ลิเวอร์พูล เตรียมตัวทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ ในฤดูกาลนี้พบกับ บียาร์เรอัล ม้ามืดจากสเปน แต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ดวลกันในรอบน็อคเอ้าท์ในฟุตบอลยุโรป
ช่วงขวบปีแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในฐานะกุนซือ ‘หงส์แดง’ เขาเคยพบกับ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ มาแล้ว ในศึกยูโรป้าลีก รอบตัดเชือกฤดูกาล 2015-16 โดยทีมจากอังกฤษพ่ายไปก่อนในเลกแรก 0-1 ที่สเปน
อย่างไรก็ตาม เกมเลกสองที่ แอนฟิลด์ เจ้าถิ่น ก็โชว์ฟอร์มแกร่งเอาชนะไป 3-0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับ เซบีย่า ที่มี อูไน เอเมรี่ กุมบังเหียน ณ เวลานั้น
ก่อนที่ คล็อปป์ จะได้ล้างตากับ เอเมรี่ โจทก์เก่าในบอลยุโรปฤดูกาลนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ หงส์แดง ชุดล้ม เรือดำน้ำสีเหลือง เมื่อเกือบ 6 ปีก่อน ว่าปัจจุบันพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง
ผู้รักษาประตู | ซิมง มิโญเล่ต์
ซิมง มิโญเล่ต์ คือนายทวารเบอร์หนึ่งของ ลิเวอร์พูล ในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส รวมไปถึงช่วงปีแรกๆที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่นายใหญ่ของทีม
แม้แสดงความผิดพลาดอยู่บ้าง แต่โดยรวม นายทวารชาวเบลเยี่ยม ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อไป รวมถึงทำผลงานได้ดีในเกมเลกสอง ป้องกันลูกยิงของ บียาร์เรอัล จนเก็บคลีนชีทได้
ทว่าการมาของ โลริส คาริอุส ทำให้ มิโญเล่ต์ ต้องกลายเป็นเบอร์สอง อีกทั้งการมาของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ในปี 2018 ทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินในทีม ‘หงส์แดง’ ทันที
นั่นทำให้ นายด่านวัย 34 ปี เลือกลาอังกฤษ เพื่อกลับไปเฝ้าเสาให้ คลับ บรูซ ในปีต่อมา และปัจจุบันในฤดูกาล 2021-22 เขาก็ยังลงเล่นให้ทีมดังในบ้านเกิดอยู่
แบ็คขวา | นาธาเนี่ยล ไคลน์
เดิมที นาธาเนี่ยล ไคลน์ ดูมีชีวิตค้าแข้งที่สดใสรออยู่ในช่วงแรกๆที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทัพ ลิเวอร์พูล ทว่าฟอร์มการเล่นของเขาก็ค่อยๆดร็อปลง หลังบาดเจ็บซ้ำๆอยู่บ่อยครั้ง ก่อนโดน ลูกหม้ออย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ พุ่งพรวดขึ้นเบียดแย่งตัวจริงในเวลาต่อมา
นั่นทำให้แบ็คขวาชาวอังกฤษ ย้ายไปเล่นกับ บอร์นมัธ ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2019 แต่ฟอร์มการเล่นก็ยังไม่ดีมากนัก จนทำให้ต้นสังกัดจาก เมอร์ซี่ย์ไซด์ เลือกไม่ต่อสัญญาและปล่อยออกจากทีม
ไคลน์ ซ้อมเรียกความฟิตกับ คริสตัล พาเลซ สโมสรแรกในอาชีพค้าแข้ง ก่อนได้สัญญาถาวรในช่วงต้นฤดูกาล 2020-21 และปัจจุบันก็ยังค้าแข้งในถิ่น เซลเฮิร์ตส ปาร์ค เพียงแต่ไม่ใช่แบ็คขวาตัวเลือกแรกๆที่ ปาทริค วิเอร่า เลือกใช้งานเท่านั้น
เซ็นเตอร์แบ็ค | เดยัน ลอฟเรน
อีกหนึ่งที่เป็นนักเตะตัวหลักในยุคแรกๆที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุม ลิเวอร์พูล สำหรับ เดยัน ลอฟเรน แต่การมาของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ โจแอล มาติป ทำให้เขาค่อยๆถูกลดบทบาทและโอกาสลงสนามในแผงหลังลง
แต่อย่างน้อย กองหลังทีมชาติโครเอเชีย ก็มีส่วนกับทีมชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก ก่อนเลือกย้ายซบ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในซัมเมอร์ปี 20202 พร้อมคว้าแชมป์ลีกรัสเซียตั้งแต่ปีแรกกับสโมสร
เซ็นเตอร์แบ็ค | โคโล่ ตูเร่
ด้วยชื่อชั้นที่สร้างไว้กับ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำให้ โคโล่ ตูเร่ ยังมีของอยู่บ้างในสายตาของ เดอะ ค็อป เมื่อย้ายมา ลิเวอร์พูล ในปี 2013
แม้เข้าสู่บั้นปลายอาชีพค้าแข้ง แต่อดีตแนวรับทีมไอวอรี่ โคสต์ ก็ยังคงความเก๋าช่วยให้ หงส์แดง เก็บคลีนชีทในเกมพบ บียาร์เรอัล เมื่อเกือบ 6 ปีก่อน
หลังจบฤดูกาล 2015-16 ตูเร่คนพี่ ย้ายไป เซลติก ในช่วงซัมเมอร์ เพื่อร่วมงานกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อีกครั้ง ก่อนแขวนสตั๊ดที่นั่น และเดินหน้ากับงานโค้ชเต็มตัว โดยปัจจุบันก็เป็นสต๊าฟโค้ชทีมชุดใหญ่ให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มี ‘บีร็อด’ นายเก่ากุมบังเหียนอยู่
แบ็คซ้าย | อัลแบร์โต้ โมเรโน่
ช่วงที่ ลิเวอร์พูล มีแบ็คซ้ายชื่อว่า อัลแบร์โต้ โมเรโน่ อยู่ เกมรุกทางฝั่งซ้ายของทีมเต็มได้สนุกสุดมันส์ไม่น้อย แต่ทว่าความสามารถในด้านเกมรับของเขามักจะถูกตั้งคำถามเสมอ และจุดอ่อนนั้นก็ทำให้เขาเสียตำแหน่งตัวจริงในเวลาต่อมา เมื่อ คล็อปป์ ดึง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เข้ามาเสริมในแผงหลัง
แบ็คชาวสแปนิช ย้ายไปเล่นในบ้านเกิดกับ บียาร์เรอัล ในปี 2019 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2020-21 ทว่าคงไม่ได้ลงเล่นดวลกับทีมเก่าใน แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ
กองกลาง | เอ็มเร่ ชาน
เอ็มเร่ ชาน ดูมีโอกาสสูงที่จะเป็นกองกลางตัวหลักคู่ใจของ คล็อปป์ แบบยาวๆ ซึ่งมีพลังงานล้นเหลือ พร้อมวิ่งไล่เพรสในแดนกลางตลอด 90 นาที
กองกลางชาวเยอรมัน ทำแบบนั้นได้ในช่วงหนึ่ง ก่อนเลือกย้ายไป ยูเวนตุส ในปี 2018 หลังปัดต่อสัญญาใหม่ใน แอนฟิลด์ แต่ช่วงเวลาในตูริน ก็ไม่ได้ดีอย่างที่เขาคิด เนื่องจากฟอร์มการเล่นไม่ได้โดดเด่นหรือยอดเยี่ยมจนทีมขาดไม่ได้ แม้คว้าแชมป์ เซเรียอา ได้ 2 สมัยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ชาน ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมออีกครั้ง นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ปี 2020 และยังเป็นตัวหลักให้ทีม ‘เสือเหลือง’ จนถึงตอนนี้
กองกลาง | เจมส์ มิลเนอร์
เจมส์ มิลเนอร์ ยังคงเล่นได้แข็งแกร่งเกินวัยให้กับลิเวอร์พูลในวัย 36 ปี เป๋ยหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนที่เหลือจากทีมในปี 2016 และที่สำคัญยังคงเป็นผู้เล่นทีมที่มีประโยชน์แม้ในตอนนี้
ความสามารถรอบด้าน และความสารพัดประโยชน์ เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง สร้างความประทับใจให้ เดอะ ค็อป นับตั้งแต่เขาย้ายมา แอนฟิลด์ ในปี 2015
แม้ว่า คล็อปป์ จะค่อยๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมของพวกเขาในช่วงตลาดซื้อขายล่าสุด แต่อย่าแปลกใจถ้า มิลเนอร์ ยังคงมีส่วนร่วมเล่นในช่วงสัปดาห์ที่เหลือกับเป้าหมายลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้
ปีกขวา | อดัม ลัลลาน่า
อดัม ลัลลาน่า ก็เป็นนักเตะอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดีกับ ลิเวอร์พูล แม้จะตกเป็นตัวสำรองในเวลาต่อมาก็ตาม โดยในเกมยุโรปเมื่อ 6 ปีก่อน เขาเป็นยิงประตูที่ 3 ใส่ บียาร์เรอัล
ถึงไม่ใช่กองกลางตัวจริง แต่ ดาวเตะชาวอังกฤษ ก็มีส่วนร่วมช่วยให้ ‘หงส์แดง’ คว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก ก่อนลา แอนฟิลด์ ซบ ไบรท์ตัน ในปี 2020 เพื่อโอกาลงสนามที่มากขึ้น
กองกลางตัวรุก | โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (คริสติยอง เบนเตเก้-นาที 89)
แน่นอนว่า โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยังเป็นนักเตะคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ แม้ถูกจับไปนั่งบนม้านั่งสำรองบ่อยๆ หลังการมาของ ลุยซ์ ดิอาซ และ ดีโอโก้ โชต้า
แต่ บ็อบบี้ ก็ยังกองหน้าที่ คล็อปป์ เลือกหมุนเวียนมาใช้งานอยู่ตลอด และช่วงที่ทีมประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ UCL และแชมป์ลีก เขาถือเป็นจุดศูนย์กลางในการทำเกมบุกเสมอ ซึ่งกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายิงประตูไม่เท่า ซาดิโอ มาเน่ หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยปีนี้ก็ยิงเพียง 11 ประตู 4 แอสซิสต์ จาก 31 นัดในทุกรายการ
ขณะที่ คริสติยอง เบนเตเก้ ตัวสำรองในวันนั้น ก็ย้ายออกจาก ‘หงส์แดง’ ในซัมเมอร์ปี 2016 หลังย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาได้เพียงซีซั่นเดียว และซบ คริสตัล พาเลซ ซึ่งนี่ถือเป็นปีที่ 6 ที่เขาเล่นให้ ‘เดอะ อีเกิ้ลส์’ ด้วย
ปีกซ้าย | ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (โจ อัลเลน-นาที 82)
เจ้าของนักเตะขายได้ค่าตัวสูงสุดของ ลิเวอร์พูล เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ย้ายซบ บาร์เซโลน่า ในเดือนมกราคมปี 2018 ด้วยค่าตัวถึง 142 ล้านปอนด์
ณ เวลานั้น ดูเหมือนว่า คล็อปป์ จะเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เนื่องจากต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญไป แต่พวกเขาก็ใข้เงินอย่างชาญฉลาด และนำเงินที่ได้มาไปเสริมทีมให้แกร่งกว่าเดิม
ในขณะเดียวกัน คูตี้ กลับเผชิญหน้ากับความผิดหวัง หลังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เลยในสี้เสื้อ อาซูลกราน่า พร้อมถูกปล่อยให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวในฤดูกาล 2019-20 และล่าสุดก็กลับมาโชว์ฝีเท้าคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก ด้วยการย้ายมาเล่นให้ แอสตัน วิลล่า ที่มีเพื่อนเก่าอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นกุนซือ
ทางด้าน โจ อัลเลน ที่ลงเล่นในช่วงท้ายเกม ฤดูกาล 2015-16 คือปีสุดท้ายที่เขาเล่นกับ ‘หงส์แดง’ ก่อนย้ายไปเล่นกับ สโต๊ค ซิตี้ ในซัมเมอร์นั้น และถึงแม้ตกชั้นในเวลาต่อมา กองกลางทีมชาติเวลส์ ก็ยังปักหลักกับ ช่างปั้นหม้อ พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีมในปัจจุบัน
กองหน้า | แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (ลูคัส เลว่า-นาที 90+2)
ครั้งหนึ่ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เคยโชว์ผลงานกระฉูดแตกกับ ลิเวอร์พูล ยามจับคู่ร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ในแดนหน้า กับ 24 ประตู กับ ฤดูกาล 2013-14 แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยโชว์ฟอร์มได้ระดับนั้นอีกเลย
ต่อให้ กองหน้าจอมเซิ้ง ยิงประตูได้ในเกมพบ บียาร์เรอัล ในวันนั้น แต่อาการบาดเจ็บที่รบกวนตลอดเวลา ทำให้เขาค่อยๆหลุดจาก 11 ตัวจริงของ คล็อปป์ และปล่อยให้ เวสต์บรอม ยืมไปใช้งานในเดือนมกราคมปี 2018
หลังกลับมา แอนฟิลด์ ช่วงสั้นๆ หอกชาวอังกฤษ ก็ลาบ้านเกิดไปเล่นให้ แทร็บซอนสปอร์ สโมสรจากตุรกีในปี 2019 แต่ก็ถูกยกเลิกสัญญาในปีต่อมา หลังถูกแบนห้ามลงสนาม 4 เดือนจากข้อหาพนันบอล และถึงได้ย้ายไปเล่นกับ เพิร์ท กลอรี่ ที่ออสเตรเลีย ในซัมเมอร์ปี 2021 ปัญหาบาดเจ็บก็รุมเร้าเข้ามาเหมือนเดิม จนซีอีโอของสโมสรเปรยว่าคงไม่มอบสัญญาใหม่ให้ สเตอร์ริดจ์ แน่นอน
ส่วน ลูคัส เลว่า ที่ค้าแข้งใน แอนฟิลด์ มานานกว่า 10 ปี ก็เลือกย้ายไปเล่นให้ ลาซิโอ ในปี 2017 โดยปัจจุบัน กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน ลงเล่นให้ ‘อินทรีฟ้าขาว’ ทะลุ 150 นัดแล้วในทุกรายการ