แม้ปัจจุบัน เบ็น นัททอลล์ จะเป็นเด็กวัย 22 ปีที่ไม่ธรรมดา แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เติบโตและมีความฝันไม่ต่างจากเด็กทั่วไปในอังกฤษมากนักที่เฝ้ารอวันได้ค้าแข้งกับทีมสโมสรชื่อดัง โดยเบ็นเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมเยานของเบอร์มิ่งแฮมในอีก 4 ปีต่อมา แต่ที่นั่นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงในเส้นทางชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ในวันนี้ เบ็น นัททอลล์เป็นนักฟุตบอลฟรีสไตล์ระดับโลกที่ช่วยดึงดูดให้ผู้คนสนใจในกีฬารูปแบบใหม่นี้มากขึ้น ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นรูปเป็นร่างมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่สำหรับเรื่องราวของเขามันมีอะไรที่มากไปกว่านั้น นัททอลล์ไม่ได้แค่ครองสถิติโลก 3 ครั้งจากกินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด และเตรียมลงแข่งในรายการ ยูเค หรือ เวิล์ด แชมเปี้ยนส์ชิพ เท่านั้น แต่ยังแข้งโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิง ในฤดูกาลที่ผ่านมา แถมยังช่วยเหลือแข้งเยาวชนที่กำลังหลงทางอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นัททอลล์ถูกปล่อยตัวจากทีมลูกโลกหลังจากร่วมทีมเยาวชนแค่ 2 ปี และนั่นกลับกลายเป็นตัวกระตุ้นครั้งสำคัญของเขาในอนาคตข้างหน้า
“ย้อนกลับไปตอนอายุ 12 หรือ 13 ผมต้องการเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ และผมต้องการเล่นให้กับเบอร์มิ่งแฮมด้วย” นัททอลล์กล่าว “แต่จากนั้นไม่นาน ผมก็ถูกปล่อยตัว ทันทีที่ผมเห็นวีดีโอฟุตบอลแบบฟรีสไตล์ในโลกออนไลน์ จากวินาทีนั้นผมจึงเปลี่ยนจากฟุตบอลธรรมดามาเป็นฟุตบอลฟรีสไตล์แทน”
แม้ช่วงอายุจะกลายเป็นปัญหาในเริ่มต้นใหม่ แต่นัททอลล์ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรวดเร็วและเลือกเส้นทางที่แตกต่างในเกมลูกหนังที่เขารัก แม้ว่ากีฬาทั้งสองอย่างจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแง่การเล่น แต่เขากลับติดใจฟุตบอลฟรีสไตล์เข้าอย่างจังในการคิดค้นลูกเล่นใหม่ พร้อมกับพัฒนาและฝึกฝนจนทักษะของเขาค่อยๆดีขึ้นในทุกๆวัน
When the PE teacher says get into pairs ⚽️😅 pic.twitter.com/6JIHE2oz2Y
— Ben Nuttall (@BNFreestyle) May 20, 2022
“ในทางเทคนิค ผมก็โอเคนะ ผมมีทักษะพอประมาณ เช่นสับขาหลอกและเลี้ยงผ่านไปได้ แต่ผมค่อนข้างตัวเล็กกว่านักฟุตบอลคนอื่นๆและเสียบอลอยู่บ่อยครั้ง ความสามารถของผมถูกบดบังด้วยเรื่องกายภาพนี่แหละ”
“เมื่อผมถูกปล่อยตัว ผมคิดว่าผมจะกลับไปให้ได้ แต่ผมก็มีเวลาว่างเยอะขึ้นและไปสะดุดเข้ากับวิดีโอนั้นเข้าอย่างจัง แน่นอนว่าผมเคยเห็นลูกเล่นนี้มาก่อนแล้ว แต่ไม่เคยเห็นการเล่นแบบฟรีสไตล์ถูกนับเป็นกีฬามาก่อน ผมจึงเริ่มฝึกทักษะจากวีดีโอที่สวนหลังบ้านของผม จากนั้นผมก็ติดหนึบ และลืมเรื่องฟุตบอลปกติไปเลย”
“กีฬาทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันชัดเจน สำหรับฟุตบอลฟรีสไตล์ เมื่อคุณได้อยู่บนเวที คุณมีหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมและทำให้คู่แข่งเสียท่า แต่ไม่มีโค้ช มีแค่ตัวคุณเองเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนุกที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีอะไร คุณก็แสดงมันออกมาได้ และมันเป็นวิธีที่ดีในแสดงตัวตนของคุณให้ชัดเจน”
จากมือใหม่สู่ผู้ครองสถิติ
หากเราย้อนมาดูถึงการพัฒนาของเขาแล้ว คงตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเขาไปได้ไกลแค่ไหนในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 5 ปีเท่านั้นที่เขาบอกลาความฝันของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพและก้าวขึ้นไปอยู่เกือบบนสุดของวงการลูกหนังฟรีสไตล์ แต่นั่นเป็นเพราะ เบ็น นัททอลล์ทุ่มเทให้กับมันอย่างหนัก ไม่ว่าจะมีข้อเสนอหรือการแข่งขันไหนเข้ามาเขาก็ทำมันออกมาอย่างมืออาชีพ และเติบโตขึ้นไปในฐานะผู้แข่งขันและนักเอนเตอร์เทนต์ไปพร้อมๆกัน
“ผู้คนต่างตกใจมาก เมื่อผมบอกว่าเริ่มกีฬานี้แค่เวลาเท่านั้น แต่ถ้าคุณทำบางอย่างหลายๆชั่วโมงในทุกๆวันมันก็เป็นเวลาที่นานไม่ต่างกัน” หนุ่มวัย 18 กล่าว”
“ในตอนแรกผมฝึกด้วยสนุกเท่านั้น และใช้โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มในการแชร์วีดีโอ จากนั้นผมก็ค่อยๆมีชื่อเสียงและคนดูเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย คนในท้องถิ่นก็ยื่นข้อเสนอให้ไปโชว์ฝีเท้าและผมก็ได้รางวัลในคืนนั้น และนั่นคือจุดเปลี่ยนเลย เพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมสามารถทำเงินจากสิ่งนี้ได้”
“มันเติบโตขึ้นเป็นหลายเท่าตัวและผมก็เริ่มสร้างโปรไฟล์ให้กับตัวเอง ในฟุตบอลฟรีสไตล์ ถ้าคุณอยากมีชื่อเสียง ทักษะลีลาคือสิ่งนั้น แต่ในด้านธุรกิจมันเป็นอีกอย่างนึง ผมได้ทำงานกับทั้ง อาดิดาส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ได้โชว์ทักษะในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงในปีที่ผ่านมา”
“ผมรักทั้งสองอย่างนะ การฝึกซ้อมก็สนุกแต่การแข่งขันก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่นศึก ยูเค แชมเปี้ยนส์ชิพ และ เวิร์ล แชมเปี้ยนส์ชิพ ซึ่งผมเสพติดการพัฒนาตนเองอยู่แล้ว”
ความสำเร็จครั้งสำคัญที่ช่วยสร้างชื่อของ เบ็น นัททอลล์ในเส้นทางลูกหนังฟรีสไตล์นี้คือ การที่เขาเป็นเจ้าของสถิติโลกจากกินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด โดยมีทั้งใช้เท้าเดาะลูกรักบี้ได้มากที่สุด (187 ครั้ง), ใช้คอรับจ่ายบอลและรับลูกมากที่สุดใน 1 นาที (41 ครั้ง) และสถิติสุดท้ายอย่าง เดาะบอลโดยสวมที่ถ่วงน้ำหนักที่ข้อเท้าข้างละ 5 กิโลกรัมได้มากครั้งที่สุดใน 1 นาที (217 ครั้ง) ที่ทำได้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่าเขามุ่งมันทุ่มเทให้กับกีฬาชนิดนี้มากแค่ไหน
“สถิติที่ผมชอบที่สุดจากทั้งหมดนี้คือ เดาะลูกรักบี้ ผมคิดว่านั่นเป็นการทดสอบการควบคุมลูกบอลแบบสุดๆไปเลย สถิติตอนแรกคือ 60 ครั้ง แต่ผมสามารถทำมันได้ถึง 187 ครั้ง ซึ่งผมจะหยุดที่ 61 ครั้งก็ได้ แต่ผมไม่อยากแพ้ใครแบบนั้น”
“ส่วนเรื่องใช้การคอ ผมต้องให้เพื่อนช่วยเหลือซักหน่อย มันต้องเทคนิคมากพอตัว สถิติตอนแรกอยู่ที่ 20 ครั้ง และเราทำได้ถึง 41 ครั้ง ส่วนสถิติสุดท้าย ผมมีที่ถ่วงน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัมที่ข้อเท้า โดยสถิติเดิมตั้งอยู่ที่ 60 ครั้ง และผมทำได้ถึง 217 ครั้ง ผมรู้สึกว่าถ้าผมจะทำเรื่องนี้จริงๆ ผมต้องทำลายสถิติเหล่านี้ให้ได้”
อดีตแข้งเยาวชนเบอร์มิ่งแฮมยอมรับว่าเขายินดีกับสถิติเหล่านี้มากๆ แต่ตอนนี้เขากำลังมุ่งมั่นฝึกซ้อมให้พร้อมในการแข่งขันในอังกฤษและต่างประเทศที่จะเริ่มขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้
สำหรับรายการในอังกฤษนั้นมี คริสเตียน ฟุคส์ อดีตกองหลังเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นผู้จัดการแข่งขัน โดยมี แอนดรูว์ เฮนเดอร์สัน เป็นแชมป์เก่าในรายการนี้ รวมไปถึงรายการ เวิลด์ แชมเปี้ยนส์ชิพด้วย
“เมื่อเป็นรายการแชมเปี้ยนส์ชิพ มันมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ” เขากล่าว
“สำหรับการทำสถิติ คุณสามารถฝึกแบบนั้นไปซ้ำๆกันได้ แต่ในการแข่งขันมันมีความแตกต่างมากกว่านั้น แต่ละประเทศต่างมีวิธีแข่งเป็นของตัวเอง จากนั้นก็ระดับโลก ซึ่งแยกตั้งแต่พวกมือใหม่ไปจนถึงมือโปรในการแข่งขัน”
“ในระดับโปรนั้นจะมีรอบคัดเลือกซึ่งมีเวลา 45 วินาทีในการโชว์ทักษะ ก่อนจะตัดสินเพื่อผ่านเข้าไปในรอบ 16 คนสุดท้าย ซึ่งนั่นเป็นการดวลกันดวลเดี่ยวกัน 3 รอบ รอบละ 30 วินาที ต่อหน้าผู้ตัดสิน”
“ผมเคยไปเล่นทั้ง 2 รายการมา 2 ครั้งแล้ว แต่ในอังกฤษคือ รายการที่ผมโฟกัสมากที่สุด ในปี 2017 ผมผ่านเข้าไปรอบ 8 คนสุดท้าย แต่แพ้ให้กับแอนดรูว์ เฮนเดอร์สัน นี่แหละ และในปีที่ผ่านมา ผมเข้าไปถึงรอบตัดเชือกได้ แต่ก็คว้าอันดับ 3 มาครอง ผมจึงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อคว้าแชมป์ในปีนี้ให้ได้ หากทำได้ด้วยอายุขนาดนี้คงจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่น่าดู”
ช่วยเหลือเพื่อนร่วมรุ่น
การมุ่งมั่นโชว์ลีลาทักษะลูกหนังในรายการต่าง หรือการแสดงต่อหน้าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเกมที่อาร์เซน่อล พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในอังกฤษเท่านั้น เบ็น นัททอลล์ยังช่วยสร้างความแตกต่างในชุมชนที่เขาอยู่อีกด้วย
ด้วยอาชีพนี้ทำให้เขาหลีกหนีจากปัญหาและเรื่องไม่ดีต่างๆได้ แต่เมื่อเขารู้ว่ามีใครซักคนที่กำลังหลงทางหรือเดินไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เขาเองก็ต้องลงมือทำอะไรซักอย่างเช่นกัน
“ผมเคยฝึกสอนในโรงเรียนหรือทีมเยาวชนของสโมสรมาแล้ว และหลายคนที่ผมเคยเล่นฟุตบอลด้วยกลายเป็นคนร้ายหรือทำผิดกฏหมายตั้งแต่เป็นวัยรุ่น และผมคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าได้ทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้” นัททอลล์กล่าว
“มันเป็นงานอาสา และผมก็ยินดีช่วยแบบฟรีๆ ผมได้รับการติดต่อจากผู้คนและได้ไปร่วมงานกับหน่วยงานที่ดูแลเยาวชนที่กระทำผิดกฏหมายของดาร์บี้ซึ่งอยู่การอุปถัมภ์ขององค์กรการกุศล เดอะ ปรินซ์ ทรัสต์ (The Prince’s Trust) ”
Really happy to be giving back to the community through the BNF Charity, sponsoring local teams around Birmingham ⚽️🙌💫 pic.twitter.com/Cl6jPOFhK9
— Ben Nuttall (@BNFreestyle) November 7, 2020
“ผมไปที่นั่นและโชว์ทักษะต่างให้พวกเขาเห็นและสอนพวกเขาบางท่าด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้มีสมาธิและเป็นไฮไลต์ประจำสัปดาห์ของพวกเขาเลย สิ่งที่ผมบอกไปช่วยพวกเขาได้มากเลยล่ะ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดสามารถเป็นนักฟุตบอลฟรีสไตล์ได้นะ แต่พวกเขาสามารถสามารถเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล, เพลง, ถ่ายภาพ หรือ อะไรก็ตามแต่”
“เพราะผมยังอายุน้อย ผมจึงคิดว่าการทำอะไรเหล่านั้นก็ช่วยผมได้เหมือนกัน เพราะผมได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา เคยได้ทำอะไรบ้าๆเหมือนกัน อย่างเช่นโดดเรียน และเล่นฟุตบอลข้างถนน ปัจจุบัน ผมทำทำงานนี้มาได้ประมาณ 4 เดือนเท่านั้น แต่ผมยังต้องการทำอะไรให้มากกว่านี้ ”
แม้จะไม่ได้มีโอกาสค้าแข้งในฟุตบอลระดับอาชีพอย่างที่ตนเองเคยเฝ้าฝันไว้ตั้งแต่เด็ก แต่ทว่าในตอนนี้ เบ็น นัททอลล์ มาไกลกว่าเกินกว่าที่นักเตะฟุตบอลอาชีพบางคนด้วยซ้ำ และที่สำคัญเขากำลังมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอลฟรีสไตล์ หรือ การช่วยเหลือแข้งระดับเยาวชนรุ่นเดียวกันก็ตาม