ไม่ใช่เรื่องง่าย : วิเคราะห์ก้าวสำคัญสุภโชคลุยเจลีก

วงการฟุตบอลไทย เพิ่งมีข่าวใหญ่เกิดขึ้น เมื่อแนวรุกตัวเก่งทีมชาติไทย และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง สุภโชค สารชาติ เตรียมย้ายไปอยู่กับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ใช่เลกสองของศึก เจ ลีก ซีซั่น 2022 ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน

นับเป็นนักเตะไทย คนที่ 6 ต่อจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่มีโอกาสได้ย้ายไปค้าแข้งบนลีกสูงสุดแดนปลาดิบ

ต้องบอกเลยว่าการไปเล่นที่ญี่ปุ่น ถือว่าท้าทายสำหรับ “เจ้าเช็ค” พอสมควร เนื่องจากนี้จะเป็นการค้าแข้งต่างแดนครั้งแรกของเขา บนลีกซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย ณ เวลานี้ แน่นอนว่าต้องประมาเด็นให้พูดถึงมากมาย

เพราะฉะนั้นวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปดูเรื่องราวที่น่าสนใจกับการที่ สุภโชค สารชาติ จะย้ายไปอยู่กับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ซึ่งแน่นนอน เขาจะจับถูกจับตามองอย่างมากแน่นอน กับบททดสอบครั้งสำคัญนี้

 

โอกาสพัฒนาฝีเท้าไปอีกขั้น

แน่นอนว่าการได้ย้ายไปเล่นยังลีกเบอร์ 1 ของเอเชีย จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมบนเส้นทางการค้าแข้งของ สุภโชค สารชาติ แบบไม่ต้องสงสัย เหนือสิ่งอื่นใดคือโอกาสในการพัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้ก้าวไปอีกระดับ

หากเราย้อนกลับไปมองบรรดานักเตะไทย ที่ย้ายมาเล่น เจ ลีก ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา หรือแม้กระทั่ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทุกคนต่างยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากรูปแบบการซ้อมและการเรียกรู้เรื่องแทคติกที่ค่อนข้างเข้มข้น รวมถึงการต้องลงสนามเจอกับคู่แข่งซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทีมระดับแถวหน้าของเอเชีย ในทุกสัปดาห์

เพราะฉะนั้นการได้ไปเล่นยังลีกแดนปลาดิบกับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร น่าจะช่วยให้ สุภโชค สารชาติ พัฒนาฝีเท้าของตัวเองขึ้นอีกระดับอย่างที่ใครหลายคนอย่างเห็น และแน่นอนว่าเขาคือนักเตะที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของรุ่นพี่อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับทัพ “ช้างศึก” ในอนาคต ดังนั้นการมาที่ญี่ปุ่น ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า “เจ้าเช็ค” จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นอีกหนึ่งสุดยอดนักเตะของไทย ได้หรือไม่

 

ตามรอยความสำเร็จ ชนาธิป ไม่ง่าย

แน่นอนว่าแฟนบอลไทย หลายคนคงตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่ สุภโชค จะย้ายไปอยู่กับยอดทีมบนเกาะฮอกไกโด และประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับที่รุ่นพี่อย่าง ชนาธิป เคยทำไว้ อย่างไรก็ตามมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน

โดยตลอดระยะเวลาที่ ชนาธิป อยู่กับ ซัปโปโร เขาลงสนามไปทั้งหมด 123 นัดรวมทุกรายการ ยิง 15 ประตู พร้อมกับทำอีก 22 แอสซิสต์ ส่วนความสำเร็จส่วนตัวคือการคว้ารางวัลนักเตะทรงคุณค่าของสโมสร 1 สมัย เมื่อปี 2018 และติดทีมชาติยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ เจ ลีก ในปีเดียวกันด้วย

จากตัวเลขและสถิติทั้งหมดที่กล่าวมา ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่งานง่ายแน่นอนกับการที่ “เช็ค” จะสานต่อความสำเร็จของ ชนาธิป ในถิ่น ซัปโปโร โดม อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถกล่าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมและโชว์ฟอร์มประทับใจแฟนบอล นั่นก็ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีไม่แพ้กัน

 

โอกาสต่อยอดเล่นลีกยุโรป

นอกจากการย้ายไปเล่น เจ ลีก จะเป็นบททดสอบที่ท้าทายสำหรับแนวรุกวัย 23 ปี แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่แฟนบอลต่างคาดหวังว่ามีโอกาสจะเกิดขึ้น คือการลุ้นต่อยอดไปเล่นฟุตบอลอาชีพของยุโรปในอนาคต

ต้องบอกเลยว่า การไปญี่ปุ่น ของ สุภโชค ถือว่าได้เปรียบรุ่นพี่ก่อนหน้าไม่น้อย เนื่องจากเขายังอายุน้อยมากและมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองต่อไปได้อีก ซึ่งนั่นหมายความ เจ ลีก อาจจะไม่ใช่การค้าแข้งต่างแดนที่สุดท้ายของดาวเตะชาวศรีสะเกษ รายนี้

ขณะเดียวกันลีกญี่ปุ่น ถือเป็นลีกที่มีการส่งออกนักเตะไปยุโรป มากเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ก็ว่าได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราเล่นผู้เล่นที่ทำผลงานดีจาก เจ ลีก ย้ายไปเล่นในยุโรป หลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น กากุ ชิบาซากิ กับ เกตาเฟ่, โยชิโนริ มูโตะ กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด รวมถึง ไดเซน มาเอดะ และ เคียวโกะ ฟูรุฮาชิ สองกำลังคัญที่เพิ่งพา เซลติก คว้าดับเบิ้ลแชมป์ฤดูกาล 2021/2022

เพราะฉะนั้นด้วยอายุที่ยังสามารถพัฒนาได้อีก หาก สุภโชค แจ้งเกิดได้เร็วการลงเล่นที่ เจ ลีก ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจเห็นเขาย้ายไปเล่นบนลีกยุโรป ก็น่าจะพอมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน

 

เจ ลีก จะกลับมาบูมในไทย

ต้องบอกเลยว่านับตั้งแต่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ย้ายจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เมื่อปี 2017 ฟุตบอลลีกสูงสุดของญีปุ่น เริ่มเป็นที่นิยมจากแฟนบอลไทย แบบจริงจัง และมีการเพิ่มช่องทางการถ่ายทอดสดรวมถึงข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา

จนถึงปี 2018 และ 2019 ต้องบอกเลยว่า เจ ลีก เรตติ้งพุ่งกระฉูดในเมืองไทย เนื่องจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ “เมสซี่เจ” ที่ทำให้แฟนบอลต้องตั้งตารอชมผลงานของเขาตลอดทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องไปจนถึงการลุ้นแชมป์ เจ ลีก ของ “บุญจัง” กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เมื่อฤดูกาล 2019

ต่อมาในปี 2020 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ เจ ลีก มีนักเตะทีมชาติไทย ค้าแข้งถึง 4 คน นั่นคือ ชนาธิป, ธีราธร, ธีรศิลป์ และ กวินทร์ มีการเปิดเผยสถิติเรตติ้งการรับชมฟุตบอลลีกญี่ปุ่น ในเมืองไทย สูงถึง 60 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองแค่เพียงญี่ปุ่น เท่านั้น

สถานการณ์กลับกันใน 2021 กระแสฟุตบอลแดนปลาดิบในบ้านเราดรอปลงไปพอสมควร ด้วยปัจจัยเรื่องผลงานของทีมที่มีนักเตะไทย อย่าง ซัปโปโร ของ ชนาธิป และ มารินอส ของ ธีราธร อย่างไรก็ตามเชื่อได้เลยว่า การมาของ “เช็ค” น่าจะทำให้ เจ ลีก กลับมาบูมในบ้านเราอีกครั้ง

เพราะหลายคนคงอย่างเห็นฝีเท้าของเด็กปั้นจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับการลงเล่นบนลีกที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของเอเชีย และ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ถือเป็นทีมที่แฟนบอลไทย ต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหาก “เจ้าเช็ค” ทำผลงานได้ดีด้วย เชื่อเลยว่ากระแสฟุตบอล เจ ลีก กระกลับมาคึกคักอีกครั้งแน่นอน

 

นักเตะไทย ยังเนื้อหอมสุดในอาเซียน

ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกเลยว่านักเตะจากอาเซียน ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากลีกระดับแถวหน้าของเอเชีย ทั้ง เจ ลีก และ เค ลีก เนื่องจากทั้งลีกฟุตบอลอาชีพเกาหลี และ ญี่ปุ่น มีการนำเอาโควตาผู้เล่นอาเซียน มาใช้งาน

อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่เพียงนักเตะไทย เท่านั้นที่ เจ ลีก และ เค ลีก ต้องการตัว เพราะแข้งจากอาเซียน ชาติอื่นก็ถือว่าน่าจับตามองเช่นกัน โดยเฉพาะ อินโดนีเซีย ที่พวกเขาเพิ่งส่งแบ็คขวาอย่าง อัสนาวี มังกัวลัม ไปเล่นกับ อันซัน กรีนเนอรซ์ เอฟซี และทำผลงานยอดเยี่ยมจนกลายเป็นแกร่งหลักของทีมในศึก เค ลีก 2 เรียบร้อยแล้ว รวมถึงแบ็คซ้ายดาวรุ่งอย่าง ปราตามา อาร์ฮัน ซึ่งโชว์ฟอร์มโดดเด่นในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 จนทำให้ โตเกียว เวอร์ดี้ ตัดสินใจคว้าตัวไปร่วมทีมเมื่อช่วงต้นปี 2022

ถึงกระนั้นการย้ายไปอยู่กับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ของ สุภโชค สารชาติ เป็นสิ่งที่สามารถการันตีได้ชัดเจนว่า หากสโมสรจากลีกระดับแถวหน้าของเอเชีย ต้องการมองหานักเตะคุณภาพสูงที่สามารถใช้งานได้ทันที พวกเขาคงต้องมองมาที่เหล่านักเตะไทย เป็นอันดับแรก

เพราะฉะนั้นเราสามารถการันตีได้ว่า นักเตะไทย ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุดในอาเซียน สำหรับบรรดาทีมจากเกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งนอกจาก สุภโชค แล้ว ซีซั่นหน้าเราอาจได้เห็นผู้เล่นระดับทีมชาติไทย อย่าง เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ พิชา อุทรา ตามไปเล่น เจ ลีก เพิ่มอีก