ชื่อของ ฮาซิม มาสทัวร์ คงเป็นชื่อที่หลายคนคงผ่านหูผ่านตามาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ในปัจจุบันเราแทบจะนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร จนเหมือนว่าชื่อของเขาไม่เคยมีอยู่ในโลกลูกหนังด้วยซ้ำ
วันนี้ UFA ARENA จะพาไปทำความรู้จักเส้นทางของนักเตะที่ได้ชื่อว่าดาวรุ่งวัย 14 ที่ดีที่สุดในโลก เคยประชันกับ เนย์มาร์ เคยถูกยกย่องอย่างมากมาย แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นแข้งไร้สังกัดในวัย 23 ปี
เด็ก 14 ที่ดีที่สุดในโลก
“เด็ก 14 ที่ดีที่สุดในโลก” คำยกย่องนี้ ไม่ได้เป็นคำที่ยกขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นคำนิยามจากสื่อฟุตบอลชื่อดังอย่าง ‘Goal’ ที่เคยประเคนให้เจ้าตัวเมื่อปี 2012 ตอนที่เขาอายุเพียงแค่ 14 ขวบเท่านั้น มาสทัวร์เป็นเด็กฝึกในอคาเดมี่ของ เอซี มิลาน ติดทีมชาติอิตาลีชุดเล็กตั้งแต่อายุ 15 ด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม ความพริ้ว ความเร็ว การผ่านบอล ทักษะที่ในแดนรองเท้าบู้ทเรียกนักเตะประเภทนี้ว่า ‘แฟนตาซิสต้า’ ทุกอย่างที่เขามีมันคือความน่าตื่นตาตื่นใจที่หลายคนเฝ้ารอรับชม
ปีศาจแดงดำดึงเขามาร่วมทีมตอนอายุ 14 และใช้เวลาแค่ปีเดียวก็ถูกใส่ชื่อมาเป็นสำรองของทีมชุดใหญ่ ในเกมสุดท้ายของซีซั่น 2013/14 สร้างความฮือฮาอย่างมากว่าจะได้ทำลายสถิตินักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงให้กับสโมสรของยอดตำนานอย่าง เปาโล มัลดินี่ แม้ในเกมดังกล่าวเจ้าตัวจะยังไม่ได้ลงสนามก็ตาม
ปีถัดมาด้วยความโดดเด่นของแข้งเชื้อสายโมร็อคโค ก็ถูกดึงไปทำคอนเทนต์ประชันทักษะกับ ยอดสตาร์ดังอย่าง เนย์มาร์ ก่อนที่จะถูกเรียกติดทีมชาติซึ่งเจ้าตัวเลือกเล่นให้กับ โมร็อคโค และมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมแอฟริกัน เนชั่นส์คัพในวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น
ด้วยชื่อเสียงที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงสุดๆ แม้จะยังไม่เคยได้ลงไปวาดลวดลายให้กับทีมชุดใหญ่เลยสักครั้ง แต่ก็ได้รับความสนใจจากยอดทีมในยุโรปทั้ง บาร์เซโลน่า , เรอัล มาดริด และยูเวนตุส พร้อมกับรางวัลการันตีจาก ‘Goal’ เจ้าเดิมในการใส่ชื่อ มาสทัวร์เป็นดาวรุ่งเน็กซ์เจน ประจำปี 2016 อันดับที่ 25 เรียกว่าพัฒนาการด้านชื่อเสียงของเขาก้าวกระโดดแบบปีต่อปี ตั้งแต่ 14 จนถึง 18 ปี
ปัจจัยด้านทีม
แม้ว่าในด้านชื่อเสียง มาสทัวร์ จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ในด้านของเรื่องในสนาม ก็ยังไม่ได้รับโอกาสกับทีมชุดใหญ่ และถูกปล่อยยืมไปให้กับทั้ง มาลาก้า ในซีซั่น 2015/16 และ พีอีซี ซโวลล์ ในซีซั่น 2016/17 แต่ก็ยังไม่สามารถทำผลงานทั้งยิงประตูหรือแอสซิสต์ได้เลย
ปัจจัยนึงที่อาจส่งผลกับพัฒนาการของ ดาวเตะชาวโมร็อคโค นั่นคือการที่ช่วงเวลานั้นรอสโซเนลลี่เปลี่ยนผู้จัดการทีมกันเป็นว่าเล่น ไล่มาตั้งแต่ มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี , เมาโร ทัซซอตติ , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , ฟิลิปโป้ อินซากี้ , ซินิซ่า มิไฮโลวิช , คริสเตียน บล็อคคี่ , วินเซนโซ่ มอนเตลล่า และ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ นี้เป็นรายชื่อกุนซือในช่วงระยะเวลาแค่ 5 ปีเท่านั้น
แน่นอนว่านโยบายการทำทีม แนวทางการฝึกซ้อมของทุกคนก็แตกต่างกัน บวกกับตำแหน่งกองกลางตัวรุกแนวคลาสสิคแบบเขา แทบไม่ได้ถูกใช้งานในแผนการทำทีมช่วง 5 ปีหลัง จนสุดท้ายก็ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนเลือกใช้งานเขาเลยสักคน ในขณะที่ชื่อเสียงที่เขามีมาตั้งแต่เด็กก็ค่อยๆเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ
ปัญหานิสัยส่วนตัว
โทษสภาพแวดล้อมไปแล้ว ตัดภาพมาที่ตัวนักเตะเองก็มีปัญหาไม่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยกับการที่นักเตะดาวรุ่งที่โด่งดังมาตั้งแต่อายุยังน้อยจะออกนอกลู่นอกทาง ถ่ามกลางการผลัดเปลี่ยนของคนทำทีมแบบปีต่อปีก็ยิ่งแล้วใหญ่ กลายเป็นปัญหาด้านทัศนคติ และวินัย ที่ทำให้เขาไม่ได้ไปถึงไหน ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง มานูเอล โลคาเตลลี่ และ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ของปีศาจแดงดำกันหมดแล้ว
จนกระทั่งมาถึงยุคของ กัตตูโซ่ ที่มีความเข้มงวดกับการทำทีมมากกว่าใครก่อนหน้านี้ เคยได้ออกมาพูดถึงดาวรุ่งสุดดังรายนี้ไว้ในช่วงแรกที่เข้ามาคุมทีมว่า “ช่วงนี้เราคุยกันเยอะมาก ผมตำหนิเขาเพราะเขาโด่งดังขึ้นมาจากการทำวิดีโอ ไม่ใช่การเล่น แต่เขาจะต้องไม่ทำแบบนั้นอีก เพราะผมจะทุบฟันเขาให้ร่วงเลย”
“การซ้อมผ่านไปแต่เขาไม่ใช่คนอายุ 50 นะ เขาแค่ 20 เองและผมคิดว่าเขาต้องมองไปที่ความผิดพลาดของตัวเองได้แล้ว เขาต้องเล่นอย่างสม่ำเสมอ เพราะเราเห็นว่าเขาสูญเสียความเฉียบคมในเกมไปแล้ว แต่ผมก็สังเกตเห็นการปรับปรุงบางอย่าง” อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดขึ้น จนสุดท้ายปีศาจแดงดำก็ปล่อยให้เขาหมดสัญญาไปในปี 2018
ดาวดังสู่ดาวดับ
หลังจากที่หมดสัญญาในถิ่น ซานซิโร่ อดีตเจ้าหนูมหัศจรรย์ก็ไปเซ็นสัญญากับ ลาเมีย ทีมในกรีซ แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งซีซั่นก่อนโดนยกเลิกสัญญาเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ตามรบกวน รวมแล้วได้ลงเล่นแค่ 6 นัดเท่านั้น และได้ย้ายกลับมาที่ เรจจิน่า ในกัลโช่ เซเรียบี อีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมร่างกายเขาไม่ฟิต และได้ลงสนามไปแค่เกมเดียวเท่านั้นในฤดูกาลแรก
ฤดูกาลถัดมาก็ได้ลงสนามไป 11 นัด และซีซั่น 2020/21 นี้เองที่แอสซิสต์แรกในเส้นทางอาชีพค้าแข้งกับทีมชุดใหญ่เกิดขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เรจจิน่า เก็บเขาเอาไว้ ก่อนปล่อยไปให้ คาร์ปี้ ในเซเรียซี ยืมตัวเมื่อช่วงตลาดเดือนมกราคม 2021 และรอเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้นก็สามารถยิงประตูแรกในอาชีพของตัวเองได้สำเร็จ นี้คือการเริ่มนับหนึ่งของผลงานในสนามจากนักเตะที่โด่งดังมาตั้งแต่อายุแค่ 14 ปี
แต่ก็เหมือนฟ้าเล่นตลกอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เส้นทางอาชีพเขาจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ก็ดันมามีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งมาซะด้วย สุดท้ายก็โดนยกเลิกสัญญาไปในปีถัดมา กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดเต็มตัวในวัยแค่ 23 ปี
โดยเมื่อไม่นานมานี้ มาสทัวร์ได้หล่นบทสัมภาษณ์นึงเอาไว้ถึงสถานการณ์ของตัวเองในปัจจุบันว่า “ผมแค่อยากเล่นฟุตบอลและได้รับการปฏิบัติเหมือนคนอายุ 23 ปี ที่ทําผิดพลาดและมุ่งมั่นในทุกวันเพื่อพัฒนาตัวเองด้วยผลงานและความอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่ออาชีพที่สําคัญ” ทุกคนเคยผิดพลาด และในวัยแค่นี้ยังพอมีเวลาที่จะกู้คืนเส้นทางอาชีพของตัวเองให้กลับมาอีกครั้งในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ไม่ใช่แค่ในฐานะ”ตัวเทพยูทูป”