ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เส้นทางอาชีพค้าแข้งของเซร์กี้ ซามเปร์ ไม่เป็นไปอย่างที่เจ้าตัวคาดหวังเลย ทั้งๆที่เขาเคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในอนาคตใหม่ของ บาร์เซโลน่า รวมไปถึงฟุตบอลสเปนอีกด้วย
พวกเขาถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่ผลิตนักเตะดาวรุ่งมาประดับวงการลูกหนังมากที่สุดในปัจจุบัน และหลายคนก็สามารถขึ้นมาโชว์ฝีเท้าและพิสูจน์ตัวเองในทีมชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า หรือ เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์
แต่ก็มีไม่น้อยที่พวกเขาไม่มีโอกาสแสดงความสามารถในถิ่น คัมป์ นูเลย และหนึ่งในนั้นคือ เซร์กี้ ซามเปร์ กองกลางชาวสแปนิช ที่เข้ามาอยู่ในศูนย์ฝึกของลา มาเซีย ตั้งแต่ 6 ขวบ และถูกคาดหมายว่าจะเป็นดาวดวงใหม่ในทีมในอนาคต
น่าเศร้าที่อาการบาดเจ็บทำให้เส้นทางที่เขาวางไว้จบลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ…
ความภักดีที่ผิดที่ผิดทาง
เซร์กี้ ซามเปร์ มีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับ เซร์คิโอ้ บุสเกตส์ ที่คอยควมคุมจังเกมในแดนกลาง ไม่หวือหวาแต่เรียบง่าย ก่อนจะได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกในปี 2013 โดยลงเล่นในทีมบาร์เซโลน่า บี ก่อน
อาร์เซน เวนเกอร์ ชื่นชอบในฝีเท้าของเจ้าหนูรายนี้เป็นอย่างมากในสมัยที่เขายังกุมบังเหียน อาร์เซน่อล อยู่ และยื่นข้อเสนอเม็ดงามให้ ซามเปร์ ย้ายมาพัฒนาฝีเท้าในลอนดอน
แต่ด้วยความรักและความผูกพันที่มีต่อทีมแห่งแควนกาตาลันทำให้เขาตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอจากอาร์เซน่อลในทันที และเลือกรอคอยโอกาสแจ้งเกิดของเขาในถิ่นคัมป์ นู ดีกว่า
“ผมไม่จำเป็นต้องฟังเวนเกอร์” ซามเปร์ กล่าวไว้ในปี 2011
“ผมบอกเขาไปชัดเจนว่าผมต้องการอยู่ที่นี่ ผมต้องการอยู่กับบาร์เซโลน่า และสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขคือการประสบความสำเร็จกับบาร์เซโลน่าในอนาคต”
แต่ความภักดีของซามเปร์กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในอาชีพค้าแข้งในเวลาต่อมา
อยู่อย่างไร้ตัวตน
หลังจากตอบปัดข้อเสนอของ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ไป กองกลางตัวรับเลือดกระทิง ต้องรอถึง 3 ปีก่อนที่เขาจะได้ประเดิมชุดใหญ่ ในเดือนกันยายนปี 2014 กับอโปเอล นิโคเซีย ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก
แต่ทว่าตัวเขาเองไม่สามารถเบียดตำแหน่ง 11 ตัวจริงในทีมได้เลย นับตั้งแต่ขึ้นมาชุดใหญ่ ทำให้หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือบาร์ซ่าในขณะนั้น ตัดสินใจปล่อย เซร์กี้ ซามเปร์ ให้กรานาด้าด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งเขาได้ลงสนามบ่อยครั้งถึง 23 นัดเลย
ในฤดูกาลต่อมา เขาก็ต้องลา คัมป์ นู แบบชั่วคราวอีกครั้ง โดยย้ายไปเล่นกับ ลาส พัลมาส แบบยืมตัว ซึ่งในช่วงนั้นเองที่ทำให้เขาหมดโอกาสกลับมาแจ้งเกิดกับบาร์ซ่าได้อีกแน่นอน
ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ในสนามทำให้อดีตกองกลางดาวรุ่งลงสนามในสีเสื้อของพัลมาสแค่ 5 นัดเท่านั้น และไม่สามารถโน้มน้าวใจ เอร์เนสโต้ บัลบาร์เด้ ให้กลับมาเชื่อมั่นในฝีเท้าของเขาอีกครั้ง
ซามเปร์ อาจคว้าระดับเมเจอร์กับบาร์ซ่าทุกรายการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ลาลีก้า สเปน, แชมป์สโมสรโลก, หรือ โคปา เดล เรย์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาไม่มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จในแต่ละครั้งเช่นกัน
จุดพลิกผัน
ความฝันที่จะแจ้งเกิดกับทีมนั้นหายไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ ซามเปร์ในวัย 24 ปี ได้ลงเล่นให้บาร์เซโลน่าเพียงแค่ 13 นัด ตลอดเวลาเกือบ 5 ปีที่อยู่ในถิ่นคัมป์ นู
และอนาคตของเขาในทีม ‘อาซูลกราน่า’ ยังคงมืดมนต่อไปในฤดูกาลต่อมา หลังได้ลงสนามแค่นัดเดียวเท่านั้น ในศึกโกปา เดล เรย์ เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมปี 2018
นั่นทำให้เขาตัดสินใจยกเลิกสัญญากับสโมสรในวันที่ 4 มีนาคมปี 2019 และย้ายไปค้าแข้งกับ วิสเซล โกเบ สโมสรดังในศึก เจลีก ญี่ปุ่น ซึ่งที่นั่นเขาจะได้ร่วมงานกับอดีตสองแข้งดัง บาร์ซ่า อย่าง อันเดรส อิเนียสต้า และ ดาบิด บีย่า
ชีวิตค้าแข้งในแดนปลาดิบช่วง 3 ปีแรก ดูดีและน่าจะทำให้เจ้าตัวกลับมาสนุกกับการเล่นฟุตบอลไม่น้อย หลังได้ลงสนามสม่ำเสมอ พร้อมมีส่วนช่วยให้ โกเบ คว้าแชมป์ อิมเพอเรอร์ คัพ ในปี 2019 และ เจแปนนิส ซูเปอร์ คัพ ในปี 2020
อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของเอ็นไขว้หน้าฉีกช่วงต้นปี 2022 ก็ทำให้ แข้งชาวสแปนิชวัย 28 ปี ปิดเทอมยาวก่อนเพื่อนในฤดูกาลนั้น และในเดือนมีนาคมปี 2023 ก็ครบ 1 ปีแล้วที่เขาห่างหายไปจากการลงสนาม
จากแข้งอนาคตไกลที่หลายคนคาดว่าจะกลายเป็นหัวใจหลักบาร์ซ่าในเร็วๆนี้ กลับต้องย้ายมาเล่นในลีกแดนปลาดิบ ทั้งๆที่อายุอานามสามารถค้าแข้งในยุโรปได้อีกหลายปี ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย
ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่แน่เราอาจจะได้เห็น เซร์กี้ ซามเปร์ เป็นทายาทของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ในแดนกลางของบาร์เซโลน่าก็เป็นได้