เนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศนักท่องเที่ยวหลายคนยกให้เป็นเมืองในฝันที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม, ความเปิดกว้างกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนในประเทศหรือต่างแดน
ไม่แปลกที่นั่นจะเป็นจุดหมายสำหรับหลายคนในการเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่เพื่อเปิดประสบการณ์ต่างแดนหรือแม้กระทั่งย้ายมาตั้งรกรากอาศัยอยู่ในแดนกังหันลมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวแล้ว ฟุตบอลคืออีกเรื่องที่โดดเด่นของชนชาวดัตช์ โดยเฉพาะใน เอเรดิวิซี่ ลีกสูงสุดของประเทศที่ปลุกปั้นนักเตะให้โด่งดังมาแล้วมากมาย และที่สำคัญไม่เพียงแต่เฉพาะนักเตะในประเทศเท่านั้น เพราะมีแข้งต่างแดนไม่น้อยที่ย้ายมา ก่อนแจ้งเกิดในกับสโมสรในฮอลแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นดาวรุ่งรอฉายแสง หรือแข้งฟอร์มตกจากลีกอื่นก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 แข้งต่างแดนที่ย้ายมาแจ้งเกิดหรือสร้างชื่อในเนเธอร์แลนด์ แถมบางคนสามารถก้าวขึ้นไปนักเตะระดับโลกหลังจากนั้นด้วย
เซบาสเตียน อัลแลร์
เซบาสเตียน อัลแลร์ คือตัวอย่างรายล่าสุดของนักเตะที่ฟอร์มตก แต่สามารถกลับมาเกิดใหม่ในลีกลูกหนังเนเธอร์แลนด์ หลังย้ายซบ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 2021
เดิมที กองหน้าทีมชาติไอวอรี่โคสต์ สร้างชื่อในเอเรดิวิซี่ ตั้งแต่เป็นดาวรุ่งกับ อูเทร็คท์ แล้ว แต่โด่งดังสุดในช่วงฉายแสงกับ ไอนด์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต จน เวสต์แฮม ต้องทุ่มเงินกว่า 45 ล้านปอนด์ ไปร่วมทีมในปี 2019 ทว่าไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เลยตลอด 2 ปีในอังกฤษ ทำให้สโมสรยอมขาดทุนขายให้ อาแจ็กซ์ รับช่วงต่อ ในราคา 18.8 ล้านปอนด์
หลังจากนั้น อัลแลร์ ก็กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ด้วยการซัดไปแล้ว 28 จาก 27 นัดในทุกรายการ โดยเฉพาะใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ ที่รั้งดาวซัลโวด้วยการกดไป 10 ตุงจาก 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม
ดูซาน ทาดิช
แฟนบอลพรีเมียร์ลีก คงจดจำชื่อของ ดูซาน ทาดิช ได้เป็นอย่างดีกับผลงานที่โดดเด่นตลอด 4 ปี กับ เซาแธมป์ตัน ก่อนถูกขายให้ อาแจ็กซ์ ในปี 2018
อย่างไรก็ตาม นั่นคงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ ‘นักบุญ’ เพราะหลังจากนั้น ดาวเตะทีมชาติเซอร์เบีย ระเบิดฟอร์มในลีกเนเธอร์แลนด์ ด้วยการกดไปถึง 28 ประตูจาก 36 นัดในลีก มากไปกว่านั้นยังมีส่วนสำคัญพา อาจแจ็กซ์ ไปไกลถึงรอบตัดเชือกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-19 ด้วย
ปัจจุบัน ทาดิช ในวัย 33 ปี ก็ยังตัวหลักในแนวรุกของ อาแจ็กซ์ เพื่อไล่ล่าแชมป์เอเรดิวซี่สมัยที่ 36 ให้กับสโมสรต่อไป
หลุยส์ ซัวเรซ
แม้เพิ่งขึ้นมาเล่นกับ นาซิอองนาล สโมสรในอุรุกวัย บ้านเกิดแค่ปีเดียว แต่ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นทำให้ โกรนิงเก้น คว้า หลุยส์ ซัวเรซ มาร่วมทีมในปี 2006 ก่อนที่ปีต่อมาจะโดนยักษ์ใหญ่ในลีกดัตช์อย่าง อาแจ็กซ์ คว้าตัวไปร่วมทีม
ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปรับตัวกับทีมใหม่ ก่อนกลายเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม และคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ กับ ดัตช์ คัพ อย่างละสมัย ตลอด 4 ปีในโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า จากนั้นก็ยกระดับฝีเท้าตัวเองกับ ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก้ มาดริด ตามลำดับ จนกลายเป็นกองหน้าเบอร์ต้นๆของยุคนี้
มาเตย่า เคซมัน
ช่วงต้นยุค 2000 ถือเป็นช่วงที่แฟนบอล พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ตื่นเต้นไม่น้อย หลังการมาของ มาเตย่า เคซมัน กองหน้าดาวรุ่งที่ดึงมาจาก ปาร์ติซาน เบลเกรด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันทีกับปีแรกในเนเธอร์แลนด์
นอกจากนั้นยังประสานงานร่วมกับ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกรุ่นราวคราวเดียวกันได้อย่างเข้าขารู้ใจ และช่วยให้คว้าแชมป์ลีกมาครองอีกครั้งในปี 2003 อีกทั้งยังครองตำแหน่งดาวซัลโวของ เอเรดิวิซี่ ถึง 3 จาก 4 ปีที่เล่นให้ พีเอสวี
อย่างไรก็ตาม หลังย้ายไป เชลซี ในปี 2004 พร้อมๆกับ ร็อบเบน เพื่อนซี้ ฟอร์มการเล่นขอ เคซมัน ก็ไม่เคยกลับมาปังอีกเลย ก่อนตระเวนค้าแข้งไปเรื่อยจนกระทั่งแขวนสตั๊ดไปแบบเงียบๆในปี 2012
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ขณะที่ พีเอสวี มี เคซมัน เป็นตัวชูโรง ทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์อย่าง อาแจ็กซ์ ก็ไม่น้อยหน้าด้วยการคว้า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าดาวรุ่งจาก มัลโม่ มาร่วมทีมในปี 2001
หอกชาวสวีดิช กลายเป็นนักเตะที่หลายทีมจับตามองทันที ด้วยลีลาการจบสกอร์ที่เหนือชั้นและเยือกเย็นเกินวัย พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ เอเรดิวิซี่ 2 สมัย พร้อมกับแชมป์บอลถ้วยอีกสมัยในปี 2002 ก่อนย้ายไป ยูเวนตุส ในปี 2004 และกลายเป็นกองหน้าเบอร์ต้นๆของยุค ซึ่งลากยาวมาจนปัจจุบัน
โรนัลโด้
ถึงไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกปี 1994 กับทีมชาติบราซิล แม้แต่นัดเดียว แต่ชื่อของ โรนัลโด้ ได้รับการพูดถึงไม่น้อย หลังฉายแสงสุดๆกับ ครูเซโร่ สโมสรบ้านเกิด และท้ายที่สุดเจ้าตัวก็เลือกย้ายไปเล่นในเนเธอร์แลนด์กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในปีเดียวกัน
ด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่ ดาวเตะทีมชาติบราซิล กลับซัดในลีกดัตช์ถึง 30 ประตู คว้าดาวซัลโวไปครอง ทำให้ชื่อของเขาถูกพูดถึงมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับได้ความสนใจจากสโมสรดังทั่วยุโรปมากขึ้นเป็นเท่าตัว
น่าเสียดายที่ เอล ฟิโนมิโน่ ไม่สามารถพา พีเอสวี คว้าแชมป์ลีกได้เลยตลอด 2 ปีในแดนกังหัน แต่การซัดไป 54 ประตูจาก 58 นัด ก็ชัดเจนว่าเขาดีเกินกว่าจะโชว์ฝีเท้าแค่ในลีกนี้ ก่อนส่งท้ายกับ พีเอสวี ด้วยการคว้าแชมป์ ดัตช์ คัพ ในปี 1996 และย้ายไประเบิดฟอร์มเทพกับ บาร์เซโลน่า ในเวลาต่อมา
ลุค นิลิส
ในบรรดากองหน้าที่ โรนัลโด้ เคยเล่นร่วมกันมา นักเตะที่เขายกให้เป็นคู่ที่ดีที่สุดในแดนหน้าก็คือ ลุค นิลิส กองหน้าชาวเบลเยี่ยม ที่ย้ายมาร่วมทีมพร้อมๆกับเขาในปี 1994
ถึงรับบทเป็นพระรอง แต่ นิลิส ก็คอยสนับสนุนให้กองหน้าคู่หูเฉิดฉายได้เต็มตัว แต่ลีลาการทำประตูก็ไม่เป็นรองใคร ด้วยการคว้าดาวซัลโวลีกดัตช์ 2 สมัย และนอกจาก โรนัลโด้ แล้ว เขายังได้ประสานงานร่วมกับ รุด ฟาน นิสเดลรอย จนช่วยให้ พีเอสวี คว้าแชมป์ลีก 2 สมัย
ทว่าน่าเสียดายไม่น้อย หลังจากที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ แอสตัน วิลล่า ในปี 2000 เนื่องจากกระดูกหน้าแข้งหักเป็น 2 ท่อนจากการเข้าปะทะกับ ริชาร์ด ไรท์ นายทวารอิปสวิช ทาวน์ จนต้องจำใจแขวนสตั๊ดในปี 2001
ยารี่ ลิตมาเน่น
หนึ่งในกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดในฟุตบอลยุค 90 กับ ยารี่ ลิตมาเน่น ที่พา อาแจ็กซ์ กวาดแชมป์มาครองมากมาย ทั้ง แชมป์ลีก 4 สมัย, ดัตช์ คัพ และ ดัตช์ ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 3 สมัย รวมไปถึงถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ อย่างละสมัย ตลอด 7 ปี
หลังเล่นให้ บาร์เซโลน่า และ ลิเวอร์พูล กองกลางชาวฟินแลนด์ ก็ย้ายกลับมาเล่นให้ อาแจ็กซ์ อีกครั้ง ในปี 2002 แม้ไม่ได้ปราดเปรียวว่องไวเหมือนเมื่อก่อน แต่ ลิตมาเน่น ก็ช่วยให้คว้าแชมป์ลีกอีกสมัย จากนั้นจึงลาทีมไปอีกครั้งในปี 2004 พร้อมพเนจรค้าแข้งไปเรื่อยๆจนกระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 2011
โรมาริโอ้
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ โรนัลโด้ เลือกย้ายไปเล่นกับ พีเอสวี ในปี 1994 ก็มาจาก โรมาริโอ้ รุ่นพี่ในทีมชาติบราซิล เป็นคนแนะนำนั่นเอง และนี่ยังสโมสรที่เขาสร้างชื่อหลังย้ายจาก วาสโก ดา กาม่า มาเล่นในต่างแดนครั้งแรกด้วย
ระว่างปี 1988–1993 ที่เล่นให้ พีเอสวี โรมาริโอ้ กดไปถึง 128 ลูกจาก 149 นัดในทุกรายการ คว้าดาวซัลโวลีกมาครองถึง 3 สมัย (1 ครั้งร่วมกับ เดนนิส เบิร์กแคมป์ปี 1991) พร้อมกับแชมป์เอเรดิวิซี่ 3 สมัย และ ดัตช์ คัพ 2 สมัย
โอเว คินดวัลล์
นอกเหนือจากในสวีเดน แล้ว โอเว คินดวัลล์ ยังถูกยกให้เป็นตำนานใน เอเรดิวิซี่ ลีกสูงสุดในฮอลแลนด์อีกด้วย เนื่องจากเขาเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกที่คว้าดาวซัลโวมาครองในปี 1968 พร้อมทำได้อีก 2 สมัยในปี 1969 กับ 1971 และไม่มีแข้งต่างชาติคนไหนคว้ารางวัลนี้ได้อีกเลย จนกระทั่ง โรมาริโอ้ ทำได้ในปี 1989
นอกจากนี้ อดีตดาวยิงทีมชาติสวีเดน ยังถูกยกให้เป็นตำนานของ เฟเยนูร์ด ด้วยเช่นกัน แม้ค้าแข้งให้ทีมแค่ 5 ปีเท่านั้น โดยนับตั้งแต่ปี 1966-1971 เขาพาทีมกวาดแชมป์มาครองได้ทุกรายการ ไล่ตั้งแต่ แชมป์ลีก 2 สมัย, ดัตช์ คัพ ปี 1969, ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1970, อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ปี 1970 และ แชมป์ อินเตอร์โตโต้ คัพ 2 สมัย