ไม่ใช่แค่มิน แจ : 12 แข้งดังเคยรับใช้ชาติในกองทัพทหาร 

หากไม่มีอะไรผิดพลาด คิม มิน แจ น่าจะเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เร็วๆ นี้

กองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ สร้างชื่ออย่างมากกับการเล่นปีแรกให้ นาโปลี พร้อมพา อัซซูร่า คว้าแชมป์เซเรีย อา เป็นหนแรกในรอบ 33 ปี ทำให้ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรดัง ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนสุดท้ายสื่อหลายเจ้าจะรายงานว่า เสือใต้ เป็นทีมที่คว้าลายเซ็นของเขามาครอง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น 3 สัปดาห์ มิน แจ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนพลแข้งทีมชาติเกาหลีใต้ชุดคว้าเหรียญทอง เอเชียน เกมส์ ปี 2018 ซึ่งรับการละเว้นไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ก็ต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับเพื่อฝึกขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฏาคม 

อย่างไรก็ตาม มิน แจ ไม่ใช่นักฟุตบอลคนแรกที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับกองทัพในบ้านเกิด ขณะที่กำลังค้าแข้งอยู่ และ UFA ARENA จะพาไปพบ 12 แข้งดังในยุคก่อนที่ต้องบอกลาสังเวียนหญ้าในสนามชั่วคราว เพื่อมารับใช้ชาติตามกฎหมายหรือยามจำเป็น

 

ติมู ไทนิโอ

อดีตกองกลางทีมชาติฟินแลนด์ อย่าง ไทนิโอ ก็เคยเข้ากรมฝึกกับกองทัพในประเทศบ้านเกิด เพียงแต่เกิดขึ้นในช่วงต้นๆ ของอาชีพค้าแข้งเท่านั้น

ในฟินแลนด์ เพศชายจะมีช่วงเข้ารับการเกณฑ์ทหารหรือรับราชการทุกคน ไทนิโอ ในวัย 16 ปี ก็ถูกเรียกไปรับใช้ชาติ ซึ่งในเวลานั้น เขากำลังทดสอบฝีเท้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำผลงานได้น่าประทับใจไม่น้อย แต่ก็ปฏิเสธโอกาสค้าแข้งในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะเรื่องเข้ากรมในประเทศ

“ผมลงเล่น 2-3 เกม และทำประตูได้ 2-3 ลูก เพราะผมเล่นเป็นกองหน้า (ในตอนนั้น) จากนั้นพวกเขาก็ต้องการให้ผมกลับไป แต่ผมตอบกลับไปว่า ผมต้องรับราชการทหาร” ไทนิโอ กล่าว

เมื่อเสร็จกิจในกองทัพ ไทนิโอ ก็เซ็นสัญญากับ โอแซร์ ก่อนจะย้ายไปเล่นในอังกฤษ กับ ซันเดอร์แลนด์, เบอร์มิงแฮม และ สเปอร์ส รวมถึง อาแจ็กซ์ กับ นิวยอร์ค เร้ด บลูล์ ในช่วงสั้นๆ ด้วย

 

เอริค คันโตน่า

ตำนานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเฉิดฉายอย่างรวดเร็วในเส้นทางลูกหนัง แต่หลังจากเล่นอาชีพได้เพียงปีเดียว เขาก็ถูกเรียกเข้ากองทัพในฝรั่งเศส

‘ก็องโต้’ เพิ่งได้ประเดิมสนามกับ โอแซร์ ในปี 1983 จากนั้นอีก 12 เดือนต่อมา เขาต้องไปประจำการรับใช้ชาติ โดยการรับราชการทหารเป็นข้อบังคับของชายแดนน้ำหอม ก่อนจะมีการยกเลิกไปในปี 2001 อย่างไรก็ตาม การเข้ากรมก็ไม่ได้ทำให้ คันโตน่า อดโชว์ลีลาบนฟลอร์หญ้า หลังมีส่วนร่วมกับทีมฟุตบอลของกองทัพเป็นประจำ

 หลังจากทำหน้าที่เสร็จสิ้นในปี 1986 คันโตน่า ก็กลับไปเล่นฟุตบอลอาชีพกับ โอแซร์ อีกครั้ง จนมีชื่อติดทัพ ‘ตราไก่’ เป็นครั้งแรกในปีต่อมา ก่อนจะย้ายไปสร้างชื่อในอังกฤษ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ ‘ปีศาจแดง’ ในเวลาต่อมา

 

พาเวล เนดเวด

เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ ปี 2003 คือหนึ่งในนักเตะเบอร์ต้นๆ ในยุคของเขา หลังโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมในตลอด 13 ปีที่ค้าแข้งกับ ลาซิโอ และ ยูเวนตุส ในอิตาลี

แต่ในช่วงต้นๆ ของอาชีพค้าแข้ง เนดเวด ต้องเข้าไปรับราชการทหาร ซึ่งต่อมาถูกยกเลิกโดย สาธารณรัฐเช็กในปี 2004

หลังจากเล่นกับ สโคด้า เพลเซ่น มา 4 ปี ในปี 1990 อดีตแข้งจอมพริ้วได้ย้ายไปเล่นกับ ดุ๊คล่า ปราก สโมสรที่ดูแลโดยกองทัพ ซึ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้ชาติของเขา

ทันทีที่หมดหน้าที่ เขาย้ายไปแจ้งเกิดกับ สปาร์ต้า ปราก ก่อนจะโด่งดังอีกหลายเท่าเมื่อย้ายซบ ลาซิโอ ในปี 1996 จากนั้น ยูเวนตุส ก็ดึงเข้าไปร่วมทีมแทนที่ ซีเนดีน ซีดาน ที่ย้ายไป เรอัล มาดริด ในปี 2001 และอยู่ค้าแข้งยาวที่ตูริน จนกระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 2009

 

ทีมชาติอิตาลียุคก่อน (จานลูก้า วิอัลลี่, เปาโล มัลดินี่, โรแบร์โต้ มันชินี่, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, ฟาบิโอ คันนาวาโร่)

การเกณฑ์ทหารถือเป็นข้อบังคับของชายทุกคนในอิตาลี จนกระทั่งถูกระงับไปในปี 2004 นั่นหมายความว่าตำนานแข้ง ‘อัซซูรี่’ หลายคนในยุคก่อนเคยถูกเรียกไปรับใช้ชาติในช่วงที่พวกเขาเล่นฟุตบอลอาชีพ

เปาโล มัลดินี่ และ โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ากรมพร้อมกันในปี 1988 ขณะที่ อเลสซานโดร เดล  ปิเอโร่ และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ก็เข้ากองทัพด้วยกันในปี 1995-96

ในอิตาลี ไม่ได้มีแค่การฝึกทหารตามธรรมเนียบปกติทั่วไปเท่านั้น เพราะพวกเขายังเป็นตัวแทนทีมฟุตบอลกองทัพอิตาลี ที่จะเข้าไปชิงชัยในศึกฟุตบอลกองทัพโลก ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี

จานลูก้า วิอัลลี่ พาทัพ ‘อัซซูรี่’ เวอร์ชั่นลายพราง คว้าแชมป์ได้ในปี 1987 แต่ เดล ปิเอโร่ และ คันนาวาโร่ ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ ในปี 1995 ที่กรุงโรม เป็นเจ้าภาพ โดยพ่ายต่อ ไซปรัส 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ที่แย่ไปกว่านั้น อิตาลี เหลือผู้เล่นในสนามจนจบเกมแค่ 7 คน หลัง 4 คนถูกใบแดงไล่ออกไป และ 2 ใน 4 คนนั้นมีชื่อของ เดล ปิเอโร่ และ คันนาวาโร่ ร่วมอยู่ด้วย

 

บรู๊ซ กร็อบเบลาร์

ในบรรดาลิสต์นี้ อดีตนายทวาร ลิเวอร์พูล อาจเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการเป็นทหารจริงจังที่สุด เพราะเขาเคยเข้าร่วมในสงครามของแท้ โดยในสมัยที่เป็นดาวรุ่ง เขาถูกเรียกเข้ากองทัพซิมบับเว ในปี 1975 เพื่อร่วมต่อสู้กับพวกกบฏในสงครามสงครามโรดีเซีย

กร็อบเบลาร์ ได้เปิดใจกับ The Guardian สื่อในแดนผู้ดีถึงการคร่าชีวิตมนุษย์เป็นครั้งแรกว่า “ครั้งแรกของผมอยู่ในช่วงมืดสลัว เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน คุณจะเห็นเงาในพุ่มไม้ คุณไม่สามารถดูออกได้นัก จนกระทั่งเห็นสีขาวในตาของพวกเขา”

“เมื่อการต่อสู้จบลง คุณเห็นศพอยู่ทุกที่ เป็นครั้งแรกที่ทุกอย่างที่อยู่ในท้องจะอาเจียนออกมา”

หลังทำผลงานได้น่าประทับใจกับ แวนคูเวอร์ ไวท์แค็ปส์ บ็อบ เพสลี่ย์ ก็คว้า กร็อบเบลาร์ มาร่วมทีม ‘หงส์แดง’ และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย และ ยูโรเปี้ยน คัพ อีกสมัย ก่อนจะลาทีมในปี 1994

 

เลฟ ยาซิน

ก่อนที่ เลฟ ยาซิน จะกลายเป็นนายทวารระดับโลกอย่างที่ทุกคนรู้จักกัน ครั้งหนึ่งเขาเป็นเคยช่างทำอาวุธให้กองทัพมาก่อนที่กรุงมอสโก

ในปี 1941 ยาซิน ได้เข้าร่วมกองทัพของโซเวียต เมื่อ นาซี ได้บุกจู่โจมในรัสเซีย ซึ่งในวัยเพียง 12 ปี เขาคอยทำอาชีพ และ ชิ้นส่วนพาหนะต่างๆในโรงงาน เพื่อส่งให้กับทัพแนวหน้าในสงคราม

และช่วงนั้นเองที่ เจ้าของฉายา ‘ไอ้แมงมุมดำ’ เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง และพัฒนาฝีมือจนก้าวมาเป็นผู้รักษาประตูเบอร์ต้นๆ ในวงการ

ยาซิน ลงเล่นให้  ดินาโม มอสโก 320 นัด และรับใช้ชาติโซเวียต 78 นัด รวมถึงเข้าไปมีส่วนร่วมในฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้ง

 

เฟเรนซ์ ปุสกัส

แม้จะไม่เคยเข้าร่วมในสงครามจริงๆ หรือถูกเรียกเข้ากองทัพเหมือนคนอื่นๆ แต่ดาวยิงระดับตำนานของวงการอย่าง เฟเรนซ์ ปุสกัส ก็เคยมีส่วนร่วมกับทหารด้วยการเล่นในทีมกองทัพของฮังการี

เขาเริ่มต้นค้าแข้งกับ คิสเปสต์ และหลังจากไต่เต้าจากทีมเยาวชนขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้สำเร็จ กระทรวงกลาโหมของฮังการี ก็เทคโอเวอร์ทีมในปี 1949 และเปลี่ยนเป็นทีมของกองทัพ พร้อมกับชื่อใหม่ว่า บูดาเปสต์ ฮอนเวด

นักฟุตบอลได้รับยศทหารด้วยสำหรับการเล่นในทีมนี้ ซึ่ง ปุสกัส ก็มีตำแหน่งสำคัญ เขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก 5 สมัย และเป็นดาวซัลโวของยุโรปในปี 1948

ต่อมา หอกชาวแม็กยาร์ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ในปี 1958 ซึ่งเป็นที่ที่เขาคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย และแชมป์ลีกในสเปนอีก 5 สมัย อีกทั้งยังคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกปี 1952 และพา ฮังการี เข้าชิงในฟุตบอลโลกปี 1954 ด้วยก่อนพ่าย เยอรมันตะวันตก ไปแบบฉิวเฉียด 3-2  

 

ซน ฮึง มิน

ซน ฮึง มิน ดาวเตะตัวเก่งของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก็เป็นเป็นหนึ่งในขุนพลแข้งทีมชาติเกาหลีใต้ชุดคว้าเหรียญทอง เอเชียน เกมส์ ปี 2018 เช่นเดียวกับ คิม มิน แจ รุ่นน้องชาติ ซึ่งหมายความว่าเขาก็เคยฝึกทหารมาแล้วเช่นกัน 

ด้วยเงื่อนไขเดียวกับ มิน แจ ซนนี่ ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเข้าเกณฑ์ทหาร แต่ก็ยังต้องฝึกตามกฎหมายเมื่อถึงเวลากำหนด โดยเขาเริ่มฝึกกับหน่วยนาวิกโยธินที่เกาะเซจู ร่วมกับชายแดนโสมขาวอีก 157 คน ในเดือนเมษายนปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงพรีเมียร์ลีกปิดเทอมชั่วคราว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

การฝึกของแข้งวัย 31 ปี ณ เวลานั้น ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มากไปกว่านั้น แข้ง ‘ไก่เดือยทอง’ ยังได้รางวัลเป็นนายทหารที่มีผลงานการฝึกดีเด่นติด 5 อันดับแรกของกรมด้วย