ปัญหาการขาดแคลนผู้เล่นแดนกลาง ทำให้ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องหามิดฟิลด์มาเพิ่มในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ‘หงส์แดง’ ได้ยืนยันเรื่องนี้ชัดเจนในเกมที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ว่านี่กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทีมต้องจัดการให้ได้ หลังจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีอาการบาดเจ็บแฮมสตริง จนต้องพักยาวเหมือนกับ ติอาโก้ อันคันทาร่า, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เล็ด แชมเบอร์เลน
24 ชั่วโมงต่อมาหลังเกมนั้น ลิเวอร์พูล ก็ทำการคว้ากองกลางคนใหม่เข้ามาทันเวลาก่อนตลาดปิดพอดี นั่นก็คือ อาร์ตูร์ เมโล ดาวเตะจากยูเวนตุส โดยย้ายมาด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล
กองกลางทีมชาติบราซิล ย้ายมาร่วมทีมแบบไม่มีข้อผูกมัดว่าต้องซื้อขาดจาก ‘ม้าลาย’ ในภายหลัง ทำให้ข้อตกลงนี้เป็นทางออกที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงต่ำสำหรับลิเวอร์พูล แต่แข้งวัย 26 ปีสามารถให้สิ่งที่พวกเขาต้องการได้หรือไม่?
ฝีเท้าดีที่ศักยภาพยังไม่ถูกเติมเต็ม
ดีกรีของ อาร์ตูร์ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะในช่วง 4 ปีหลังสุด เขาลงเล่นให้กับ 2 สโมสรในยุโรปทั้งกับ บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส ติดทีมชาติบราซิลไปแล้ว 22 นัด พร้อมเป็นกุญแจสำคัญในการพาทัพ ‘เซเลเซา’ คว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 2019
พรสวรรค์ของเขาเป็นที่รู้กันดีสำหรับแฟนบอลในยุโรป นับตั้งแต่ที่เขาย้ายจาก เกรมิโอ้ มา บาร์ซ่า ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ในปี 2018 พร้อมเซ็นสัญญา 4 ปีในถิ่น คัมป์ นู ซึ่งมีค่าฉีกสัญญาถึง 355 ล้านปอนด์ และสวมหมายเลข 8 ตามรอย อันเดรส อิเนียสต้า ด้วย
แม้ว่ามีสไตล์การเล่นคล้ายกับ ชาบี มากกว่า อิเนียสต้า แต่เขาก็กลายเป็นหัวใจในแดนกลางของ ‘อาซูลกราน่า’ ทั้งการควบคุมจังหวะเกม, ลีลาการเล่น ที่ถอดแบบมาจากตำนานแข้งเบอร์ 6 ของทีมเลย
หลักฐานเรื่องนี้มีชัดเจน เมื่อย้อนไปในเกมที่พบ บาเลนเซีย ช่วงปีแรกกับ บาร์ซ่า กองกลางบราซิลเลี่ยน จ่ายบอลไปถึง 135 ครั้ง มากกว่านักเตะคนไหนในลาลีก้า ฤดูกาล 2018-19
แม้แต่ตัวของ ชาบี เอง ก็เห็นด้วยว่าการเล่นดังกล่าวคล้ายคลึงกับตัวเขาไม่น้อยเลย โดยกล่าวว่า “ผมคิดว่าเรากำลังมองหานักเตะที่สามารถจารึกช่วงเวลาในบาร์เซโลน่าได้”
“เขามีดีเอ็นเอของ บาร์ซ่า เขาสามารถบอกถึงวิธีที่เขาเล่นได้ วิธีการพาบอล วิธีที่เขาคิด พลิกตัวอย่างไร เขาเป็นคนคิดไวทำไวมากๆ”
เขาดูมีอนาคตสดใสใน คัมป์ นู แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่เป็นไปดั่งที่หวัง ตลอดฤดูกาลแรกใน บาร์ซ่า เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงบ่อยๆ ทว่าในปีต่อมากลับหลุดเป็นตัวสำรองโดยสิ้นเชิง
การย้ายไปยังยูเวนตุสในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ด้วยค่าตัว 66 ล้านปอนด์ โดยสลับขั่วกับ มิราเล็ม ปานิช ย้ายไปอีกทางหนึ่งด้วยเงิน 54.8 ล้านปอนด์ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ต่างจากเดิมนัก
กองกลางแซมบ้า มีปีแรกที่น่าประทับใจใน อิตาลี เพียงแต่ก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นระยะๆในยุคที่ อันเดีย ปีร์โล่ คุมทัพ ‘ม้าลาย’ และเมื่อเปลี่ยนมาเป็น มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี โอกาสลงเล่นก็ไม่ต่างกันในฤดูกาลที่ผ่านมา
การบาดเจ็บที่น่ากังวล
ไม่มีใครสงสัยในฝีเท้าและพรสวรรค์ของ อาร์ตูร์ เพราะแม้แต่ อัลเลกรี ที่เมินใช้งานเขาก็ยังยกย่องว่ามีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ ปีร์โล่ ก็ให้คำชมคล้ายๆกัน แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆที่เป็นตัวฉุดรั้งเขา นั่นก็คืออาการบาดเจ็บ
อาการบาดเจ็บเป็นปัญหาที่ติดตัวสำหรับกองกลางวัย 26 ปีมานาน และเรื่องดังกล่าวกลายเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตเมื่อเขาย้ายมา แอนฟิลด์
ด้วยผู้เล่นแดนกลางที่ขาดหายไปในปัจจุบัน ทำให้ มิดฟิลด์ชาวบราซิลเลี่ยน จำเป็นต่อ ลิเวอร์พูล ทันที แต่คำถามต่อมาก็คือเขาแข็งแกร่งพอสำหรับเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือไม่? เขายอดเยี่ยมพอที่จะเล่นในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือเปล่า?
การเล่นใน ‘หงส์แดง’ ชุดปัจจุบัน ต้องการผู้เล่นที่มีความอึดระดับสูง และมีวามยืดหยุ่นทางร่างกายในระดับสูง ซึ่งเมื่อดูจากประวัติย้อนหลังของ แข้งใหม่ของทีมรายนี้ ก็พบว่าเขาแทบไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเลย
เขายังไม่ได้ลงเล่นให้กับ ยูเวนตุส แม้แต่วินาทีเดียวในฤดูกาลนี้ และมาถึง แอนฟิลด์ โดยที่ยังไม่ได้ลงเล่น นับตั้งแต่เกมโคปปา อิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศ ที่พ่ายให้กับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อ 4 เดือนก่อน
จำนวนเกมที่เขาลงเล่นในช่วง 4 ปีหลังอาจมีพอสมควร แต่การออกสตาร์ทเป็นตัวจริงก็ค่อยๆลดลงทุกปี ทั้งฤดูกาล 2018-19 ที่เป็นตัวจริงเพียง 50% จาก 44 เกมที่ลงเล่น, 37% จาก 28 เกมในฤดูกาล 2019-20, 34% จาก 32 นัดในฤดูกาล 2020-21 และ 29% จาก 31 นัดในฤดูกาลที่แล้ว
นั่นไม่ใช่ตัวเลขที่ดูเหมาะสมกับการเล่นให้สโมสรที่กำลังจะมีโปรแกรมเตะ 5 เกมในช่วง 15 วันต่อจากนี้
อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่เคยลงเล่นมากกว่า 19 นัดต่อฤดูกาลในเกมลีกเลย นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป และเห็นได้ชัดว่าจำนวนการลงสนามของเขาลดลงในทุกๆปี นับตั้งแต่ย้ายจาก บราซิล ปี 2018
แนวโน้มที่น่ากังวลดังกล่าว พอเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไม อาร์เซน่อล จึงกังวลในการดึงอดีตกองกลาง เกรมิโอ้ มาร่วมทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2022 ซึ่ง คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล คงหวังว่ากองกลางรายใหม่จะทำผลงานได้น่าพอใจกว่าที่หลายคนตั้งแง่ไว้
ตัวเลือกใหม่ยามไร้ ติอาโก้
อย่างไรก็ตา หาก อาร์ตูร์ สามารถทำผลงานและพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้ง นี่คงเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ทั้งสำหรับฝั่ง ลิเวอร์พูล เอง รวมไปถึง ยูเวนตุส ต้นสังกัดในเซเรียอาด้วย
ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับลิเวอร์พูล เพราะความอ่อนไหวต่อการบาดเจ็บของแข้งชาวบราซิลเลี่ยนไม่ได้เป็นเพียงคุณสมบัติเดียวที่เขามีเหมือนกับ ติอาโก้ อันคันทาร่า เท่านั้น
จนถึงตอนนี้ ‘หงส์แดง’ ยังไม่มีกองกลางอีกคนที่สามารถครอบครองบอลได้ยอดเยี่ยมเหมือน ติอาโก้ แต่ แข้งวัย 26 ปี สามารถก้าวขึ้นมาทดแทน กองกลางทีมชาติสเปนได้แน่ หากร่างกายของเขาฟิตสมบูรณ์ต่อเนื่อง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอเท่าที่เขาต้องการในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับยูเวนตุส แต่อิทธิพลของเขาที่มีต่อลูกบอลนั้นสามารถเห็นได้ในผลลัพธ์ทางสถิติของเจ้าตัว
แข้งแดนละติน อเมริกา มีการสัมผัสบอลเฉลี่ยต่อ 90 นาที มากกว่าผู้เล่นของ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ คนอื่นๆ ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา (88 ครั้ง) อีกทั้งยังติดอันดับต้นๆในแง่ของค่าเฉลี่ยการจ่ายบอล (69.8 ครั้ง) และการจ่ายบอลสำเร็จ (92.3%) และมีเพียง มานูเอล โลคาเตลลี่ เท่านั้นที่มีค่าเฉลี่ยจ่ายบอลไปแดนหน้ามากกว่าเขา (14.8 ครั้ง)
เช่นเดียวกับติอาโก้ การเคลื่อนที่ยามไม่มีบอล ของเขาก็ถูกประเมินต่ำเกินจริง เพราเขาสามารถช่วยให้ทีมครองบอลได้มากขึ้นด้วย สถิติแสดงให้เห็นว่าเขาเอาบอลกลับมาครองในแดนกลางด้วยอัตราที่สูงกว่านักเตะยูเวนตุสคนอื่นๆ ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา (4.2 ครั้ง)
ถึงแม้ว่าโดยหลักแล้ว เขาเป็นคนที่สามารถช่วยทีมครองบอลและวางบอลเจาะแนวรับของฝ่ายตรงข้ามได้ เช่นเดียวกับ ติอาโก้ แต่เขาไม่ใช่คนที่โดดเด่นในด้านการทำประตูและแอสซิสต์ และมีแนวโน้มที่เป็นคนเริ่มเกมบุกมากกว่าส่งบอลเข้าก้นตาข่าย
แต่ความสามารถทางเทคนิคที่ “พิเศษ” ของเขาควบคู่ไปกับการออกบอลทั่วทิศทางแบบชาบี สามารถช่วยลดการที่ทีมต้องพึ่งพา ติอาโก้ ในด้านนี้เพียงคนเดียว และให้ทางเลือกที่จำเป็นแก่พวกเขาในพื้นที่ของสนามที่พวกเขาเช่นกัน ซึ่งบ่อยครั้งอาจพบว่าพวกเขาตกเป็นรอง
ดีลคว้า อาร์ตูร์ มาร่วมทีมถือเป็นเรื่องที่ ‘เดอะ ค็อป’ หลายคนเข้าใจได้ และพวกเขาก็ไม่ติดอะไร หากแข้งวัย 26 ปีไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในอังกฤษ แต่ก็ยังหวังลึกๆว่าเขาจะสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในทีมของ คล็อปป์ หลังจากนี้เช่นกัน