ไม่มีใครปฏิเสธถึงความยอดเยี่ยมของ ดาบิด เด เคอา ในฐานะผู้รักษาประตูเบอร์ต้นๆของยุโรปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับช็อตเซฟมหัศจรรย์มากมาย แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน เขากลับแสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นไม่น้อยเช่นกัน
ในฤดูกาลล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค เอริค เทน ฮาก เปิดตัวในพรีเมียร์ลีกไม่สวยเท่าไหร่ ด้วยการพ่าย 2 เกมติด โดยเฉพาะนัดที่โดน เบรนท์ฟอร์ด ถล่ม 4-0 นายด่านชาวสแปนิช ที่มีรับผิดชอบเต็มๆกับประตูแรกและประตูที่ 2 ที่ทีมเสียไป
อีกทั้งการเล่นของเขาในเกมวันนั้น ก็ยิ่งสร้างความกังวลให้กับแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ไม่น้อยว่าเขาเหมาะกับรูปแบบการเล่นที่เน้นต่อบอลเท้าสู่เท้าของ กุนซือชาวดัตช์ หรือไม่ และ UFA ARENA จะไปวิเคราะห์เรื่องดังกล่าวผ่านบทความชิ้นนี้กัน
จุดอ่อนที่มีมาเนิ่นนาน
ย้อนกลับไปในเกมสัปดาห์ก่อน ณ จีเทค คอมมูนิตี้ สตเดี้ยม ประตูแรกที่ เด เคอา เสียไปมาจากความผิดพลาดที่รับลูกยิงของ โจชัว ดา ซิลวา ไม่อยู่จนซองแตกเข้าประตู แต่ประตูที่ 2 ดูน่ากังวลยิ่งกว่า
จากตัวเลือกที่สามารถจ่ายออกไปด้านซ้ายและขวา แต่นายด่านชาวสแปนิช กลับเลือกจ่ายให้กับ คริสเตียน อีริคเซ่น ที่ถอยมารับบอลตรงกลาง แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เมื่อบอลที่จ่ายสั้นเกินไป จนทำให้ มาธิอัส เยนเซ่น บีบเข้ามาสะกิดแย่งบอลจากแข้งชาวเดนส์จากเท้า ก่อนยิงเข้าไปตุงตาข่ายแบบนิ่มๆ
ซึ่งเจ้าตัวก็รับรู้ถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดหน้าปากประตูดี โดยกล่าวหลังเกมกับ Sky Sports ว่า “บางที ผมต้องอ่านเกมให้ดีกว่านี้ และเตะบอลโด่งขึ้นหน้าไป”
“ผมพยายามจะเล่น ทั้งๆผมไม่ควรจะเล่นแบบนั้นกับ คริสเตียน แต่แน่นอนว่าเราพยายามที่เล่นกับบอลเสมอ พยายามครองบอลเสมอ แต่บางครั้งคู่แข่งก็จัดการเพรสซิ่งเราได้อยู่หมัดทั้งสนามเหมือนวันนี้ ผมน่าจะอ่านเกมให้ดีกว่านี้”
ปัญหาที่กังวลอย่างต่อมาคือ เขาอายุครบ 31 ปีแล้ว แถมลงเฝ้าเสาให้ ‘ปีศาจแดง’ เกือบครบ 500 นัดแล้วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้รับการยกย่องมานาน แถมประสบความสำเร็จกับทีมเช่นกัน เพียงแต่นี่กลับเป็นสิ่งที่เน้นย้ำอีกครั้งว่าการออกบอลคือจุดอ่อนที่ยังแก้ไม่หายเสียที
เมื่อนำไปเปรียบเทียบความแม่นยำในการจ่ายบอลของเขากับผู้รักษาประตูของ 2 ทีมที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก อย่าง เอแดร์ซอน จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จาก ลิเวอร์พูล มีความสำเร็จถึง 85% และ 84% ในเกมลีกตามลำดับ ขณะที่ นายด่าน ยูไนเต็ด ทำได้ราวๆ 62% เท่านั้น
นั่นไม่ใช่เพราะเขาดูด้อยกว่ามากเมื่อพูดถึงการจ่ายบอลแบบง่ายๆ แต่ข้อที่แตกต่างแบบนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจนจากข้อเท็จจริงที่ว่าส่วนใหญ่แล้ว อดีตมือกาว แอตเลติโก้ มาดริด ไม่ได้มีการจ่ายบอลระยะไกลบ่อยครั้งนัก
ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม น่าแปลกไม่น้อยเช่นกันที่ เทน ฮาก ได้เปิดเผยหลังเกมพ่าย เบรท์ฟอร์ด ว่าต้องการให้ เด เคอา เล่นบอลยาวใส่คู่แข่ง โดยกล่าวกับ Sky Sports ว่า “ผมบอกว่า ‘เชื้อเชิญพวกเขาเข้ามา เพื่อหาบอล’ เราดึงดูดความสนใจพวกเขา พื้นที่ว่างก็จะมีมากขึ้น และเราต้องเลือกตัวเลือกนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้”
“พวกเขาทำตามคำแนะนำของผมแล้วล่ะ เพียงแต่ว่าพวกเขาตัดสินใจได้ไม่ดีพอเท่านั้น”
สำหรับ อดีตลูกหม้อของ ‘ตราหมี’ ไม่ว่าการจ่ายบอลจะสั้นหรือยาว การตัดสินใจในการออกบอล รวมไปถึงความต้องการด้านเทคนิคในบทบาทนายทวารยุคใหม่จะเป็นความท้าทายสำหรับเขาอย่างมากในฤดูกาลนี้
ที่น่ากังวลคือเขาจะปรับตัวได้ไม่ดีกับสไตล์การเล่นแบบนี้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่โกลเลือดกระทิง เคยได้รับการสนับสนุนให้เปลี่ยนแนวทางการเล่นของเขามาก่อน
ย้อนกลับไปในสมัยที่ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตช์คนก่อนทำหน้าที่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ต้องการให้เขาครองบอลมากขึ้น โดยที่ ฟรานส์ โฮ้ก โค้ชผู้รักษาประตูของเขา ได้ปรับปรุงวิธีการฝึกซ้อมในสโมสร โดยผสมผสานการเล่นหลายๆอย่างร่วมเข้าไว้มากกว่าที่เคย
โค้ชชาวดัตช์ คิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้รักษาประตูที่จะฝึกฝนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับการเป็นผู้เล่นตำแหน่งเอ้าท์ฟิลด์ เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น โดยเพิ่มการฝึกฝนแบบบูรณาการนี้ให้สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โฮ้ก กลับมองว่า เด เคอา ดูต่อต้านกันแนวทางดังกล่าวมากกว่า
“ถ้าคุณคุ้นเคยกับการทำสิ่งต่างๆ ตลอดอาชีพของคุณ และวิธีนี้ทำให้คุณกลายเป็นผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผมนำคุณออกมาจากตรงนั้น คุณก็จะสงสัยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และทำไมผมถึงทำอย่างนั้น” โฮ้ก กล่าวกับ Sky Sports
“ผมบอกได้เลยว่าผู้รักษาประตูไม่ชอบแบบนั้น มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคย ผมเป็นพวกหัวแข็งมากเพราะสำหรับผมมีเพียงสิ่งเดียวที่นับว่าเป็นความก้าวหน้าในสนาม ปัญหาคือการฝึกฝนแยกตัวไม่ได้ปรับปรุงพวกเขาเสมอไป ที่จริงแล้ว มันอาจทำให้พวกเขาแย่ลงด้วยซ้ำ”
จุดที่ต้องพิสูจน์
จริงๆแล้ว การจ่ายบอลของ เด เคอา พัฒนาขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงฤดูกาลแรกกับ แมนฯยูไนเต็ด เขามีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสำเร็จเพียง 56% เท่านั้น แต่ในยุคของ ฟาน กัล กลับสูงขึ้นมาแตะ 64% และ เทน ฮาก คงต้องการให้ตัวเลขนี้สูงขึ้น หลังมีสัญญานถึงเรื่องนี้ใน 2 เกมที่ผ่านมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความผิดพลาดให้เห็น และปฏิกิริยาของนายด่านชาวสแปนิชที่มีต่อเกมจะมีความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างยิ่ง
ในเกมพบ ไบรท์ตัน เขามีการจ่ายบอลที่แม่นยำเกิน 80% ซึ่งไม่ห่างจากระดับของ เอแดร์ซอน เลย และเขาก็เริ่มต้นในเกมพบ เบรนท์ฟอร์ด ในแบบที่คล้ายๆกัน โดยการจ่ายบอลให้กับ อีริคเซ่น ในนาทีที่ 18 นาที คือการจ่ายบอลสั้นลูกที่ 4 ในเกมนั้น และเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำก็แตะเกิน 80% อีกครั้ง
แต่หลังจากข้อผิดพลาดนั้น ตัวเลขก็ค่อยๆลงลด เขาพยายามส่งบอลสั้นอีกเพียงครั้งเดียวในอีก 40 นาทีหลังจากนั้น โดยเลือกที่จะเตะบอลยาวและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งมีการผ่านบอลยาวเพียงครั้งเดียวที่ถึงเพื่อนร่วมทีม ทำให้อัตราความสำเร็จของเขาลดลงเหลือเพียง 56 เปอร์เซ็นต์
“คุณสามารถมีแผนได้ แต่เรากลับเอาแผ่นนั้นทิ้งถังขยะไป” กุนซือชาวดัตช์ กล่าว
เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ารับตำแหน่งกุนซือที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งแรกของเขาคือเปลี่ยนผู้รักษาประตู เขาเชื่อว่าโจ ฮาร์ทไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นขึ้นเกมที่เขาต้องการเห็นจากทีม ซึ่งมีการถกเถียงถึงประเด็นนี้ไม่น้อยและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที ก่อนมาลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบหลังคว้า เอแดร์ซอน มาร่วมทีมในปี 2017
โฮ้ก กล่าวเสริมว่า “ความต้องการของเกมเปลี่ยนสิ่งที่เราต้องการจากผู้รักษาประตู” แต่นายทวารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้หรือไม่? นั่นคือคำถามที่ เด เคอา จำเป็นต้องตอบมันออกมาด้วยผลงานและฝีเท้าของเขาเองหลังจากนี้ โดยมีเกมแดงเดือดพบ ลิเวอร์พูล ในวันจันทร์เป็นจุดเริ่มต้น และลากยาวไปจนจบฤดูกาล
ถ้าหากไม่ ก็อาจถึงเวลาที่ ยูไนเต็ด คงต้องเปลี่ยนมือหนึ่งของพวกเขาอีกครั้งในรอบ 10 กว่าปีแน่นอน