ถือเป็นอีกดีลใหญ่ประจำซัมเมอร์ปี 2023 เมื่อ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงถึง 88.5 ล้านปอนด์
ด้วยผลงานตลอด 3 ฤดูกาลกับ ‘เสือเหลือง’ ที่ผ่านมา รวมไปถึงฟอร์มการเล่นที่เจิดจรัสไม่น้อย ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ กาตาร์ ทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ โลส บลังโกส ออกปากชมว่า จู๊ด เป็นหนึ่งในกองกลางดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลกเลย
“เบลลิ่งแฮม เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมจะเชื่อมั่นกับกองกลางของผม ซึ่งยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะเหล่าดาวรุ่งทั้งหลาย” กุนซือชาวอิตาเลี่ยน กล่าว
จริงอยู่ที่ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษ ในซัมเมอร์นี้ แต่หลายคนก็ไม่ลืมว่า ‘ราชันชุดขาว’ ณ ปัจจุบัน เต็มไปด้วยกองกลางมากมายให้เลือกใช้ในทีม
ว่าแต่ จู๊ด จะเหมาะกับตำแหน่งไหนในทีมของ อันเช่ ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์กับบทบาทของเขาในทีมชุดขาว ผ่านบทความชิ้นนี้กัน
ตัวเลือกใหม่ในแดนกลาง
เรอัล มาดริด เป็นทีมที่มีกองกลางให้เลือกใช้หลากหลาย ไล่ตั้งแต่พวกดาวรุ่ง ทั้ง ออเลเรียง ชูอาเมนี่ ในวัย 23 ปี ที่ย้ายจาก โมนาโก มาด้วยค่าตัว 68 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 6 ปีฅ เอดูอาร์โด้ คาร์มาวิงก้า วัย 20 ปี ที่ย้ายมาในปี 2021 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์จาก แรนส์ หรือ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ในวัย 24 ปี ก็ลงเล่นในทีมเกือบแตะ 200 นัดแล้ว
ขณะที่พวกตัวเก๋าๆอย่าง ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ปี และ โทนี่ โครส ในวัย 33 ปี ซึ่งมีอายุรวมกันแตะ 70 ก็ยังเป็นกองกลางคนสำคัญของ มาดริด ในชุดปัจจุบัน ยังรวมไปถึงตัวสำรองอย่าง ดานี่ เซบายอส ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมทีมีกองกลางผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งพลังหนุ่มและประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม กองกลางทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นนักเตะรายล่าสุดที่ถูกดึงเข้ามาเสริมแกร่งใน ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 88.5 ล้านปอนด์ เมื่อบวกกับแอดออน อาจแตะ 115 ล้านปอนด์เลย
ดังนั้นคำถามตัวโตๆ ที่แฟนบอลหลายคน และอาจรวมถึง มาดริดนิสต้า ตั้งไว้ ก็คือ มิดฟิลด์วัย 19 ปี จะเหมาะกับตำแหน่งไหน? มีโอกาสที่เขาจะกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงได้หรือไม่?
งานหนักรออันเช่อยู่
เบลลิ่งแฮม เป็นการเสริมทัพที่น่าจับตามอง และน่าจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับ เรอัล มาดริด แน่นอน เพียงแต่ว่าเขาอาจจะยังไม่ใช่ตัวแรกในแดนกลางทันที หลังย้ายเข้ามา
ท้ายที่สุด ณ ตอนนี้ โครส กับ โมดริช ก็ยังเป็นนักเตะ 2 ตัวเลือกแรกที่ลงเล่นในเกมนัดสำคัญ ซึ่งมีส่วนสำคัญกับการคว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก หนล่าสุด รวมกับ บัลเบร์เด้ ในแดนกลาง (ที่สามารถโยกไปเล่นตัวรุกริมเส้นได้)
อีกทั้ง กองกลางตัวเก๋า 2 ราย ก็เตรียมค้าแข้งที่ มาดริด ต่อไปในฤดูกาลหน้า และถ้า อันเชล็อตติ ยังเป็นกุนซือของ ราชันชุดขาว ต่อไป ก็เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกองกลาง อาจเป็นงานหนักที่รออยู่แน่นอน
ช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมา คาร์เล็ตโต้ กล่าวถึง โครส, โมดริช และ คาริม เบนเซม่า ที่ย้ายไป ซาอุดิอาระเบีย แล้ว ที่ยังคงช่วยให้ มาดริด เติบโตขึ้นไปว่า “ผู้คนอาจคิดว่าพวกเขาไม่ได้มีพลังงานเหมือนกับ ดาวรุ่ง แต่วิธีที่ทั้ง 3 จัดการในเกม มีเอกลักษณ์ ตีราคาไม่ได้ และคุณไม่สามารถหาซื้อมันได้ในตลาดทั่วโลก”
“พวกเขามีบางอย่างที่ประสบการณ์เท่านั้นจะมอบให้คุณได้ ใช้ การที่มีอายุมากขึ้น อาจพรากบางสิ่งจากคุณไป แต่มันก็จะให้บางอย่างกลับมาหาคุณเช่นกัน”
ด้วยความจริงนี้ จึงยากที่จะเห็น กองกลางจาก โลส บลังโกส ย้ายออกจากทีมในตอนนี้ แม้หลังจาก เบลลิ่งแฮม ย้ายมาก็ตาม
ตัวหลักในระยะยาว
นั่นหมายความว่าในฤดูกาลหน้า เบลลิ่งแฮม จะต้องเจอกับการแข่งขันในแดนกลางอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน และน่าจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือดที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาในอาชีพค้าแข้งเลย
อย่างไรก็ตาม การที่ โครส เป็นกองกลางตัวเก๋าคนเดียวที่ยังไม่มีตัวแทนในระยะยาว ก็หมายความว่า แข้งชาวอังกฤษ น่าจะเป็นคนที่ใกล้เคียงที่สุดในการเป็นทายาทต่อจาก มิดฟิลดชาวเยอรมัน ในอนาคตอันใกล้
มี 2 สิ่งที่กองกลางวัย 19 ปี เหนือกว่ากองกลางคนอื่นๆ ใน เบอร์นาเบว นั่นก็คือ อายุ และทักษะของเขาเอง
ดังนั้นจะมีการโรเตชั่นแน่นอน และอาจมีกองกลางบางคน ยึดตำแหน่งตัวจริงได้ก่อนในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มั่นใจได้เลยว่า จู๊ด จะได้โอกาสลงเล่นมากขึ้น ซึ่งมากพอจนกลายเป็นตัวหลักในทีมได้
อีกทั้ง มาดริด ก็ถือเป็นที่ที่เขาสามารถต่อยอด พัฒนาฝีเท้าของเขาตัวเองได้มากโข และเข้าข่ายเป็นนักเตะที่ มาดริด ต้องการตัวอยู่แล้ว ในฐานะดาวรุ่งอายุไม่เกิน 20 ปี และมีอายุการใช้งานระยะยาว สามารถพัฒนาได้อีกหลายปี
โอกาสการปรับตำแหน่งและแท็กติก
อย่างไรก็ดี การที่ อันเชล็อตติ มักเอาผู้เล่นมิดฟิลด์รายอื่น ไปเล่นตำแหน่งที่แตกต่างกัน เช่น บัลเบรเด้ เล่นแบ็คขวา กับ ปีกขวา หรือ คามาวิงก้า เล่นแบ็คซ้ายจำเป็น ก็อาจทำให้ตัวของ จู๊ด ได้โอกาสลงเล่นในแดนกลางมากขึ้นก็เป็นได้
อีกทั้ง การหาไปของ คาริม เบนเซม่า ที่ลาทีมไปซบ อัล อิตติฮัด แบบสุดเซอร์ไพรส์ในซัมเมอร์นี้ ก็ทำให้ อันเช่ อาจเปลี่ยนระบบการเล่นจาก 4-3-3 เป็น 4-3-1-2 ซึ่งอาจใช้ให้ กองกลางเบอร์ 5 คนใหม่เล่นเพลยเมกเกอร์ หรือดันขึ้นไปเล่น ฟอลส์ไนน์ ก็อาจเกิดขึ้นได้ เหมือนกับที่เคยปรับให้นักเตะบางคนไปเล่นเป็นกองหน้าตัวหลอก ในช่วงซีซั่นที่ผ่านมา เช่น เอแด็น อาซาร์
ทว่าโอกาสนี้ก็เกิดขึ้นน้อยอยู่ดี เนื่องจาก มาดริด ได้ โฆเซลู กองหน้าที่ยืมตัวมาจาก เอสปันญ่อล 1 ฤดูกาล เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจไม่ใช่ดาวยิงระดับท็อป ทดแทน เบนเซม่า ได้ แต่การใช้กองหน้าแท้ๆ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน มองเป็นอันดับแรก หากไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บในแนวรุกจริงๆ
ทั้งนี้ต้องดูช่วงพรีซีซั่นอีกทีว่ายอดทีมจากกรุงมาดริด ในยุคที่มี เบลลิ่งแฮม จะมีหน้าตา 11 คนแรกเป็นอย่างไร ?
ทีมที่เหมาะกับจู๊ดที่สุด
และแน่นอนว่า จู๊ด จะนำสไตล์การเล่นที่กองกลางคนอื่นๆใน เรอัล มาดริด ไม่มี มาสู่ทีมได้เช่นกัน
กองกลางคนอื่นๆของ มาดริด มีสถิติการจ่ายบอล และสร้างโอกาสที่ดีกว่า กองกลางทีมชาติอังกฤษ ในฤดูกาลนี้ แต่นั่นก็มาจากการที่ทีมจาก ลาลีกา สเปน ครองบอลเฉลี่ยมากกว่า ดอร์ทมุนด์ เป็นทุนเดิม อยู่แล้ว นั่นจึงทำให้เขามีค่าเฉลี่ยในการเล่นเกมรับ หรือการเพรสซิ่งที่ดีกว่า กองกลางของ มาดริด ทุกคน
แต่ถึงแม้จะครองบอลได้น้อยกว่า แต่ แข้งวัย 19 ปี ก็สร้างความประทับใจในพื้นที่โจมตี ทั้งการเลี้ยงบอลผ่นคู่แข่งสำเร็จ 86 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ลีก หรือสถิติอื่นๆ ทั้งการผ่านบอลและยิง ที่มากกว่ามิดฟิลด์ของ มาดริด ทุกคน แสดงให้เห็นว่าเขามีความหลากหลายในการเล่นเกมรุกมากกว่า เมื่อเทียบกับนักเตะที่ อันเชล็อตติ มีอยู่แล้ว
ไม่ว่า เบลลิ่งแฮม จะมีมูลค่าสูงกว่านี้ หรืออาจได้เปรียบในแง่ของรายได้ หากย้ายมาพัฒนาฝีเท้าใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบถึงเรื่องนี้ว่าสิ่งไหนดีกว่ากัน
แต่ถึงอย่างนั้น กองกลางดาวรุ่งคนนี้ ก็แสดงให้เห็นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแล้วว่า เขาไม่จำเป็นต้องเล่นให้ทีมในบ้านเกิดเพื่อยกระดับหรือพัฒนาฝีเท้า และคงมีไม่กี่ทีมหรอกในอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกับ เรอัล มาดริด ณ เวลานี้