็นถึงความกระหายในชัยชนะ ตอนคุม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

 

6 นัดที่เหลือชี้วัดงานในอนาคต

I love being here' – Frank Lampard relishing Chelsea challenge despite  struggles | Independent.ie

ไม่ว่ากุนซือคนใหม่จะเป็น พอช หรือคนอื่น แต่ปัญหาที่ เชลซี ต้องเผชิญในอนาคตก็ยังอยู่ ทั้งการใช้เงินที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎ ไฟแนนซ์เชียล แฟร์เพลย์ หลังเสริมทัพทะลุ 300 ล้านปอนด์ในฤดูกาลนี้ 

นั่นทำให้สโมสรจำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นบางคนออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึมีงรูปแบบหรือแผนการเล่นที่ชัดเจน หลังดูสะเปะสะปะมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญกว่านั้นในเวลานี้สำหรับ แลมพาร์ด คือการมอบความหวังอันริบหรี่ให้กับแฟนๆ ว่าทีมนี้จะสามารถกลับมาเป็นสโมสรอันดับต้นๆ ของยุโรปได้เหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยก็เล่นให้มีทรง หรือสู้เต็มที่เพื่อนกองเชียร์บนอัฒจันทร์

แม้ความหวังในการลุ้นไปเล่นบอลยุโรปจบลงแล้ว เมื่อรั้งอันดับ 11 ตามหลังทีมอันดับ 7 อย่าง แอสตัน วิลล่า ถึง 15 หน้าที่ของอดีตแข้ง ‘สิงห์บลูส์’ ยังไม่จบในฤดูกาลนี้ โดยครั้งสุดท้ายที่ทีมจบนอกท็อป 10 ของตาราง เกิดขึ้นในช่วงกลางยุค 1990 ภายใต้การคุมทีมของ เกลนน์ ฮ็อดเดิ้ล

ความสัมพันธ์ของแลมพ์ กับกองเชียร์จะถูกทดสอบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากผลลัพธ์ไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากโปรแกรมการแข่งขันที่ยากลำบาก เมื่อทีมลุ้นท็อปโฟร์ของลีกยังต้องแข่งขัน แถมต้องบุกไปเยือนคู่แข่งถึง 4 เกม โดยเริ่มจาก อาร์เซน่อล ก่อนเป็นทีมแรก

ดังนั้นผลงานหลังจากนี้ อาจเป็นตัวชี้วัดโอกาสการทำงานกุนซือในอนาคตของ เฮดโค้ชวัย 44 ปี อย่างแน่นอน 

เชลซี อาจต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ในการกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจาก 12 เดือนของสโมสรในยุคที่ โบห์ลี่ย์ บริหารทีมได้ยุ่งเหยิงหรือดูไร้กลยุทธ์

 แต่บางที แลมพาร์ด อาจใช้เวลานานกว่านั้นในการกลับมาคุมทีมในลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้น 6 เกมที่เหลือในฤดูกาลที่ชวนละเหี่ยใจแบบนี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไปไหนดี? : วิเคราะห์เบลลิ่งแฮมกับสถานีต่อไปในซีซั่นหน้า
ไปไหนดี? : วิเคราะห์เบลลิ่งแฮมกับสถานีต่อไปในซีซั่นหน้า