ต่อให้จบไม่สวย : เลวานดอฟสกี้คิดอะไรถึงลาเสือใต้ซบบาร์ซ่า

หลังจากเกิดเรื่องราวใหญ่กระทบกระทั่งกันไปมาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ในที่สุด บาเยิร์น มิวนิค ก็ยอมปล่อย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ให้ย้ายไปซบ บาร์เซโลน่า สมใจต้องการ

การย้ายทีมครั้งนี้จะยุติช่วงเวลาของ เลวี่ กับ บาเยิร์น ไว้เพียง 8 ปี โดยร่วมกันคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ถึง 8 สมัย, แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล 3 สมัย รวมไปถึง แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ แชมป์สโมสรโลก อย่างละสมัย

แต่สิ่งต่างๆ ไม่ได้จบลงด้วยดีอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจาก หอกทีมชาติโปแลนด์ แสดงความไม่พอใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับต้นสังกัดที่ตนเองรับใช้มานานในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมถูกบังคับให้มาฝึกซ้อมกับทีมในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม จนทำให้เขาเลือกพยศด้วยการมาซ้อมสาย 3 วันติดต่อกัน อีกทั้งดูเฉื่อยชาไร้ชีวิตชีวาในการซ้อม

ไม่ว่าคำพูดของ เลวานฯ จะออกมาใจจริงหรือไม่ กับคำกล่าวที่ว่า “ผมไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะเล่นให้สโมสรนี้อีกต่อไป” ก็ยังคงเป็นที่น่าสงสัยไม่น้อย เพราะหลายคนใน บาเยิร์น มองว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่บีบให้ทีมปล่อยตัวเขา

แต่อย่างที่ว่ากันว่า สิ่งที่ผู้คนคิดเมื่อคุณมาไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่พวกเขาคิดเมื่อคุณจากไป

เหตุการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาอาจทำให้ตำนานที่ เลวานดอฟสกี้ ที่สร้างไว้ในบาเยิร์นเสื่อมเสีย และมากกว่านั้นเพราะนี่เป็นครั้งที่สองในอาชีพค้าแข้งที่เขาพยายามย้ายทีมก่อนสิ้นสุดสัญญา หลังเคยลองทำในลักษณะที่คล้ายกันในปี 2013 เมื่อเขาอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

 

โอกาสจารึกความยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ากับบาร์ซ่า?

ถ้าเราพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของ เลวานดอฟสกี้ อาจมีเหตุผลที่สมควรให้เขาย้ายไปบาร์เซโลน่าในช่วงซัมเมอร์นี้ แม้มีสถิติยิงกระจายถึง 344 ประตูจาก 375 เกมในช่วง 8 ปีที่อยู่ บาเยิร์น แต่เขาก็ต้องรอเป็นเวลานานหลายปีกว่าที่จะได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

หอกชาวโปล ยังคงผิดหวังกับข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ลงคะแนนโหวตเมินเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรางวัล บัลลงดอร์ และช้ำหนักไปกว่าเก่าเมื่อชวดรางวัลนี้ในปี 2020 หลังผู้จัดงานงดจัดในครั้งนั้น โดยให้เหตุผลเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจริงๆหลายคนมองว่าสามารถจัดได้ตามปกติ แค่อาจมีการจำกัดคนร่วมงานตามมาตรป้องกันโรคก็เท่านั้น

นั่นเท่ากับว่ารางวัลส่วนตัวระดับนานาชาติที่ เลวี่ ได้รับ หากไม่นับพวกรางวัลดาวซัลโว ก็มีเพียงรางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า ในปี 2020 และ ปี 2021 เท่านั้นที่เขาคว้ามาครอง ซึ่งไม่ได้ยิ่งใหญ่ เมื่อมาเทียบกับ บัลลงดอร์ รางวัลอันเก่าแก่จาก ฟร็องช์ ฟุตบอล 

โดยทั่วไปแล้ว ดาวเตะวัย 33 ปี ไม่ได้สร้างชื่อเสียงในแบบที่คุณคาดหวังจากหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในยุคของเขา ข้อตกลงการสนับสนุนและเงินก้อนโตได้ตกเป็นของผู้เล่นรายอื่นแล้ว

และอีกไม่นานก็จะอายุ 34 ปี ตอนนี้จึงอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะใช้ประโยชน์จากผลงานและฟอร์มการเล่น เพื่อด้านการโฆษณาและการเงิน อีกทั้งมีโอกาสจารึกความยิ่งใหญ่เอาไว้มากกว่าเดิม

การชุบชีวิต บาร์เซโลน่า ให้กลับมาเป็นยอดทีมอีกครั้ง ภายใต้การดูแลของ ชาบี เอร์นานเดซ อาจเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับ เลวานฯ ในการทำเรื่องนี้ และเขาจะกลายเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของ บาร์ซ่า แบบไร้ข้อโต้แย้ง เหมือนที่เขาเคยเป็นมาตลอดในช่วง 8 ปีกับ บาเยิร์น 

 

หนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของบาเยิร์น

เมื่อ บาเยิร์น เซ็นสัญญากับ เลวานดอฟสกี้ แบบไร้ค่าตัว ในปี 2014 ด้วยการหลอกล่อโน้มน้าวให้เขาหมดใจกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พวกเขารู้ดีว่ากองหน้ารายนี้จะกลายเป็นเสาหลักให้กับทีมได้

แต่สิ่งที่ ‘เสือใต้’ ไม่มีทางรู้ได้แน่นอน คือการที่ หอกทีมชาติโปแลนด์ จะยิงกระจายจนกลายเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมและ บุนเดสลีก้า ในเวลานั้น จนถึงขั้นมีการพูดคุยกันว่าเขาคือกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่อาจเหนือยิ่งกว่า แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานแข้งของทีมในยุค 60-70 ด้วยซ้ำ

ความสม่ำเสมอทั้งการยิงประตู และฟอร์มโดยรวม บวกกับทัศนคติแบบมืออาชีพ และอาการบาดเจ็บที่รบกวนเพียงน้อยนิด ทำให้ เลวี่ กลายเป็นกองหน้าที่ทีมไว้วางใจมากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้ว เขาลงเล่นให้ บาเยิร์น 47 เกมต่อฤดูกาล อีกทั้ง ตัวของผู้จัดการทีมที่ร่วมงานกับเขา ก็ไร้กังวลในแดนหน้า เพราะเขาพร้อมลงเล่นอยู่เสมอ และฟอร์มตกจริงๆน้อยมากๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ความเก่งกาจของอดีตดาวเตะ เลซ พอซนานก็ทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับกุนซือใหม่ได้อย่างง่ายดาย และทำผลงานได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, คาร์โล อันเชล็อตติ, ฮานซี่ ฟลิค และ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ 

ขณะที่ทีมเมท ‘เสือใต้’ บางคน อาจถูกกุนซือดร็อปเป็นตัวสำรองในบางครั้ง ด้วยเหตุผลด้านแทคติก แต่ไม่ใช่สำหรับ  เลวานฯ พวกเขาไม่เคยต้องกังวลในตัวของกองหน้าคนนี้เลย 

นอกเหนือจากการต่อสู้ทางกฎหมายกับอดีตเอเย่นต์และหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา เซซารี่ คูชาร์สกี้ แล้ว แข้งชาวโปล ก็ไม่เคยมีข่าวขัดแย้งกับใครนอกสนามเลย และทำตัวเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงด้วยการโฟกัสกับผลงานในสนามเท่านั้น จนกระทั่งเรื่องราวการตอบโต้กับ บอร์ดบาเยิร์น เมื่อไม่นานนี้

 

ไม่ใช่แข้งคนโปรดของแฟนพี่เสือ

ความสัมพันธ์ระหว่างเลวานดอฟสกี้กับบาเยิร์นไม่ได้เกิดขึ้นหรือมีผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ช่วงระหว่าง 8 ปีเหล่านั้น เขาได้พัฒนาจากกองหน้าพลังงานสูง กลายเป็นดาวยิงเบอร์ 9 ที่เรียนรู้และเข้าใจการยืนตำแหน่งที่เหมาะสม, การเคลื่อนที่ชาญฉลาดยามไม่ได้ครองบอล รวมถึงเทคนิคในการเล่นพื้นที่แคบๆ ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นนักเตะที่ครบเครื่องมากขึ้น จนแทบไร้จุดอ่อนเลยก็ว่าได้

ในแง่หนึ่ง เขากลายเป็นกองหน้าที่เหมือนกับหุ่นยนต์ซึ่งเข้ากับบุคลิกทั่วไปของเขา ซึ่งแฟนบอล บาเยิร์น ไม่ได้มองดาวยิงเบอร์หนึ่งของพวกเขาเป็นนักเตะคนโปรด หรือเป็นที่รักใคร่ของใครหลายๆคนนัก แม้ว่าเขาจะมีส่วนช่วยให้บาเยิร์นประสบความสำเร็จก็ตาม

หากลองไปเทียบกับ โธมัส มุลเลอร์ คู่ขาในแดนหน้าของ เลวี่ ก็จะเห็นถึงความแตกต่างในเรื่องนี้แบบชัดเจน ทั้งๆที่พวกเขาทั้งคู่มีความสำคัญต่อทีมแทบไม่ต่างกัน

อีกทั้ง ดาวเตะวัย 33 ปี ก็ไม่เคยปิดบังว่า ‘เงิน’ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักๆของเขา ในช่วงที่ขยายสัญญากับ บาเยิร์น ในปี 2019 โดยกล่าไว้ชัดเจนว่า ยอดทีมแคว้นบาวาเรีย คือสโมสรที่เหมาะสมสำหรับเขาที่สุดในช่วงเวลานั้น และไม่ได้มีคำสาบานว่าจะความจงรักภักดีกับทีมจนแขวนสตั๊ดขนาดนั้น

ด้วยเหตุนี้ การลา อัลลิอันซ์ อารีน่า ในตอนนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มันอาจจะไม่ได้ทำให้สิ่งที่ เลวานดอฟสกี้ ทิ้งไว้ดูเสื่อมเสียลงไปมากนัก เพราะเขาไม่เคยตั้งใจที่จะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆเลยเช่นกัน

เพียงแต่ เลวานฯ ถูกมองว่าเป็นเหมือนนักธุรกิจที่มองหาลู่ทางเพื่อประสบความสำเร็จในอาชีพของเขาเท่านั้น และเป็นแบบนั้นเสมอมา

 

บทความที่เกี่ยวข้อง