ก่อนถึงคิวเดอบรอยน์! ใครบ้างเคยเข้าใกล้ท็อปแอสซิสต์อองรี

อองรี-เดอ บรอยน์

สถานการณ์ฟุตบอลในยุโรปตอนนี้แตกออกเป็นสองเสียง ที่ชัวร์ๆ โมฆะฤดูกาลนี้ไปแล้วก็มี เอเรดิวิซี่ลีก ฮอลแลนด์ และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส

 

แต่ในรายของ บุนเดสลีกา เยอรมัน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลา ลีกา สเปน ดูเหมือนจะยื้อสู้กันต่อ อย่างน้อยๆ ก็เห็นแววจากกำหนดวันให้นักเตะกลับมาซ้อมแล้ว

 

ด้าน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้หลายฝ่ายจะสนับสนุนให้เตะให้จบ แต่เอาจริงๆ ก็ยังไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่เวลาก็ถูกบีบขึ้นในทุกๆ วัน และทุกๆ นาที

 

อย่างไรก็ตามถ้ามองในส่วนของตัวผู้เล่นหลายคนก็พร้อมที่จะทำการแข่งขัน โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ แมนฯ ซิตี้ ที่ตั้งตารอทำลายสถิติแอสซิสต์สูงสุดต่อ 1 ฤดูกาลของ เธียร์รี่ อองรี

 

ดาวยิง อาร์เซนอล เคยทำไว้สูงสุดที่ 20 ประตูเมื่อฤดูกาล 2002-03 ซึ่งสถิติดังกล่าวคงอยู่มานานกว่า 18 ปี ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งให้สัมภาษณ์ล่าสุดกรณีศึกแย่งชิงดาวซัลโวกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ว่า

 

“ผมคงไม่ทำแอสซิสต์ได้เยอะขนาดนี้ ถ้าผมเอาแต่คิดถึงรองเท้าทองคำ”

 

ขณะที่มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยี่ยม ตอนนี้ทำไปแล้ว 16 แอสซิสต์ และแม้ว่าจะเหลือเกมอีกถึง 9 นัด ซึ่งเอาจริงๆ ก็ถือว่ามากโข แต่ต้องดูว่าในสถานการณ์จริง เดอ บรอยน์ จะเลือกทางไหน ถ้ามีโอกาสยิงจะแจ้ง เจ้าตัวจะบ้าส่งเพื่อเน้นเก็บแอสซิสต์หรือไม่

 

งานนี้น่าติดตามมากๆ ว่าสถิติของ อองรี จะถูกทำลายได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่เคยก้าวขึ้นมาท้าทายแต่บทสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ซึ่ง 1 ใน 4 คนดังกล่าวมีชื่อของ เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ในนั้นด้วย

   โอซิล

เมซุต โอซิล (19 แอสซิสต์ 2015-16)

 

แม้ผลงานปัจจุบันจะถอยหลังลงคลอง ฤดูกาลนี้ก็เพิ่งเก็บไปเพียง 2 แอสซิสต์เท่านั้น ทว่าในช่วงพีกๆ ดาวเตะด๊อยซ์ลันด์ คือหนึ่งคนที่มีตัวเลขในเรื่องการถวายพานให้เพื่อนทำประตูได้อย่างมากมาย

 

โดยเฉพาะฤดูกาล 2015-16 ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างเรื่องมหัศจรรย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก นั้นคือปีที่ เมซุต โอซิล ทำผลงานได้ดีที่สุดในสีเสื้อ อาร์เซนอล เลยก็ว่าได้

 

ครึ่งซีซั่นแรกที่เจ้าตัวทำไปถึง 15 แอสซิสต์ น่าเสียดายที่เจ้าตัวกลับทำเพิ่มได้แค่ 4 แอสซิสต์ โดยเฉพาะช่วง 10 นัดสุดท้ายที่ต้องการเพิ่มอีกแค่ 2 ครั้งเพื่อขึ้นไปทาบสถิติ อองรี

 

แต่ โอซิล ดัน “ตีนบอด” มาทำเพิ่มได้ในเกมนัดสุดท้ายเพียงลูกเดียว แต่อย่างน้อยๆ เจ้าตัวก็คือคนที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วที่จะโค่นบัลลังก์ของดาวยิงเฟรนช์แมน

เดอ บรอยน์

เควิน เดอ บรอยน์ (18 แอสซิสต์ 2016-17)

 

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม สถาปณาตัวเองขึ้นเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 1 ของโลกเลยก็ว่าได้ หลังประเคนบอลให้เพื่อนร่วมทีมถล่มประตูอย่างมากมาย แถมลูกจ่ายแต่ละดอกก็เข้าตากรรมการแทบทั้งนั้น

 

ปีที่ เดอ บรอยน์ ทำได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2015-16 ที่เจ้าตัวทำไปถึง 18 แอสซิสต์ ซึ่งเอาจริงๆ ต้องบอกว่าเจ้าตัวมาเครื่องแรงตอนโค้งสุดท้าย 3 จาก 4 เกมก่อนปิดซีซั่นรัวไปถึง 5 แอสซิสต์

 

ถ้าฟอร์มมาเข้าฝักเร็วกว่านี้ หรือ ขยายโปรแกรมอีกสัก 2-3 นัด ไม่แน่เหมือนกันเจ้าตัวอาจลุ้นทาบสถิติแอสซิสต์สูงสุดพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้

 

ผลงานของ เดอ บรอยน์ ถือว่าสม่ำเสมอมากๆ ซีซั่น 2017-18 ก็เคยทำอีก 16 แอสซิสต์ เช่นเดียวกับฤดูกาลนี้ที่ยอดตัวเลขเท่ากันแต่เหลือเกมอีก 9 นัด

 

งานนี้ถ้ากลับมาแข่งต่อได้และไม่เดินตามรอย โอซิล ก็มีลุ้นยาวๆ ที่จะได้เห็นสถิติใหม่

ฟาเบกาส

เชส ฟาเบรกาส (18 แอสซิสต์ 2014-15)

 

อดีตมิดฟิลด์ของ อาร์เซนอล เป็นอีกคนที่เคยขึ้นมาท้าชิงสถิติของดาวยิงรุ่นพี่ร่วมค่าย ซึ่งจริงๆ แล้ว ฟาเบรกาส เคยเกือบทำได้ตั้งแต่สมัยเล่นให้ “ปืนใหญ่” ในฤดูกาล 2007-08 หลังทำไป 17 แอสซิสต์ แต่น่าเสียดายที่ 2 เกมสุดท้ายไม่ได้ลงเพราะบาดเจ็บ

 

อย่างไรก็ตามการย้ายจาก บาร์เซโลน่า กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ต้องบอกว่าคุณภาพไม่มีตกเลย ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ดาวเตะสแปนิช ยังคงเป็นมิดฟิลด์ที่แจกจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ฤดูกาล 2014-15 นอกจากพา เชลซี ได้แชมป์แล้ว เชส ยังทำไปถึง 18 แอสซิสต์ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหมือนเคย เพราะ 2 เกมสุดท้ายที่ควรจะทำเพิ่มได้กลับอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจเลย

 

ดาวเตะวัย 32 ปี โดยใบแดงตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมรองสุดท้ายกับ เวสต์ บรอมวิช ทำให้พลาดลงสนามในเกมปิดซีซั่นที่เจอกับทีมท้ายตารางอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ซึ่ง เชลซี ชนะไป 3-1 ถ้าเจ้าตัวได้ลงก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะมีแอสซิสต์เพิ่มหรือไม่

แลมพาร์ด

แลมพาร์ด (18 แอสซิสต์ 2004-05)

 

อันนี้ต้องสารภาพตามตรงว่าข้อมูลที่หามามีความสับสนเล็กน้อย เพราะข้อมูลเจาะเป็นแมตช์ๆ ทั้งเว็บไซต์ ฟุตบอลไลน์อัพ และ ทรานเฟอร์มาร์เก็ต ระบุว่าฤดูกาล 2004-05 แลมพาร์ด ทำไปเพียง 16 แอสซิสต์เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามในเว็บไซต์พรีเมียร์ลีก อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดกลับระบุว่ากุนซือของ เชลซี คนปัจจุบัน จ่ายให้เพื่อนยิงประตูในลีกได้ถึง 18 ประตู ในฤดูกาลดังกล่าว

 

งานนี้จึงบอกไม่ได้ว่า 2 แอสซิสต์ที่หายไปของเจ้าตัวเกิดในเกมไหนเพิ่มเติม แต่ที่แน่ๆ ปีนั้น แลมพาร์ด และ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ประกาศศักดาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ เพราะนี่คือแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกของสโมสรในรอบ 50 ปี