ชื่อของ คาริม อเดเยมี่ กลายเป็นที่ผู้ถึงในฐานะดาวรุ่งฟอร์มแรงเบอร์ต้นๆของ เร้ดบลูล์ ซัลซ์บวร์ก จึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับความสนใจจากสโมสรทั่วยุโรป
แม้ยอดสโมสรจากออสเตรียจะรู้อยู่แก่ใจว่าสักวันหนึ่ง อเดเยมี่ จะต้องย้ายไปทีมใหม่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในอาชีพค้าแข้ง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มั่นใจว่ามีดาวรุ่งมากมายในอคาเดมี่ที่กระหายก้าวขึ้นมาแทนที่ดาวเตะชาวเยอรมันในอนาคต
นั่นเป็นโมเดลที่ ซัลซ์บวร์ก ยึดถือเรื่อยมา เมื่อถูกทีมดังจากยุโรปดึงดาวเตะคนสำคัญของทีมไป พวกเขาก็จะค้นพบดาวดวงใหม่อยู่เสมอ…
รากฐานจาก รังนิค
ก่อนหน้ากองหน้าทีมชาติเยอรมันวัย 19 ปี อย่าง อเดเยมี่ พวกเขาเคยมีทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, นาบี เกอิต้า, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ซาดิโอ มาเน่ และอีกหลายคนในช่วงนั้น
“แน่นอนว่าผู้เล่นอย่าง คาริม สามารถดึงความสนใจจากสโมสรดีๆมากมาย” คริสตอฟ ฟรอยด์ ผู้อำนวยการกีฬาของทีม กระทิงแดง กล่าว
“เขารู้เช่นกันว่าเขามีอะไรบ้างกับเราและมันสำคัญแค่ไหนสำหรับเขาที่จะพัฒนาทีละขั้นตอน เขามีโอกาสที่ลงเล่นในเกมระดับสูงเมื่ออยู่กับเรา เมื่อเวลามาถึง เขาก็จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นในอาชีพของเขา”
คำพูดของ ฟรอยด์ ไม่เกินจริงแต่อย่างใด กับการได้เล่นเกมระดับสูงเมื่ออยู่กับทีม เพราะพวกเขาคว้าอันดับ 2 ในกลุ่ม G ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ ผ่านเข้าไปรอบน็อคเอ้าท์ของรายการได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แน่นอนว่า หอกดาวรุ่งเมืองเบียร์คือดาวเด่นของทีม เมื่อซัดไป 3 ประตูจาก 6 นัดในรอบดังกล่าว และทำให้ ซัลซ์บวร์ก กลายเป็นทีมจากออสเตรียทีมแรกที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป นับตั้งแต่ที่ สตวร์ม กราซ เคยทำได้ในฤดูกาล 2000-01
และคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าคนที่ทำให้ ทีม ‘กระทิงแดง’ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็คือ ราล์ฟ รังนิค ที่ปัจจุบันกำลังทำหน้าที่ผู้จัดการทีมขัดตาทัพให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
กุนซือเยอรมัน เข้ามาปรับเปลี่ยนปรัชญาของทีมตั้งแต่ปี 2012 หลังเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร จนถึงปี 2015 โดยทำหน้าที่ควบคู่ใน แอร์เบ ไลป์ซิกด้วย
แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกได้ทำกาซื้อสโมสรในปี 2005 พร้อมทำการรีแบรนด์ในเวลาต่อมา และทำหน้าที่เป็นสปอนเซอร์หลักถึงปัจจุบัน แต่การมาของ รังนิค ได้สร้างแบบแผนและหลักการที่สโมสรใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ซัลซ์บวร์ก มักโฟกัสไปที่การคว้าดาวรุ่งอนาคตไกลมาต่อยอดพัฒนาฝีเท้าเป็นหลัก และน้อยมากที่พวกเขาจะคว้านักเตะที่อายุเกิน 23 ปีขึ้นไป ขณะที่แผน ‘เกเก้นเพรสซิ่ง’ ซึ่งเป็นมรดกของ รังนิค ที่วางรากฐานก็ช่วยให้ทีมทำผลงานได้ปังสุดๆใน แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้
ดาวรุ่งคือแกนหลัก
“ตอนนี้เราเป็นทีมที่มีนักเตะอายุเฉลี่ยน้อยสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กับช่วงอายุราวๆ 22 ปีเท่านั้น” ฟลอยด์ กล่าวเพิ่มเติม
“ในตอนแรก หลายคนไม่เข้าใจสิ่งที่เราทำหรือไม่พอใจกับมัน มีหลายสิ่งที่เราต้องทำในหลายระดับเพื่อโน้มน้าวผู้คนมั่นใจในงานของเรา”
“ตอนนี้เราได้รับความนับถืออย่างมากในสิ่งที่เราทำ เรารู้ว่ามันไม่สามารถดีขึ้นเรื่อย ๆ เสมอไป และเราจะมีเวลาหลายปีที่ต้องดิ้นรนเล็กน้อย แต่เราจะไม่ออกจากแนวทางที่เราวางไว้เช่นกัน”
สิ่งที่สนับสนุนความสำเร็จของสโมสรคือเครือข่ายแมวมองที่เป็นที่อิจฉาของหลายๆ คนทั่วโลก และประสิทธิภาพของระบบนั้นถูกเน้นย้ำด้วยการสามารถขายผู้เล่นด้วยค่าตัวก้อนโตเสมอ
เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา กองหน้าอย่าง แพตสัน ดาก้า และ อีน็อค เอ็มเวปู ช่วยให้สโมสรได้เงินถึง 50 ล้านปอนด์ จากการขายให้ เลสเตอร์ และ ไบรท์ตัน ตามลำดับ ขณะที่ ทาคูมิ มินามิโนะ ก็ย้ายไปเล่นกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2020
มีผู้เล่นจำนวนมากที่ลาทีมไป แอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรเครือยข่ายจากเยอรมันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่า ฟลอยด์ กล่าวว่านั่นเป็นการตัดสินใจของผู้เล่นมากกว่าความเชื่อมโยงของสโมสรในเครือเร้ดบูลล์ และครั้งหนึ่ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ทำมันสำเร็จ เมื่อคว้าลายเซ็นของ ฮาแลนด์ ไปได้ ด้วยการยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา 17.1 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคมปีก่อน
นั่นเป็นจำนวนเงินมากกว่าเดิมถึง 10 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับสมัยที่ทีมจากออสเตรีย คว้าดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์จาก โมลด์ ช่วง 17 เดือนก่อนหน้านี้ จากนั้นพวกเขาจึงดึง โนอาห์ โอคาฟอร์ กองหน้าชาวสวิสวัย 21 ปี จาก เอฟซี บาเซิ่ล เข้าแทนที่ ฮาแลนด์ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 10 ล้านปอนด์
“ระบบแมวมองอยู่บนพื้นฐานของปรัชญาที่ชัดเจนที่เรามีในฐานะสโมสร และภาพที่ชัดเจนของแข้งพรสวรรค์รุ่นใหม่ที่เราอยากเห็นร่วมกับเรา” ฟลอยด์ กล่าวต่อ
“เราทุกคนและแน่นอนว่ารวมไปถึงทีมแมวมองของเรา เชื่อมั่นในปรัชญานี้ ซึ่งหมายความว่าเรารู้แน่ชัดว่าเรากำลังค้นหาอะไร”
กระบวนการหายอดแข้ง
ในบทความที่ตีพิมพ์โดยสโมสรที่มีรายละเอียดกระบวนการแมวมองของพวกเขา โดยระบุไว้ว่าพวกเขามองหาแข้งพรสวรรค์ในท้องถิ่นตั้งแต่อายุยังน้อย จากนั้นจึงขยายกลุ่มผู้เล่นไปยังทวีปยุโรปที่อายุเกิน 16 ปี ซึ่งบรรดาสโมสรชั้นนำอาจลังเลที่จะรับความเสี่ยง ส่วนพวกที่อายุ 18 ปี พวกเขาสามารถเซ็นสัญญากับผู้เล่นได้จากทั่วโลก
พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดต่างประเทศ ทั้ง ดาก้า กับ เอ็มเวปู จาก คาฟูเซลติก สโมสรในแซมเบีย, มินามิโนะ จาก เซเรโซ่ โอซาก้าใน ญี่ปุ่น, อมาดู ไฮดาร่า จากทีมเยาวชนใน มาลี ที่ตอนนี้ค้าแข้งกับ ไลป์ซิก แล้ว และรายล่าสุดอย่าง เบรนเดน อารอนซัน ที่ดึงมาจาก ฟิลาเดเฟีย ยูเนี่ยน ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์
“ในอีกด้านหนึ่ง เรามองไปทั่วโลกอย่างใกล้ชิดสำหรับผู้เล่นอายุน้อยที่เหมาะกับสไตล์ฟุตบอลของเรา ในทางกลับกัน เราสามารถเข้าถึงตลาดได้ดีมาก ต้องขอบคุณชื่อเสียงของเราในด้านการพัฒนาดาวรุ่งที่มีความสามารถ” ฟลอยด์ กล่าว
“ผู้เล่น ผู้ปกครอง และเอเย่นต์กำลังเข้ามาหาเรามากขึ้นเรื่อยๆ และเรามีตัวเลือกมากมาย หากเราเห็นผู้เล่นที่สนใจเรา เราชอบที่จะสังเกตพวกเขาเป็นเวลานานๆ”
ผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของสโมสร ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่น สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีความคิดเชิงบวก จะเข้าไปในฐานข้อมูลที่มีชื่อมากกว่า 400,000 ราย และสิ่งที่ดีที่สุดจะถูกค้นหาด้วยสโมสรเองเพื่อตรวจสอบรายละเอียดปลีกย่อยของลักษณะนิสัยและการใช้งานของพวกเขา
ในขั้นตอนสุดท้าย สโมสรจะแสดงรายชื่อผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อซัลซ์บวร์ก ตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการผู้เล่นบางคน กระบวนการคว้าตัวจึงสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
“เราไม่เพียงแค่ดูคุณภาพของพวกเขาในสนาม เราพยายามหาคำตอบด้วยการพูดคุยกับคนรอบข้างว่าพวกเขาเป็นอย่างไรในฐานะคนทั่วไปและภูมิหลังของพวกเขา”
ไร้กังวลแม้เสียตัวหลัก
ส่วนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจคือ ฐานการฝึกอันล้ำสมัยของสโมสรในลีเฟอริ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีลู่วิ่งต้านแรงโน้มถ่วงและที่ซึ่งข้อมูลจำนวนมากเป็นกุญแจสำคัญในการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแสดงของผู้เล่นในการฝึกซ้อม
บทพิสูจน์ความสำเร็จทีมเยาวชนของ ซัลซ์บวร์ก เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูธ ลีก ในปี 2017 ซึ่งเป็นเวลา 3 ปีหลังจากเปิดศูนย์ฝึก โดย ดาก้า ทำประตูในชัยชนะเหนือเบนฟิก้า 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ
แต่การดันขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อยก็น่าสนใจเช่นกันและสโมสรตั้งเป้าที่จะสนับสนุนเต็มกำลังด้วยการให้โอกาสลงเล่นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเกมระดับอาชีพตั้งแต่เนิ่นๆ
ฟลอยด์ อธิบายว่า “พวกเขาเข้ามาอยู่ในระบบที่สมบูรณ์แบบสำหรับเยาวชนที่มีความสามารถ และช่วยให้พวกเขาพัฒนาและแสดงคุณสมบัติของตนเองได้ดีที่สุด”
ในฤดูกาลนี้ มีผู้เล่นหลายรายจาก เอฟซี ลีเฟอริ่ง ทีมลูกของ ซัลซ์บวร์ก ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งเกมใน ออสเตรีย บุนเดสลีก้า พร้อมช่วยให้ทีมรั้งอันดับ 1 ในลีกแบบสบายๆ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งต่างทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และเชื่อว่าได้รับความสนใจจากสโมสรในยุโรปแล้วเช่นกัน
และต่อให้พวกเขาต้องเสียผู้เล่นเหล่านี้ไปก็ไม่ใช่ปัญหาที่กังวลแต่อย่างใด เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งตอน ฮาแลนด์, อูปาเมกาโน่ หรือ โดมินิก โซบอสไล และทีม ‘กระทิงแดง’ ก็เตรียมแผนรับมือได้เสมอ
“แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มาออสเตรียเพื่อชมภูมิประเทศที่สวยงามหรือเงินทองหรอกนะ” ฟลอยด์ กล่าวติดตลก
“พวกเขามาที่เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ย้ายไปสโมสรใหญ่ในอนาคต หากพวกเขาทำได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงมองหาคนรุ่นใหม่มาแทนที่ อเดเยมี่ และพ้องเพื่อนเรียบร้อบแล้วนั่นเอง”