เป็นที่รู้กันดีกว่าปัจจุบัน ยุคสมัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ใกล้จะหมดลงแล้ว ด้วยอายุอานามของทั้งคู่ที่เพิ่มมากขึ้น ศักยภาพ และฟอร์มการเล่นก็ตกลงไปอย่างชัดเจน แต่เราก็ได้ คิเลี่ยน เอ็มบัปเป้ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่โชว์ฟอร์มเด่นขึ้นมาเป็นที่น่าจับตาไปทั่วยุโรป และถูกคาดหวังว่าจะได้ขึ้นมาแทนที่สองดาวไม้ใกล้ฝั่ง
วันนี้ UFAARENA จะพาไปพรีวิวคู่แข่งคู่ต่อไปว่าเป็นอย่างไรก็บ้าง ทั้งสไตล์การเล่น สถิติ พัฒนาการ และอนาคตของพวกเขา กับฮาแลนด์VSเอ็มบัปเป้ มวยเอกคู่ต่อไปแห่งโลกฟุตบอล
โหมโรงว่าที่คู่ปรับ
โลกฟุตบอลมีการเปลี่ยนถ่ายยุคสมัยกันอยู่เสมอ ซึ่งในปัจจุบันยุคสมัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่คงอยู่ในฐานะคู่แข่งกันมาตลอด 1 ทศวรรษ แต่ก็ดูเหมือนว่าในขณะที่คู่ปรับเก่ากำลังจะหมดยุคของตัวเอง ก็มีคู่ปรับใหม่ขึ้นมารอฟาดฟันกันให้เราได้ชมกันต่อทันทีอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ คิเลี่ยน เอ็มบัปเป้
แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ได้แข่งขันบนเวทีลีกเดียวกัน แต่ด้วยความที่ทั้งคู่เริ่มต้นสร้างชื่อด้วยอายุที่น้อยทั้งคู่ เป็นนักเตะเกมรุกที่ฟอร์มแรงในระดับยุโรปทั้งคู่ แถมยังมีข่าวเชื่อมโยงกับสองยักษ์ใหญ่แดนกระทิงอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ทั้งคู่ด้วย ทำให้บรรดาสื่อและแฟนบอลต่างคาดหวังจะได้เห็นนักเตะคู่นี้ได้ประชันฝีเท้ากัน เหมือนกับที่เคยได้ดู เมสซี่-โรนัลโด้ ปะทะกัน
สำหรับสไตล์การเล่นของสองดาวโรจน์ต่างก็เป็นนักเตะประเภทยิงกระจายเหมือนกัน เอ็มบัปเป้ มีจุดเด่นด้านความเร็ว และทักษะความคล่องตัว รวมถึงความเฉียบคมในการทำประตู ในขณะที่ ฮาแลนด์ เจ้าตัวมีความแข็งแกร่ง ด้วยส่วนสูงถึง 194 เซนติเมตร บวกกับความเด็ดขาดในการทำประตู ส่งให้พวกเขากลายเป็นดาวยิงเบอร์ต้นๆของโลกด้วยอายุเพียงแค่ 20 ต้นๆเท่านั้น
วัดผลงานหมัดต่อหมัด
มาที่เรื่องที่เทียบกันแล้วเห็นได้ชัดที่สุด คือเรื่องของสถิติ โดย เอ็มบัปเป้กดไป 26 ประตู 17 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 37 นัดรวมทุกรายการ ส่วน ฮาแลนด์กดไป 23 ประตู 6 แอสซิสต์ จาก 23 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ใกล้เคียงกันมาก แถมยังโดดเด่นกว่าบรรดานักเตะที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกันด้วย
มาต่อกันที่สถิติแบบเจาะลึกนับตั้งแต่ถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่กันบ้าง ดาวดังเลือดน้ำหอมโลดแล่นในทีมชุดใหญ่มาแล้ว 7 ซีซั่นยิงไปแล้วกว่า 209 ประตู จากการลงสนาม 318 นัดมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูอยู่ที่ 0.66 ประตูต่อเกม หรือยิงประตูทุกๆ 112 นาทีทำไปอีก 110 แอสซิสต์ หรือทุกๆ 213 นาที ในขณะที่การมีส่วนร่วมกับประตูเจ้าตัวก็มีส่วนร่วมทุกๆ 73 นาที
ตัดภาพไปที่หอกชาวนอร์เวย์ผ่านการค้าแข้งในทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 6 ฤดูกาลมีสถิติการพังประตูไป 141 เม็ด คิดเป็น 0.75 ประตูต่อเกม หรือทำประตูได้ทุกๆ 88 นาที ส่วนในเรื่องของการทำแอสซิสต์ เจ้าตัวทำไปแค่ 34 ครั้งคิดเป็นทุกๆ 366 นาที และการมีส่วนร่วมกับประตู แข้งวัย 21 ปีจะมีส่วนร่วมกับประตูทุกๆ 71 นาที
เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว ฮาแลนด์มีศักยภาพด้านการพังประตูที่มากกว่า แต่เรื่องการแอสซิสต์เป็นสิ่งที่ไม่ใช่งานถนัดของเขา ในขณะที่ เอ็มบัปเป้ แม้จะมีสถิติการยิงประตูที่ด้อยกว่า แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น แถมยังมีจุดเด่นในเรื่องของการแอสซิสต์ให้กับเพื่อนเข้าไปใส่สกอร์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน นั่นคือการมีส่วนร่วมกับประตู เพียงแค่พวกเขามีจุดเด่นกันคนละแบบเท่านั้น
สิ่งที่น่าห่วง
แม้ว่าจะเป็นนักเตะดาวโรจน์ที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ทั่วไป ที่ก็มีปัญหาเหมือนกับคนอื่นๆ อย่างอาการบาดเจ็บ ที่ทั่งคู่มักจะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง อย่างฮาแลนด์ถ้านับแค่ช่วงที่อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ก็เจ็บไปแล้วกว่า 9 ครั้ง ส่วนเอ็มบัปเป้ นับแค่ช่วงที่อยู่กับเปแอสเช ก็เจ็บไปทั้งหมด 13 ครั้ง
อย่างไรก็ตามยังดีที่อาการบาดเจ็บที่พวกเขาเจอ เป็นเพียงแค่การเจ็บเล็กๆน้อยๆ ทำให้พักแค่เดือนเศษๆเท่านั้น เมื่อเทียบกับ โรนัลโด้ และ เมสซี่ ในช่วงวัยเดียวกัน ที่ช่วงแรกของการค้าแข้งมีอาการบาดเจ็บที่ต้องพักยาวเป็นเดือนเลยทีเดียว ซึ่งปัจจัยก็มาจากวิทยาศาสตร์การกีฬาทีดีขึ้น ทำให้อัตราบาดเจ็บลดลง รวมถึงการพักฟื้นหลังจากนั้นก็ลดลงด้วย ซึ่งก็พอที่จะทำให้หายห่วงไปได้บ้างว่าพัฒนาการของพวกเขาจะไม่ถูกขัดโดยอาการบาดเจ็
นอกจากเรื่องสภาพร่างกายแล้ว เรื่องของจิตใจและพฤติกรรมก็มีผล ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างในอดีตที่ผ่านมาก็มีให้เห็นหลายราย การโด่งดังอย่างรวดเร็ว ก็มีทั้งผลดี และผลเสีย หากว่ารับมือกับชื่อเสียงได้ไม่ดีพอก็อาจล้มเหลวได้ แต่เมื่อดูจากการวางตัวของทั้งคู่ เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงน้อยที่สุด
เทียบกับมวยเอกคู่ก่อน
ความยอดเยี่ยมของทั้ง ฮาแลนด์ และ เอ็มบัปเป้ เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแฟนบอลอย่างไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเทียบกับมวยคู่เอกก่อนหน้านี้อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ พวกเขาจะเป็นอย่างไรโดยจะเปรียบเทียบจากผลงานในช่วงอายุเดียวกัน
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเมื่อเริ่มนับตั้งแต่ช่วงอายุ 18 ที่พวกเขาทั้งหมดถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่ ผลงานประตูของ เอ็มบัปเป้ นำโด่งที่ 39 ประตู ตามด้วย ฮาแลนด์ 24 ประตู ส่วน เมสซี่ ยิง11ประตู และโรนัลโด้ 6 ประตู หลังจากนั้นในปีถัดๆมา อันดับก็ไม่เคยเปลี่ยน สตาร์ดังชาวฝรั่งเศสก็ยังคงเดินหน้าผลิตสกอร์แซงหน้ารุ่นพี่ และก้าวนำเพื่อนรุ่นเดียวกันไปเรื่อยๆ ส่วนแข้งชาวนอร์เวย์ ก็ไม่ได้ยอมแพ้ ซัดประตูตามเพื่อนร่วมรุ่นมาติดๆแบบไม่มีใครยอมใคร
เมื่อเทียบกันแล้วต้องบอกว่าถ้าคาดหวังเรื่องการถล่มประตูแข่งกัน ก็ต้องบอกว่าวางใจได้ เราจะได้เห็นกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน แต่ในเรื่องการยืนระยะ และความต่อเนื่องของผลงาน ยังต้องรอดูว่าพวกเขาจะสามารถทำได้อย่างรุ่นพี่หรือไม่ แต่ถ้าเทียบผลงานระหว่างคู่ปรับสองคู่ในตอนนี้ ต้องบอกว่ายุคสมัยที่กำลังจะมาถึงจะไม่ทำให้เหล่าแฟนบอลผิดหวังอย่างแน่นอน
อนาคตต่อจากนี้
ในขณะที่ โรนัลโด้ และ เมสซี่ กำลังลดระดับความท้าทายของตัวเองลง สองแข้งสายเลือดใหม่ก็กำลังมาถึงทางแยกของความท้าทาย เอ็มบัปเป้ กำลังจะหมดสัญญากับ เปแอสเช ต้นสังกัดที่ปลุกปั้นเขามา ส่วน ฮาแลนด์ เองแม้จะเหลือสัญญาอยู่กับต้นสังกัด แต่ก็มีข่าวลือว่าเขามีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 75 ล้านยูโร ที่จะเปิดใช้งานในช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้มีหลายทีมให้ความสนใจ
ซึ่งทีมที่ให้ความสนใจทั้งสองคนนี้ก็มีทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า คู่รักคู่แค้น และสังเวียนเดิมที่ สองดาวดังรุ่นก่อนเคยฟาดฟันกันมาก่อนหน้านี้ โดยราชันชุดขาว จองตัว เอ็มบัปเป้ ส่วนบาร์ซ่า ก็ต้องการตัว ฮาแลนด์ แม้ว่าค่าตัวอาจจะเกินงบไปบ้างกับสถานการณ์ปัจจุบันแบบนี้ของทีม
แต่นอกจากสองยอดทีมจากแดนกระทิงดุแล้วยังมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้อีกทีมที่อยากได้ตัวหัวหอกจากเสือเหลืองไปสู่ทีม นั่นอาจทำให้เราไม่ได้เห็นทั้งคู่ปะทะกันในลีกเดียวกัน แต่บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก เองก็ยังเป็นที่ที่จะให้พวกเขาได้เจอกัน
อีกหนึ่งความเป็นไปได้คือการที่พวกเขาไม่ได้พบกันในฐานะคู่แข่งแต่เป็นเพื่อนร่วมทีม ด้วยความที่หากราชันชุดขาวได้ตัวแข้งชาวฝรั่งเศสไปแบบฟรีๆ ก็ยังเหลืองบมากพอที่จะคว้า ฮาแลนด์ไปอยู่ด้วย ซึ่งก็จะถือเป็นอีกหนึ่งความฝันของแฟนบอลอย่างเราๆที่อยากเห็นสุดยอดนักเตะแห่งยุคเล่นร่วมกัน เหมือนกับที่เราอยากเห็น โรนัลโด้ และเมสซี่ เล่นร่วมกันสักครั้ง ต้องรอดูว่าอนาคตจะออกมาแบบไหน แต่การันตีได้เลยว่า มวยเอกคู่ต่อไปจะมอบความบันเทิงให้กับพวกเราแฟนบอลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน