ครั้งหนึ่ง เดเล่ อัลลี่ เคยเป็นหนึ่งในดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่ปี ฟอร์มการเล่นของเขากลับตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย ก่อนย้ายไปเล่นที่ตุรกีในซัมเมอร์นี้ ด้วยความหวังในการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
การย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไป เอฟเวอร์ตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ควรเป็นโอกาสที่ดาวเตะชาวอังกฤษได้เริ่มต้นใหม่อย่างที่เขาต้อการ ทว่าเขากลับลา ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ โดยไม่สามารถยิงประตูหรือแอสซิสต์ได้เลย ตลอด 13 นัดที่ลงเล่นในทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด
ด้วยวัยเพียง 26 ปี ยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรในการค้นหาและคืนฟอร์มการเล่นของ อัลลี่ เฉกเช่นที่เคยทำไว้ในช่วงต้นอาชีพ จนทำให้เขากลายเป็นตัวหลักทั้งใน ท็อตแน่ม และ ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งหลังจากนี้ เขาจะใช้เวลากับ เบซิคตัส ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาลเต็ม
ทว่าเกิดอะไรขึ้นกับ อัลลี่? และการย้ายไปค้าแข้งในแดนไก่งวง จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการกลับมาฉายแสงในฟุตบอลระดับสูงหรือไม่? UFA ARENA จะพาไปหาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้กัน
คนเดิมที่หายไป
ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน อัลลี่ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของ สเปอร์ส ก็ว่าได้ หลังทำไปถึง 18 ประตูในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ ‘ไก่เดือยทอง’ จบอันดับ 2 รองจาก เชลซี ในฤดูกาล 2016-17
ทว่าหลังจากช่วยให้ทีมชาติอังกฤษไปไกลถึงรอบตัดเชือกในฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซีย เป็นเจ้าภาพ จำนวนเกมที่ลงเล่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติก็ค่อยๆลดน้อยลง แม้มีกุนซือหลายคนพยายามเค้นฟอร์มเขาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ควรจะเป็น
ไม่ว่าจะเป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้เคยปลุกปั้นเขาให้กลายเป็นดาวเด่นของวงการ ก็ช่วยคืนฟอร์มเก่งให้ไม่ได้ หรือกุนซือหลังจากนั้นทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่, นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ หรือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็จนปัญญากับเรื่องนี้
ฤดูกาล 2017-18 คือปีสุดท้ายที่ดาวเตะวัย 26 ปี ยิงประตูแตะเลข 2 หลัก หลังทำไป 14 ประตูในทุกรายการ หลังจากนั้นใน 4 ฤดูกาลต่อมา เขายิงรวมกันเพียง 14 ลูก และในขณะเดียวกันก็มีชื่อติดทัพ ‘สิงโตคำราม’ นัดที่ 37 ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีก่อน
ด้วยวัยเพียง 26 ปี ยังมีโอกาสที่เขาจะกลับมาฉายแสงอีกครั้ง แต่ภาษากายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็บ่งบอกว่าเขาดูขาดความทุ่มเทราวกับหมดรักในกีฬาฟุตบอลเลย นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ของเขาย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
น้ามูเตือนแล้ว
หลังเดิมทางมาถึง ตุรกี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อัลลี่ ก็ทักทายแฟนบอลแดนไก่งวงที่เดินทางต้อนรับเขาถึงสนามบิน และหากการต้อนรับแบบนั้นล้มเหลวในการจุดไฟในตัวของเขาอีกครั้ง ก็ยากที่จะเห็นว่าเรื่องดีๆต่อจากนี้
การย้ายมาเล่นในต่างแดน ทำให้ แข้งชาวอังกฤษ มีโอกาสในการเค้นหาฟอร์มการเล่นที่เขาควรจะเป็นอีกครั้ง ซึ่งจากที่เคยได้รับแสงสปอตไลท์จากสื่อในอังกฤษ การมาเล่นในตุรกีน่าจะทำให้เขาคลายความกดดัน และอาจช่วยเขาได้พอสมควรเลย
แต่หากสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถช่วยให้ อดีตดาวรุ่งจาก เอ็มเค ดอนส์ กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง สิ่งที่เขาควรพิจารณาก่อนเป็นอย่างแรกเลยก็คือตัวของเขาเอง เพราะอย่างน้อย ตัวเขาเองคือคนกำหนดทิศทางของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่คนอื่นหรือใครมาโดยตลอด
คำพูดของ มูรินโญ่ สมัยคุม สเปอร์ส กลับกลายเป็นไวรัลอีกครั้งในช่วงไม่นานก่อนที่ มิดฟิลด์วัย 26 ปีจะย้ายไป เบซิคตัส ซึ่งเป็นคำพูดให้คำแนะนำพลางปลุกใจนักเตะให้ก้าวไปในจุดสูงสุดในอาชีพให้ได้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแบบที่ทุกคนเห็นกัน
“ฉันอายุ 56 แล้วตอนนี้ และเมื่อวันวาน ย้อนวันเวลากลับไป ตอนฉันอายุ 20 เพียงชั่วพริบตา ฉัน 56 แล้ว เวลามันเดินไวเหมือนติดปีกนะ” เดอะ สเปเชียล วัน กล่าวในซีรี่ย์สารคดี All or Nothing ของ สเปอร์ส
“วันหนึ่งข้างหน้า ฉันคิดว่านายจะเสียใจถ้านายไปไม่ถึงระดับที่นายสามารถไปถึงได้ ฉันไม่ได้คาดหวังว่านายจะเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ทุกนัด ฉันไม่ได้หวังว่านายจะทำประตูทุกเกม ฉันแค่อยากบอกนาย ฉันคิดว่านายจะเสียใจแน่
“นายควรจะเรียกร้องอะไรจากตัวนายมากกว่านี้ ไม่ใช่ฉันเรียกร้องอะไรจากตัวนาย ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ใครทั้งนั้น ฉันคิดว่านายควรเรียกร้องมากกว่านี้จากตัวนายเองนั่นแหละ”
ไฟในตัวที่มอดไหม้
ไม่น่าเชื่อว่านักเตะที่ผลงานเด่นจนถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษในระยะยาว พร้อมกวาดรางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมจาก PFA ถึง 2 สมัย รวมถึงติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกถึง 2 หน จะตกต่ำได้เพียงนี้
ทุกอย่างดูเป็นใจไปหมด นับตั้งแต่เขาย้ายจาก เอ็มเค ดอนส์ มาเล่นให้ ท็อตแน่ม ในปี 2015 และฉายแสงทันทีภายใต้การดูแลของ โปเช็ตติโน่ ซึ่งมีเกมมากมายที่เหล่า ยิด อาร์มี่ ได้ตื่นตากับฝีเท้าของดาวเตะผู้นี้ เช่นเกมที่เขาเหมา 2 ประตู ช่วยให้เอาชนะ เรอัล มาดริด ที่ เวมบลี่ย์ ในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017
อีกทั้ง เขายังกลายเป็นตัวหลักในทีมชาติอังกฤษ ชุดที่ไปถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกที่รัสเซียในปี 2018 แต่อิทธิพลและความสามารถของเขาก็ค่อยๆลดลงในแบบที่อธิบายไม่ได้นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ไฟที่ทำให้เขาฉายแสงโดดเด่นภายใต้การแข่งขันดุเดือดค่อยๆมอดดับลงไปทุกที และผลงานที่ตกต่ำทำให้ สเปอร์ส ก็ยินดีปล่อยดาวเตะที่ครั้งหนึ่งมีค่าตัวถึง 100 ล้านปอนด์ ให้กับ เอฟเวอร์ตัน โดยมีเงื่อนไขต้องจ่ายค่าตัว 10 ล้านปอนด์ หลังลงเล่นเกิน 20 นัด ทว่าลงเล่นเพียง 13 นัดในช่วง 7 เดือนที่ กูดิสัน ปาร์ค ก็ถูกปล่อยให้ เบซิคตัส ยืมไปใช้งาน
กองกลางวัย 26 ปี ดูเหมือนเป็นผู้เล่นที่สูญเสียความกระหายในการเล่นอย่างมาก นั่นอาจเป็นข้อกล่าวหาที่เขาคงจะปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่หลักฐานที่ปรากฏในตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเขายังห่างไกลจากตัวเขาสมัยที่กลายเป็นแข้งอนาคตไกลอยู่ไกลลิบตา
เชื่อว่าหลายคนยังต้องการเห็น อัลลี่ กลับมาทำผลงานให้สมกับพรสวรรค์ที่เขามีอีกครั้ง แต่ความหวังและโอกาสที่จะบรรลุผลในสิ่งนี้นั้นลดน้อยลงไปทุกทีเช่นกัน ซึ่งบางที เบซิคตัส ก็อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการรื้อฟื้นอาชีพที่หลงทางก็เป็นได้
ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่าจะเห็นมันและปรับปรุงตัวในตอนนี้ หรือรู้ตัวในตอนที่สายเกินไปแล้วเท่านั้น