ในเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ระหว่าง เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ที่ผ่านมาแม้ผลการแข่งขันจะออกมาในหน้าเสมอ 2-2 แต่การต่อสู้กันในสนามของนักเตะก็นับว่าสุดมันส์ แต่เมื่อเทียบกับความเดือดของผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่ายที่เกือบจะวางมวยกันข้างสนามแล้วก็เรียกว่าในสนามดูเบาไปเยอะเลย
เหตุการณ์การปะทะกันของบรรดากุนซือไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดในวงการฟุตบอล วันนี้ทาง UFAARENA จะพาไปดูคู่มวยข้างสนามและนอกสนามระหว่างผู้จัดการทีม ที่รับรองว่าระอุไม่แพ้นักเตะในสนามเลยทีเดียว
เจอร์เก้น คล็อปป์ VS มิเกล อาร์เตต้า
เริ่มกันที่มวยคู่เบาย้อนไปในฤดูกาล 2021/22 เกมที่ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบกับ อาร์เซน่อล ซึ่งในเกมวันนั้นทัพหงส์แดงชนะไปด้วยสกอร์ 4-0 อย่างไรก็ตามจังหวะปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ชนวนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องมาจากการปะทะกันของ ซาดิโอ มาเน่ และ ทาเคฮิโร โทมิยาสึ โดยทางกุนซือปืนโตมองว่าจังหวะนี้ควรเป็นใบแดงและพยายามเรียกร้องทางผู้ตัดสิน ในขณะที่นายใหญ่หงส์แดงก็มองว่ามันไม่ใช่การฟาวล์แต่อย่างใด จนกลายเป็นการโต้เถียงกันข้างสนาม
ประเด็นเหตุดังกล่าวทำให้ผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าใส่กันจนทีมสต๊าฟ และผู้ช่วยผู้ตัดสินต้องเข้าไปห้ามทัพกันยกใหญ่ หลังจากนั้นนายใหญ่ทั้งสองทีมได้ออกมาชี้แจงในแต่ละมุมของตัวเอง ที่ทำไปเพื่อปกป้องนักเตะของตัวเองทั้งคู่ ยังดีที่หลังจากนั้นไม่ได้มีประเด็นยืดเยื้อกันแต่อย่างใด
Klopp vs Arteta cuy kalo gelud 🔥🔥🔥 pic.twitter.com/o53MQUEVta
— ExtraTime Interpreter (@Miniongoldlane) August 14, 2022
อลัน พาร์ดิว VS อาร์แซน เวนเกอร์
ย้อนไปในฤดูกาล 2006/07 ทัพขุนค้อนมีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือน อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งในเกมนั้นเกมค่อนข้างตึงเครียด เสมอกัน 0-0 มาจนถึงช่วงท้ายเกม ก่อนจะเป็น ที่มาร์ลอน แฮร์วู้ด ยิงประตูชัยให้กับ เจ้าถิ่น ในนาทีที่ 89 ของการแข่งขัน ด้านกุนซือของทีมอย่าง อลัน พาร์ดิว ก็ออกอาการดีใจสุดขีดตามปกติ
แต่ที่มันกลายเป็นความเดือดคือการที่เจ้าตัวไปชูกำปั้นใส่ทางกุนซือคู่แข่งที่กำลังหัวเสียจากการเสียประตูช่วงท้ายเกม ทำให้เกิดการโต้เถียงและผลักกันไปมา จนสต๊าฟแถวนั้นต้องปรี่เข้ามาห้ามกันยกใหญ่ อย่างไรก็ตามภายหลังทาง พาร์ดิว ได้ออกมายอมรับว่าทาง เวนเกอร์ อาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกแล้วที่รู้สึกโมโหแบบนั้น ทำให้คู่นี้ก็เป็นการจบกันในเกมไปแบบไม่มีอะไรต่อ
Arsene Wenger vs Alan Pardew is the undercard we all want to see pic.twitter.com/NmynnIP3TK
— Football Daily (@footballdaily) October 13, 2019
มานูเอล เปเยกรินี่ VS อลัน พาร์ดิว
กุนซือทั้งสองรายไม่ได้มีปัญหาฟาดปากกันข้างสนามแค่รอบเดียวเท่านั้น แต่เป็นถึง 2 ครั้งติดๆ ครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2013/14 โดยตอนนั้น พาร์ดิว คุม นิวคาสเซิ่ล เจอกับ เปเยกรินี่ ที่คุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนั้นนายใหญ่สาลิกา หัวเสียจัดหลังผู้ตัดสินริบประตูของ ชีค ติโอเต้ จนไปเกิดการโต้เถียงกับฝั่งเรือใบสีฟ้าในระดับที่ว่ามีเสียงรอดไมค์มาว่า “หุบปากซะ ไอ้หน้าตัวเมีย”
Aye remember pardew telling pellegrini to shut your noise…. pic.twitter.com/XG3Dhjk7EG
— Manxpie (@manxpie86) April 10, 2022
ครั้งที่สอง เกิดขึ้นในช่วงต้นของซีซั่นถัดมา พาร์ดิวโยกไปคุม คริสตัล พาเลซ เกิดจังหวะปัญหาเมื่อ ยาย่า ตูเร่ ไปเข้าสกัดใส่ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ทำให้เจ้าตัวพยายามพุ่งเข้าไปหาผู้ตัดสินเพื่อขอคำอธิบาย ในขณะที่ทาง เปเยกรินี่ ก็พยายามคว้าแขนเขาไว้ แล้วบอกให้กลับไปในพื้นที่ของตัวเอง จนบานปลายไปสู่การโต้เถียงกันจนเกือบวางมวย
¡Vaya pique protagonizaron Pellegrini y Alan Pardew! http://t.co/YQHhnamVLghttps://t.co/INru0BUyr1
— Diario AS (@diarioas) September 13, 2015
ราฟา เบนิเตซ VS เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เป็นที่รู้กันดีว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นอกจากจะมีฝีมือการคุมทีมในสนามแล้ว นอกสนามสงครามจิตวิทยาเจ้าตัวก็ไม่เป็นรองใคร ซึ่งนายใหญ่ชาวสเปนที่เข้ามารับงานคุม ลิเวอร์พูลก็เป็นหนึ่งในเหยื่อ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดที่ข้างสนาม แต่เป็นการให้สัมภาษณ์ที่ เซอร์อเล็กซ์ ออกมาแสดงความเห็นว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่ใช่ทีมที่จะมาลุ้นแชมป์หลังหงส์แดงทำได้แค่เสมอกับ สโตค ซิตี้ ที่ตอนนั้นเป็นทีมท้ายตาราง
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวทำเอากุนซือหงส์แดงหัวเสียจนออกมาให้สัมภาษณ์โต้ตอบหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์การตัดสินของผู้ตัดสินที่มองว่าเอนเอียงไปฝั่งของปีศาจแดงบ่อยครั้ง และยังมีเรื่องของการโวยวายข้างสนามด้วย ด้านเฟอร์กี้ก็ออกมาสวนกลับด้วยการยก ราฟา ไปเทียบกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยว่ามีฝีมือคุมทีมที่ด้อยกว่า หลังจากนั้นก็เกิดเป็นสงครามน้ำลายสาดไปสาดมา จนถึงทุกวันนี้ เบนิเตซ ยังไม่ยอมญาติดีกับท่านเซอร์เลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดจากการที่เจ้าตัวปฏิเสธการให้ข้อมูลกับ หนังสืออัตชีวประวัติของเซอร์อเล็กซ์ โดยบอกว่าเขาไม่ต้องการประชาสัมพันธ์หนังสือเล่มนี้
ราฟา เบนิเตซ VS โชเซ่ มูรินโญ่
อีกหนึ่งคู่กัดของราฟา ที่เริ่มมาจากการเจอกันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2005 ที่เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ มูรินโญ่ พบกับ ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของราฟา เมื่อในเกมนั้นทัพสิงห์บลูเป็นฝ่ายแพ้ตกรอบไปจากประตูชัยของ หลุยส์ การ์เซีย ที่กลายเป็นประเด็นถกเถียง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะประเด็นเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
หลังจากนั้นก็มีเรื่องที่ภรรยาของทาง ราฟา อย่าง มอนต์เซอร์รัต เซียร่า ออกมาวิจารณ์เดอะ สเปเชี่ยลวันว่า สามีของเธอต้องคอยไปตามเก็บงานที่เจ้าตัวทำยุ่งเหยิงไว้ถึง 3 สโมสรไล่มาตั้งแต่ อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ เชลซี นี่เองที่ทำให้ทาง มูรินโญ่ อดรนทนไม่ไหวต้องออกมาตอบโต้ว่า “สำหรับเธอที่จะคิดถึงผมและพูดถึงผม ผมคิดว่าเธอจำเป็นต้องใช้เวลาของเธอให้เต็มที่ ถ้าหากเธอช่วยดูแลสามีลดความอ้วนบ้าง เธอจะมีเวลาน้อยลงในการพูดถึงผมอย่างแน่นอน”
อันโตนิโอ คอนเต้ VS โชเซ่ มูรินโญ่
ย้อนไปในฤดูกาล 2016/17 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปะทะของทั้งคู่แต่ที่มันมาระเบิดเอาก็ในเกม เอฟเอคัพ ที่เชลซีของคอนเต้ สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของน้ามู ด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อจบเกมนั้นนายใหญ่ฝั่งเชลซี ไม่สนใจที่จะจับมือกับ เดอะ สเปเชี่ยลวัน แต่ดันวิ่งลงไปดีใจสุดเหวี่ยงกับลูกทีมในสนามแทน จนน้ามูต้องแก้เขินโดยไปจับมือกับนักเตะสำรองและทีมสต๊าฟฟ์ของสิงห์บลูแทน
โดยทางกุนซือชาวอิตาเลี่ยนได้ออกมาตอบกลับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า”การจับมือไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือชัยชนะ และต้องให้ความเคารพกับสิ่งที่อยู่ในสนามไม่ใช่ข้างสนาม” ด้านมูรินโญ่ก็ได้ออกมาตอบกลับทันควันว่า “จะให้ผมเดินไปหาเข้าในสนามเลยรึไง? การได้จับมือกับทีมสตาฟฟ์ของเชลซี ก็เหมือนได้ทำตามหน้าที่และมารยาทแล้ว”
ต่อจากนั้นอีก 1 ปีทางน้ามูก็ออกมาวิจารณ์การทำทีมของคอนเต้ที่เน้นเกมรับมากเกินไป ส่วนทางคอนเต้งัดสวนทันทีโดยเย้ยถึงจำนวนเงินในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์เทียบกับผลงาน ต่อจากนั้นก็เริ่มสาดน้ำลายกันไปกันมาจากเรื่องในสนาม ไปยันเรื่องนอกสนาม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า VSโชเซ่ มูรินโญ่
แม้ทั้งสองจะเคยร่วมงานกันที่บาร์เซโลน่าในฐานะที่ตอนนั้น เป๊ป เป็นนักเตะ และมูรินโญ่ เป็นผู้ช่วยโค้ช แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มร้าวกันเอาตอนที่กุนซือชาวโปรตุเกส ไม่ได้ถูกเลื่อนขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่บาร์ซ่า แต่เป็นเป๊ป ที่แขวนสตั๊ดไปแทนเนื่องจากทางบอร์ดมองว่าอดีตดาวเตะของทีมมี DNA ของทีมมากกว่า
เรื่องราวครั้งนี้ฝังใจจนทาง มูรินโญ่ ย้ายออกไปคุมอินเตอร์ มิลาน และสามารถเอาชนะ ทีมเก่าของตัวเองได้ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอ้าท์ แถมเมื่อได้โอกาสกลับมาที่เวทีลาลีก้า เจ้าตัวก็เลือกไปคุม เรอัล มาดริด ที่เป็นคู่อริของบาร์ซ่า ทำให้กุนซือทั้งสองได้กลับมาประชันฝีมือกันอยู่เรื่อยๆ แน่นอนว่าด้วยดีกรีความเดือดของศึก เอล กลาซิโก้ ก็มากพออยู่แล้ว ทำให้คู่นี้ต้องมีการฟาดปากกันบ่อยๆ
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน VS เควิน คีแกน
อีกหนึ่งเหยื่อสงครามจิตวิทยาของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในฤดูกาล 1995/96 สาลิกาดง ภายใต้การคุมทีมของ เควิน คีแกน รั้งจ่าฝูงนำโด่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเฟอร์กี้ถึง 12 แต้มในช่วงต้นปี 1996 หลังจากนั้นเมื่อเข้าช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นิวคาสเซิ่ล ก็เริ่มสะดุดรวมถึงการแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งมันเกิดขึ้นหลังจากที่ เฟอร์กี้ ได้ออกมาเล่นสงครามประสาทใส่ คีแกน
ในตอนนั้น เซอร์อเล็กซ์ ได้อออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าทั้ง ลีดส์ ยูไนเต็ด และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ต่างไม่ได้เน้นอะไรมากเวลาที่เจอกับลูกทีมของคีแกน เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเสียแล้วออกมาตอบโต้กลับว่า “ผมยอมนิ่งมานานแล้ว แต่ผมขอบอกไว้เลยว่า เขาแทบหมดราคาเลยในสายตาของผมทันทีที่เขาพูดแบบนั้น “เราไม่คิดใช้วิธีแบบนั้นแน่แล้วผมจะบอกไว้เลยนะ คุณไปบอกเขาได้เลยถ้าดูอยู่ เราจะยังสู้ต่อเพื่อคว้าแชมป์ให้ได้ และเขายังต้องไปเยือนมิดเดิลสโบรห์และชนะให้ได้และผมขอบอกตรงๆเลยว่า ผมจะสะใจมากถ้าเราเป็นฝ่ายเอาชนะพวกเขาได้ สะใจสุดๆ เลย”
แต่สุดท้ายก็เป็นขุนพลปีศาจแดงที่สามารถเอาชนะไปได้ในเกมที่ทั้งคู่เจอกัน และกลายเป็นการปาดหน้าคว้าแชมป์ไปในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น เรียกได้ว่า คีแกน ตกหลุมพรางเกมจิตวิทยาของ ผู้จัดการทีมชาวสก็อตต์ไปแบบเต็มๆ
อาร์แซน เวนเกอร์ VS โชเซ่ มูรินโญ่
นับตั้งแต่ มูรินโญ่ ย้ายมาคุมเชลซีในปี 2004 ก็ถือว่าเป็นการเปิดสงครามกับ เวนเกอร์ทันที ด้วยความที่ทั้งสองทีมเป็นคู่ปรับร่วมเมืองกันอยู่แล้ว ดีกรีความเดือดที่มีแต่เดิมก็มีมากอยู่แล้ว แต่เมื่อนายใหญ่โปรตุกีสปากแจ่ม โคจรมาเจอกับ กุนซือชาวฝรั่งเศสที่ไม่เคยยอมใคร ก็นับว่าเป็นความเดือดดาลขึ้นไปอีก ทั้งคู่ซัดสงครามน้ำลายใส่กันชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใครมาโดยตลอดจนกระทั่ง น้ามูเลือกย้ายออกไปคุม อินเตอร์ มิลาน ในปี 2007 ก็ถือว่าห่างหายไปช่วงนึง
อย่างไรก็ตามมันก็เหมือนเป็นแค่การพักยกเท่านั้น เมื่อมูรินโญ่กลับมาสู่ถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์อีกครั้งในปี 2013 และแล้วยกสองก็ได้เริ่มขึ้น แถมรอบนี้ยังไปถึงการลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียวในเกมเมื่อปี 2014/15 เชลซี สามารถเปิดบ้านเอาชนะอาร์เซน่อลไปได้ 2-0 แต่ปัญหามันไปอยู่ตรงที่กุนซือทั้งสองทีมที่มีปากเสียงกัน ก่อนจะเป็นเวนเกอร์ที่ตบะแตกผลักอก มูรินโญ่ ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยกันห้ามทัพ แต่ก็ยังมีปากเสียงกันไม่จบ
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน VS อาร์แซน เวนเกอร์
นับเป็นศัตรูที่รักสำหรับสองผู้จัดการทีมจอมเก๋าแห่งศึกพรีเมียร์ลีกที่ฟาดฟันกันมาตลอด 17 ปีเจอกันทั้งหมด 49 นัดเป็นเวนเกอร์ชนะ 16 เฟอร์กูสัน ชนะ 23 และเสมอกัน 10 ครั้ง ตลอดเส้นทางเกือบ 2 ทศวรรตนี้แน่นอนว่าการปะทะคารมกันของทั้งคู่แทบจะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดนั่นคือ ‘พิซซ่าบิน’ ทัพปืนโตที่เพิ่งประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์ไร้พ่ายซีซั่น 2003/04 ต้องมาโดนหยุดสถิติในฤดูกาลถัดมาด้วยน้ำมือปีศาจแดง
ความเดือดไม่ได้อยู่แค่ในเกม แต่หลังจบเกมทั้งสองทีมได้มาเผชิญหน้ากันในอุโมงค์ แล้วอยู่ๆก็มีพิซซ่าชิ้นหนึ่งถูกปาไปใส่ เซอร์อเล็กซ์ โดยภายหลัง เชสก์ ฟาเบรกาส กองกลางชาวสเปนออกมายอมรับว่าตนเป็นคนปาเอง อย่างไรก็ตามแม้จะมีความเดือดกันมาตลอดหลายปี แต่เมื่อถึงวันที่ทั้งคู่ต้องอำลาวงการคุมทีม ต่างก็ออกมาแสดงความเคารพต่อคู่แข่งที่สู้กันมาหลายปีจนแทบจะเป็นส่วนนึงของชีวิตกันและกันไปแล้ว