ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ชื่อของ เฟร็ดดี้ อาดู กลายเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งในสื่อกีฬาทั่วโลก เมื่อเขากลายเป็นผู้เล่นดราฟต์คนแรกใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ด้วยวัยเพียง 14 ปี
ตัวรุกเชื้อสายกาน่าได้ย้ายมาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1997 และกลายเป็นหนึ่งในความหวังใหม่ของวงการลูกหนังแดนลุงแซม ถึงขนาดเคยถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เปเล่ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิลด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบัน เขากลายเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งไม่สามารถก้าวขึ้นไปแข้งระดับโลกอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ได้ และต้องพนเจรย้ายไปเล่นถึง 12 สโมสรจาก 8 ประเทศ
ทาง UFA ARENA จะพาไปย้อนช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์และตกต่ำที่สุดของ อดีตแข้งทีมชาติสหรัฐอเมริกาผ่านบทความชิ้นนี้กัน
งูใหญ่แอบสนใจ
ในช่วงที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับ ดีซี ยูไนเต็ด อาดู และครอบครัว ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ อินเตอร์ มิลาน มาแล้ว หลังจากที่โชว์แววในทัวร์นาเม้นต์ระดับเยาวชนที่ อิตาลี ขณะมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น
“เราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เฟร็ดดี้ เป็นนักเตะอเมริกันคนแรกที่เราเห็นว่ามีศักยภาพในการเล่นฟุตบอลอาชีพของยุโรปได้” ปิเอโร่ อูซิลิโอ้ เลขาธิการทั่วไปของงูใหญ่ชุดเยาวชนกล่าวกับ วอชิงตัน โพสต์
“เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม มีพรสวรรค์ พร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและ ทัศนคติที่น่าอัศจรรย์ด้วย”
ดราฟต์อันดับหนึ่งลีกมะกัน
ถัดมาในปี 2004 แข้งเชื้อสายกาน่า สร้างชื่อให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นด้วยการเป็นนักกีฬาอเมริกันอายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญาอาชีพ และได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ เมื่อย้ายมาร่วมทีม ดีซี ยูไนเต็ด
และสิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดถึงมากกว่าเดิมคือการที่ดาวรุ่งแดนลุงแซมถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งในการดราฟต์หนแรกของ เอ็มแอลเอส ทั้งที่มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
จอมทำสถิติ
ณ เดือนเมษายนปี 2004 อาดู กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในกีฬาระดับอาชีพของสหรัฐอเมริกา เมื่อมีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองในเกมพบกับ ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์
จากนั้นเดือนต่อมา เขาทำประตูในเกมพ่าย เมโทรสตาร์ส (นิวยอร์ค เร้ดบูลส์ในปัจจุบัน) ทำให้กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในประวัติศาสตร์ของ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์
จบฤดูกาลนั้น เขาลงเล่นในปีแรกไปทั้งหมด 30 นัดให้ ดีซี ยูไนเต็ด พร้อมทำไป 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ และคว้าแชมป์ เอ็มแอลเอส คัพ มาครอง
ฤดูกาลต่อมา ดาวรุ่งเชื้อสายกาน่า เปิดเผยออกสื่อว่าหงุดหงิดไม่น้อยที่พลาดการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเจ้าตัวมองว่าอาจทำให้ตนพลาดติดทีมชาติอเมริกาไปลุยฟุตบอลโลกในปี 2006 ด้วย
“ผมต้องตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเป็นอย่างแรกเสมอ และผมกำลังมองดูเรื่องนี้อยู่ ดังนั้น เรามาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในท้ายฤดูกาลนี้ และ เรามาดูกันครอบครัวกับผมจะย้ายไปที่ไหน” อาดูกล่าว
ทดสอบฝีเท้ากับปีศาจแดง
ผ่านไปในปี 2006 วันเดอร์คิดวัย 16 ปี ได้มีโอกาสเข้าไปทดสอบฝีเท้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 2 สัปดาห์ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจคว้าตัวเขามาร่วมทีม เมื่อเขามีอายุ 18 ปีบริบูรณ์
“เฟร็ดดี้ ทำได้ดีเลย” เฟอร์กี้กล่าว “เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ เขาจะกลับไปอเมริกา และเขาจะจับตาดูเขา เมื่อเขาอายุ 18 ปี เราจะมาดูกันว่าจะทำอะไรต่อไป”
“สิ่งที่เราได้ทำไปแล้วคือ การพาเขามาที่นี่เพื่อมอบไอเดียว่ายูไนเต็ดคืออะไร ดังนั้น เขาสามารถเห็นที่ทาง และสามารถอยู่อย่างสบายใจที่นี่ได้อย่างไร”
แต่เนื่องจาก ปัญหาเรื่องเวิร์ค เพอร์มิท ทำให้ อาดู ไม่ได้กลับมาสวมเสื้อ ‘ปีศาจแดง’ อีก แต่เขาก็ยังทำผลงานได้โดดเด่นในบ้านเกิดอยู่
ต้นปีนั้น เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติสหรัฐอเมริกา ขณะที่ถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของ เอ็มแอลเอส 2 ครั้ง ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟีฟ่า โปร ในปี 2005 อีกด้วย
โยกย้ายครั้งแรก
หลังจากกระทบกระทั่งกับ ปีเตอร์ โนวัค กุนซือดีซี ยูไนเต็ด หลายต่อหลายครั้ง อาดูจึงตัดสินใจย้ายซบ รีล ซัลต์ เลค ในปี 2007 แต่ก็ใช้เวลาค้าแข้งกับทีมใหม่ได้ถึงปี
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกยู-20 ซึ่งเป็นกับตันทีมแดนลุงแซม และกลายเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เคยลงเล่นในฟุตบอลโลกรุ่นนี้ถึง 3 ครั้ง ทำให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เบนฟิก้า ด้วยค่าตัว 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ดาวร่วงในบอลยุโรป
จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในเบนฟิก้าของ อาดู ไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากยักษ์ใหญ่ลีกฝอยทองต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปถึง 3 คน ในช่วง 6 เดือนแรกที่เขาอยู่กับทีม
หลังจากได้ลงเล่นอยู่บ้างกับ กุนซือ 2 คนแรก เขาก็กลายเป็นตัวเลือกท้ายในเวลาต่อมา และลงเล่นให้ทีมเพียง 21 นัดเท่านั้้น
ต่อมา แข้งชาวอเมริกัน ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน ทั้ง โมนาโก, เบเลเนนส์, อาริส เอฟซี และ เคย์เคอร์ ริเซสปอร์ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ และไม่มีทีมไหนที่เขาทำผลงานได้เข้าตาเลย
แต่อย่างน้อย การย้ายไปเล่นในตุรกีกับ ริเซสปอร์ ก็ทำให้ เขากลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง หลัง บ็อบ แบรดลี่ย์ กุนซือของทีมประทับใจที่เขายอมลงเล่นไปเล่นในลีกดิวิชั่น 2 ของแดนไก่งวง เพื่อโอกาสลงสนามมากขึ้น
ทว่า ดาวเตะชาวสหรัฐอเมริกา กลายเป็นตัวสำรองที่ไม่ใช้งานเป็นส่วนใหญ่ในศึก โกลด์ คัพ ปี 2011 ก่อนจะลงเล่นเป็นตัวสำรองแบบเซอร์ไพรซ์ในรอบตัดเชือก และนัดชิง พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นใช้ได้ แต่ก็พ่ายแก้ เม็กซิโก 4-2 ในท้ายที่สุด
ถึงเวลากลับบ้าน
เฟร็ดดี้ ที่ยังไม่ผ่านพ้นช่วงดาวรุ่งย้ายกลับมาเล่น เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ อีกครั้งในปี 2011 กับ ฟิลาดิเฟีย ยูเนี่ยน และจูบปากคืนดีกับ โนวัก อีกหน พร้อมกับยืนกรานว่าประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรปเป็นเรื่องดี แม้จะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
“ภายในอายุ 25 ปี ผมต้องการเล่นในอังกฤษ หรือ สเปน และไม่ใช่แค่ได้เล่นเฉยๆ แต่ต้องเป็นตัวหลักในทีมด้วย” เจ้าตัวกล่าวกับ อีเอสพีเอ็น “ตอนนี้ผมมีอายุ 22 ปี ใน 3 ปีข้างหน้า ผมเห็นตัวเองได้ลงเล่นในลีกพวกนั้น”
“หลายคนอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่นั่นคือเป้าหมายของผมตลอดมา ผมต้องการเป็นตัวจริงกับทีมใน โปรตุเกส หรือ ฝรั่งเศส ก่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกย้ายไปเล่นในโปรตุเกส แทนที่จะตรงไปเล่นใน อังกฤษ หรือ สเปน ทันที”
ตระเวนทดสอบฝีเท้า
อย่างไรก็ตาม กราฟชีวิตค้าแข้งของ อาดู ก็ค่อยๆดิ่งตกลงมาเรื่อยๆ เขาไม่สามารถทำผลงานได้ตามาตรฐานเดิมของตัวเองกับ ยูเนี่ยน จน โนวัก ถูกปลดใเวลาต่อมา และกุนซือใหม่อย่าง จอร์น แฮ็คเวิร์ธ ก็ไม่ถูกอกถูกใจเขานักในตอนนั้น
“ในสายตาของเขา (แฮ็คเวิร์ธ) บางทีผมอาจไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีพอในการเป็นต้นแบบให้กับแข้งเยาวชนในทีม” เขากล่าวกับโกล
“เมื่อมองย้อนกลับไป ผมว่าเขาคิดถูก ผมไม่แม้แต่จะโกรธที่ แฮ็คเวิร์ธ เขี่ยผมออกจากทีมฟิลลี่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว คุณต้องรับผิดชอบกับเรื่องของตัวเอง”
“คุณต้องดึงตัวขึ้นมาในสถานการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อประสบความสำเร็จ ทั้งในหรือนอกสนาม และในตอนนั้น ผมไม่ได้ทำผลงานให้ดีเลย ไม่ว่าจะทั้งในหรือนอกสนาม”
อดีตดาวรุ่งแดนลุงแซม เลือกย้ายไปเล่นกับ บาเฮีย ในลีกบราซิล และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องทำงานกับกุนซือ 3 คน ภายในฤดูกาลเดียว ซึ่งทำไปสู่การถูกปล่อยตัวในปี 2013
8 ปีหลังจากที่ได้ฝึกฝนวิชากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขากลับพบว่าตัวเองต้องมาตระเวนทดสอบฝีเท้ากับทีมมากมายในยุโรป ทั้ง แบล็คพูล, สตาเบ็ค และ อาแซด อัลค์มาร์ ซึ่งไม่มีทีมไหนเลยที่เขาได้เซ็นสัญญาค้าแข้งถาวร
พเนจรเต็มตัว
ผ่านไปในปี 2014 อาดู ได้เซ็นสัญญากับสโมสรในเซอร์เบียอย่าง เอฟเค จาโกดิน่า แต่ก็อยู่ได้เพียง 6 เดือน ก็ย้ายไปเล่นช่วงสั้นๆ 3 เดือนกับ คูโอเปี้ยน ปาโลเซอูร่า ในฟินแลนด์
ในปี 2015 เขากลับมาอเมริกาเป็นครั้งที่ 2 ด้วยการเซ็นสัญญากับ เทมป้า เบย์ โรวดี้ส์ ในนอร์ธ อเมริกา ซ็อคเกอร์ ลีก แต่ 18 เดือนที่เขาอยู่ในทีม ก็ไม่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้เหมือนเคย
ต่อมา เขาได้ทดสอบฝีเท้ากับ พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส และ ซานเดคย่า โนวี่ ซาชส์ สโมสรในโปแลนด์ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ อดีตดาวรุ่งอนาคตไกลไม่ได้รับสัญญาค้าแข้งถาวร
หวังคัมแบ็คแต่ก็ไม่รอด
ช่วงเดือนตุลาคมปี 2020 อาดู ได้กลับมาค้าแข้งอาชีพอีกครั้ง หลังห่างหายไปนานร่วม 2 ปี โดยเซ็นสัญญากับ เอิสเตอร์เลิน สโมสรลีกระดับ 3 ในสวีเดน ทว่าเขาในวัย 31 ปี ที่ห่างหายจากฟุตบอลอาชีพ ไปเป็นโค้ชใน แมรี่แลนด์ กว่า 2 ปี จะกลับมามีร่างกายและจิตใจที่พร้อมกับการค้าแข้งอีกครั้งจริงๆหรือ?
คำตอบของเรื่องนี้คือ “ไม่” อย่างชัดเจน เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 ฟิลิป ลิดเกรน รองประธานสโมสร เอิสเตอร์เลิน ประกาศยกเลิกสัญญากับอดีตวันเดอร์คิดแดนลุงแซม เนื่องจากขาดความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ
แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าเขาลาทีมเนื่องจากเกิดความขัดแย้งกับสโมสร แต่ช่วงก่อนเซ็นสัญญากับทีม แข้งวัย 33 ปี โดนกุนซือของทีมแฉว่าไม่ได้มีการเตรียมตัวความพร้อมด้านร่างกายเลย อีกทั้งสโมสรให้เวลาเขาอีกหนึ่งเดือนในการฝึกซ้อม ก็ยังไม่มีดีอะไรดีขึ้น จนต้องจบลงด้วยการแยกทางระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
ปัจจุบัน เขายังเป็นนักเตะไร้สังกัด ความฝันของเขาในการแจ้งเกิดบนฟุตบอลอาชีพยุโรปก็พังไม่เหลือชิ้นดี และกว่าจะรู้สึกว่าตัวเองเดินมาผิดทางก็สายเกินไปแล้ว
อดีตแข้ง เบนฟิก้า ได้กล่าวกับ วอชิงตัน โพสต์ ในเดือนตุลาคมปี 2018 ขณะที่เดินทางไปเยี่ยมชม อาร์เอฟเค สเตเดี้ยม ที่ที่เขาเคยสร้างประวัติศาสตร์กับ ดีซี ยูไนเต็ด ไว้ว่า “ผมไม่อยากเชื่อเลย มันผ่านไปเร็วมาก รวดเร็วจริงๆ ผมอายุ 14-15 เมื่อมาที่นี่ แต่ตอนนี้ผมอายุ 28 แล้ว”
“มันเปลกดี มันผ่านไปเร็ว ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว (เมื่อตอนเซ็นสัญญา) ว่าทำไมผู้คนถึงบอกว่า ‘อย่ามองข้ามเรื่องนี้ไป เวลามันผ่านไปไวนะ’ ผมก็แบบ ‘ผ่านไปไวหรอ? ผมอายุแค่ 15 เอง ผมมีเวลาเหลือเฟือ’”
“และจากนั้น คุณกระพริบตา และตื่นขึ้นมา มันกลายเป็นว่า โอ้ พวก มันผ่านไปรวดเร็วจัง เพราะฉะนั้นคุณถึงต้องทำให้เต็มที่เมื่อคุณสามารถทำมันได้”