น้องใหม่ประวัติศาสตร์ : เมื่อเร้ดดิ้งคว้าอันดับ 8 กับปีแรกบนลีกสูงสุด

น้องใหม่ประวัติศาสตร์ : เมื่อเร้ดดิ้งคว้าอันดับ 8 กับปีแรกบนลีกสูงสุด

เร้ดดิ้ง เป็นสโมสรที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1871 แต่ช่วงกลางยุค 2000 คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมเลยก็ว่าได้

ทีมฉายา ‘เดอะ รอยัลส์’ เคยเกือบเลื่อนชั้นเมื่อปี 1995 ด้วยการคว้าอันดับ 2 ในดิวิชั่น 1 แต่ดันพ่าย โบลตัน ในรอบเพลย์ออฟนัดชิง แต่อีก 10 ปีต่อมา หลังจากที่วนเวียนอยู่ลีกระดับรองอยู่เรื่อยๆ พวกเขาเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรกได้สำเร็จ

แต่ที่ทำให้แฟนบอลหลายคนตกใจมากที่สุด คือการที่เร้ดดิ้งโผล่พรวดขึ้นมาคว้าอันดับ 8 ในพรีเมียร์ลีกได้เป็นปีแรก ทั้งๆที่ส่วนใหญ่มองว่าคงรอดในลีกสูงสุดยาก และยกให้พวกเขาเป็นตัวเต็งตกชั้นประจำปีด้วยซ้ำ

UFA ARENA ขอพาทุกท่านไปย้อนรำลึกถึงการเลื่อนชั้นครั้งประวัติศาสตร์สโมสรเล็กๆในประเทศอังกฤษที่จดจำที่สุดครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยืนยาวนักก็ตาม

 

ก่อร่างสร้างตัว

Hunt, Doyle: The Reading XI that romped to Championship promotion in 2005/06 - Where are they now? | Football League World

ทีมประสบความสำเร็จพอสมควรในยุคของอลัน พาร์ดิว ที่พาเลื่อนชั้นขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้ในปี 2002 และจากนั้นก็คว้าตั๋วเพลย์ออฟมาเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จในปีต่อมา โดยมีผู้เล่นตัวหลักอย่าง มาร์คัส นาห์เนมันน์, นิคกี้ ชอรี่ย์, แมทธิว อัพสัน, จอห์น ซาลาโก้, สตีฟ ซิดเวลล์, เจมส์ ฮาร์เปอร์, เกลน ลิตเติ้ล นิคกี้ ฟอร์สเตอร์ และ เจมี่ เคอร์ตัน

แต่ทว่า พาร์ดิว ก็โบกมือลาทีมเพื่อไปรับงานใหม่กับ เวสต์แฮม แบบกะทันหัน และคนที่เข้ามาแทนที่ก็คือ สตีฟ ค็อปเปลล์ อดีตกองกลางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้ว่าเขาจะพา ไบรท์ตัน คว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ในฤดูกาลก่อนหน้านี้ แต่กลับมองว่า ‘นกนางนวล’ ที่กำลังพัฒนาไม่น่าจะไปถึงจุดสูงสุดได้ และความทะเยอทะยานนี้เป็นเหตุให้เขาเลือกมารับงานกับ ‘เดอะ รอยัลส์’ 

อดีตแข้ง ‘ปีศาจแดง’ คว้า ฌอน โกเตอร์, เดฟ คิตสัน และ เอวาร์ อินกิมาร์สัน 3 แข้งระดับร่างมาร่วมทีม แต่หนึ่งในนั้นกลับกลายเป็นคนที่จารึกประวัติศาสตร์ของสโมสร

“ผมคงบอกได้ว่า สตีฟ เป็นเหตุผลหลักที่ผมย้ายมา เร้ดดิ้ง” อินกิมาร์สัน กล่าว “แต่ก่อนจะเซ็นสัญญา ผมได้มองดูทีม และ สนาม มาเดจสกี้, ได้พูดคุยกับผู้คน ผมมีความรู้สึกที่ดีเลยล่ะ”

ในเวลาต่อมา แนวรับชาวไอซ์แลนด์ ก็พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกสำเร็จในปี 2006  ด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ด้วยคะแนน 106 แต้ม และมีผลต่างประตูได้เสียถึง 67 ประตู

 

สร้างความสำเร็จจากแผงหลัง

7 Newly Promoted Sides Who Set the Premier League Alight - Sports Illustrated

ภายในทีมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้งในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา แต่เมื่อ อินกิมาร์สัน เล่นคู่กับ อิบราฮิม่า ซองโก้ ก็ชัดเจนว่า ‘เดอะ รอยัลส์’ มีคู่หูเซ็นเดอร์แบ็คที่แกร่งเพียงพอจะพาทีมขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดได้

“ซองโก้ เป็นคนที่แข็งแกร่งและมีนิสัยดีมาก” อินกิมาร์สัน กล่าว “ถึงแม้ว่าเราจะมาต่างที่กัน เขาก็เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว และนำไปใช้ในสนาม”

“เมื่อคุณเล่นเป็นกองหลัง คุณจำเป็นต้องมีความเข้าใจและเชื่อใจกับคนที่คุณเล่นด้วย และรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ซึ่งเรามีความเข้าใจในเรื่องนั้น” 

“เราช่วยทดแทนในสิ่งที่อีกคนขาดไป และผมคิดว่านั่นเป็นกุญแจที่ทำให้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน เราทั้งคู่มี วอลลี่ ดาวน์ส เป็นโค้ชเกมรับเหมือนกัน และเขามีส่วนสำคัญที่ช่วยขัดเกลาการเล่นเกมรับของเรา”

ตัวจบสกอร์หลักอย่าง เคอร์ตัน, ฟอร์สเตอร์, มาร์ติน บัตเลอร์ และ โกเตอร์ ได้ลาทีมไป ทำให้ทีมมีปัญหาเรื่องการทำประตู แต่เมื่อคว้า เควิน ดอยล์ และ เชน ลอง เข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

รวมไปแข้งรายใหม่อื่นๆอย่าง เลรอย ลิต้า, สตีเฟ่น ฮันส์ และ บรินยาร์ กุนนาร์สัน เช่นกัน หลังจากที่พ่าย พลีมัธ ในนัดเปิดฤดูกาล 2005-06 เร้ดดิ้งก็ระเบิดฟอร์มในแชมเปี้ยนส์ชิพนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และคว้าแชมป์ลีกรองไปครองในท้ายที่สุด

“เป็นฤดูกาลที่สุดยอดจริงๆ” อินกิมาร์สัน กล่าว “นั่นเป็นความทรงจำของผมที่ดีที่สุดกับสโมสรเลย การได้เลื่อนขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีก”

“การมีฤดูกาลแบบนั้นได้ ทั้งหมดต้องผสมเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี ผู้จัดการทีมต้องหลอมรวมผู้เล่น, สต๊าฟ และปรับแต่งให้เหมาะสม”

“มีเหล่าดาวรุ่งหลายคนที่ยังไม่ได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ และก็ผู้เล่นอาวุโสมากมายที่ยังไม่เคยเล่นในลีกสูงสุด ผมคิดว่าผู้เล่นเหล่านั้นออกไปพิสูจน์ให้เห็นและรับรู้ว่าฤดูกาลนี้เป็นช่วงเวลาของพวกเขาอย่างแท้จริง”

 

ฤดูกาลประวัติศาสตร์

Quiz: Can you name every Reading FC top goalscorer from the last 13 seasons? | Football League World

เร้ดดิ้ง เสียประตูเพียง 32 ลูกจาก 46 นัดในฤดูกาลนั้น และตอนนี้ อินกิมาร์สัน และพ้องเพื่อนได้โอกาสเลื่อนชั้นมาโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีกเสียที

“เราคว้าชัยนัดแรกในพรีเมียร์ลีกกับเกมพบ มิดเดิ้ลสโบรห์ ซึ่งสำคัญมากในการพิสูจน์ตัวเอง และพิสูจน์ว่าเราควรค่ากับลีก” แนวรับชาวไอร์แลนด์อธิบายต่อ

“ส่วนใหญ่พวกเขาทำนายว่า เราจะตกชั้นแน่ๆ แต่เราอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 8!”

ความจริงแล้ว พวกเขาพลาดโอกาสไปเล่นในศึก ยูฟ่า คัพ เพียงแต่แต้มเดียวเท่านั้น และจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือนัดที่พวกเขาพลิกนรกเอาชนะ โบโร่ 3-2 แม้โดนนำห่างไปก่อน 2-0 และสร้างปรากฏการณ์ในเวลาต่อมา

‘เดอะ รอยัลส์’ แพ้ใน 2 เกมถัดมาที่พบกับ แอสตัน วิลล่า และ วีแกน แต่ก็คว้าไปถึง 10 แต้มจาก 4 นัดต่อมา ทั้งประตูชัยของ อินกิมาร์สัน ในนัดเฉือนชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเกมที่ยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1

จากนั้น ลูกทีมของ ค็อปเปลล์ ก็เอาชนะ สเปอร์ส, บุกไปเสมอกับ เชลซี, ถล่มเวสต์แฮม 6 เม็ดฉลองวันปีใหม่, ชนะเรือใบสีฟ้าทั้งเหย้าเยือน ไม่น่าแปลกที่นี่จะกลายเป็นทีมน้องใหม่ที่น่าจดจำในฤดูกาลนั้นมากที่สุด

นอกจากนี้ความยอดเยี่ยมของพวกเขาในปีนั้น ถือเป็นเรื่องหายากมากๆ สำหรับทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ทั้งในยุคก่อนหรือหลังก่อตั้งพรีเมียร์ลีกก็ตาม

จอห์น มาเดจสกี้ ได้สร้าง สนาม และ สิ่งอำนวยความสะดวกที่สโมสรต้องการ พาร์ดิว เป็นคนสร้างความเชื่อมั่นให้ทีม แต่ ค็อปเปลล์ เป็นคนที่หลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์บางสิ่งที่ยอดเยี่ยมออกมา บางอย่างที่แฟนบอลสามารถภูมิใจได้ทุกครั้งที่พวกเขานึกถึงหรือมองย้อนกลับไป

น่าเสียดายที่ในฤดูกาลต่อมา ‘เดอะ รอยัลส์’  ต้องตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ แม้จะเลื่อนกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งเมื่อฤดูกาล 2012-13 แต่ก็สร้างปรากฏการณ์สุดเซอร์ไพรส์เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีก

อย่างไรก็ตาม ค็อปเปลล์ และนักเตะเร้ดดิ้งในฤดูกาล 2006-07 คือตำนานที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้นแน่นอน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

นัดที่ถูกลืม : ยาย่า ตูเร่ กับช่วงเวลาแสนสั้นในรั้วปืนใหญ่
นัดที่ถูกลืม : ยาย่า ตูเร่ กับช่วงเวลาแสนสั้นในรั้วปืนใหญ่