ภารกิจกู้ศรัทธา: สิ่งที่ แลมพาร์ด ต้องเร่งทำเมื่อคุมทัพ เอฟเวอร์ตัน 

 

 

 

ช่วงเวลาผ่านพ้น 1 ปีอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องว่างงานนับตั้งแต่โดน โรมัน อบราโมวิช ประธานสโมสร “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีม

 

 

แม้ว่าอดีตกองกลางจอมยิงไกล จะไ้ด้รับการทาบทามจากหลายสโมสรก่อนหน้านี้  แต่สุดท้ายหลังจากที่ได้เข้าไปสัมภาษณ์งานกับ ฟาร์ฮัด โมชิรี ประธานสโมสร เอฟเวอร์ตัน ถึงสองรอบ เขาก็ได้ถูกเลือกให้เข้ามานั่งเป็นกุนซือคนใหม่ในถิ่น กูดิสัน พาร์ค

 

 

นี่คือโค้ชที่เหล่าเอฟเวอร์โตเนี่ยน ต้องการและเชื่อว่าจะพาทีมพ้นผ่านวิกฤติในช่วงนี้ไปได้ หลัง ราฟา เบนิเตซ อดีตกุนซือพาทีมดิ่งลงเหวมาถึงอันดับ 16 ของตารางจนอยู่เหนือโซนตกชั้นเพียง 4 คะแนนเท่านั้น

 

วันนี้เราจะพามาดูกันบ้างมีอะไรที่ “แลมพ์” ต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วนเพื่อพา เอฟเวอร์ตัน ทีมนี้กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

 

 

ต้องการผลงานทันท่วงที

 

การเข้ามาทำหน้าที่กุนซือในช่วงกลางฤดูกาลแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกุนซือรายไหนก็ตาม มันไม่ได้มีเวลาให้เตรียมความพร้อมช่วงปรีซีซั่น ไม่มีการเสริมทัพนักเตะตามต้องการ รวมถึงการได้ทำความคุ้นเคยกับนักเตะให้มากที่สุด

 

ซึ่งนี่คือโจทย์ที่ แลมพาร์ด จำเป็นต้องทำให้ได้ เขามีเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการเตรียมความพร้อมในการดวล เบรนท์ฟอร์ด ในเกม เอฟเอคัพ รอบ 4 ในสุดสัปดาห์นี้  ก่อนจะต้องบุกไปเยือนถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของนิวคาสเซิ่ล

 

แน่นอนว่าสองเกมนี้ จะเป็นหนึ่งในจุดสำคัญในการออกสตาร์ทของกุนซือชาวอังกฤษอย่างแน่นอน เพราะหากเปิดฉากด้วยการเข้ารอบ 5 เอฟเอ คัพ ตามด้วย ทำแต้มทิ้ง นิวคาสเซิ่ล หนีโซนอันตราย มันคงเป็นยิ่งกว่าฝันของเขา

 

 

 

เรียกศรัทธาจากแฟนบอลคืนมาให้ได้

 

 

หากใครจำกันได้ก่อนหน้านี้ ราฟา เบนิเตซ นั้นได้กลายเป็นหนึ่งในโค้ชที่เหล่า เอฟเวอร์โตเนี่ยน เกลียดชังทั้งที่ยังไม่ได้เข้ามาคุมทีมด้วยซ้ำ หลังกุนซือชาวสแปนิช นั้นเคยเป็นโค้ชให้ลิเวอร์พูล มาก่อน ขณะเดียวกันไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีประเด็นอีกครั้ง จากการที่ วิตอร์ เปเรย์ร่า อดีตกุนซือเอฟซี ปอร์โต้ ที่กำลังจะเข้ามาคุมทีม แต่กลับโดนขับไล่จากการพ่นสเปรย์บนกำแพง จนสุดท้ายกลายเป็น แลมพาร์ด ที่เข้าวิน

 

เพราะงั้นสิ่งที่ แลมพาร์ด ควรจะทำคือควรจะเอาชนะใจแฟนบอลให้ได้อย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่การให้สัมภาษณ์ หรือมีตเดอะเพรสก่อนเกม  หรือแม้กระทั่งการเจรจาเพื่อเก็บตัว ดันแคน เฟอร์กูสัน ขวัญใจของแฟนบอลเอาไว้ด้วยการให้ทำหน้าที่สต๊าฟโค้ชต่อไป เพราะนี่คือหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นดั่งสายเลือดของสโมสรอย่างแม้จริง  รวมไปถึงสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผลงานในสนามที่ควรจะดูมีความหวังกว่าเดิมด้วย

ทอฟฟี่

ปรับจูนแข้งหน้าใหม่ให้เข้ากับระบบ

ในช่วงตลาดนักเตะปิดวันสุดท้าย ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เร่งเครื่องเสริมแกร่ง ด้วยการคว้าตัวแข้งคุณภาพอย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค กองกลาง จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะปิดอีกหนึ่งผู้เล่นคือ เดเล อัลลี กองกลาง จาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยสัญญาถาวร  นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ยังสามารถยืม อันวา เอล กลาซี่ ปีกตัวเก่งจากสโมสร แอสตัน วิลล่า มาได้อีกราย

 

นั่นหมายความว่านี่จะเป็น 3 ขุมกำลังใหม่ให้ แลมพาร์ด ได้ใช้งานเพื่อปรับจูนให้เข้ากับทีมที่เขาต้องการ ซึ่งเมื่อผนวกรวมกับแข้งที่มีอยู่ในทีม หากระบบการเล่นของ แลมพาร์ด ทำได้ลงล็อคก็เชื่อว่านี่จะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญเช่นกัน

 

แก้ไขปัญหาเกมรับโดยด่วน

นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมพวกเขาถึงชนะแค่เกมเดียวจาก 14 นัดหลังสุดในเกมลีก นับเป็นฤดูกาลที่ทัพ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” นั้นต้องเผชิญกับเกมรับที่ย่ำแย่สุดๆ ภาพในเกมที่พ่าย วัตฟอร์ด คารัง กูดิสัน พาร์ค 2-5 ซึ่งเป็นการเสีย 4 ประตูในช่วง 12 นาทีสุดท้าย ยังคงตราตรึง หรือเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล คู่อริตลอดกาลคาบ้านถึง 4 ลูก รวมไปถึงพ่าย ไบรท์ตัน 3 ลูก และ นอริช ในเกมสุดท้ายของ เบนิเตซ ที่เสีย 2 ประตูใน 2 นาที ก็ย่ำแย่เกินจะทน

 

ไมเคิล คีน แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังไม่ดีพอที่จะเป็นตัวจริงของทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่ง แลมพาร์ด ต้องตัดสินใจว่าจะยังดันทุรังส่งเขาลงเหมือน ราฟา หรือตัดเขาออกไป หากเราเคยเห็น แลมพ์ สมัยคุม ดาร์บี้ และ เชลซี เขามักจะไม่เปลี่ยนแปลงผู้เล่นในเกมรับบ่อยครั้ง ซึ่งคาดการณ์ว่าคู่เซ็นเตอร์แบ็กในครึ่งฤดูกาลหลังมีโอกาสที่ เยอร์รี่ มีน่า และ เบน ก็อดฟรียื หรือ เมสัน โฮลเกต จะได้ยืนยาวๆ และเขาจำเป็นต้องขันน็อตตรงนี้ให้แน่นให้ได้หากยังหวังอยู่รอดในลีกต่อไป

 

ดึงฟอร์ม คัลเวิร์ต-เลวิน กลับมาเป็นยอดกองหน้าให้ได้

 

ไม่มีใครรู้หาก โดมินิก คัลเวิร์ต เลวิน ไม่เจออาการบาดเจ็บและได้ลงสนามในฤดูกาลนี้ บางที ราฟา อาจจะไม่ต้องโดนปลดจากตำแหน่งก็เป็นได้

 

ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ซัดไป 3 ประตูจาก 3 เกมในการออกสตาร์ทลีกฤดูกาลนี้ แต่แล้วเขาต้องโชคร้ายสุดๆ เมื่อนิ้วเท้าหักและต้องพักยาวมาจนถึงเดือนที่แล้ว จากนั้นกลับมาลงสนาม คัลเวิร์ต เลวิน ก็ยังไม่สามารถยิงประตูได้เลยตลอด 3 เกมที่ผ่านมา

 

การเข้ามาของ แลมพาร์ด แน่นอนว่าเขาจะใช้ระบบ 4-3-3  และ 4-2-3-1 คล้ายกับสมัยคุม ดาร์บี้ และ เชลซี ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด คัลเวิร์ต เลวิน จะได้เป็นกองหน้าตัวเป้าของทีมอย่างแน่นอน  ซึ่งโจทย์ของเขาคือการฟื้นฟูสภาพจิตใจ และเรียกความมั่นใจของดาวยิงวัย 27 ปีออกมาให้ได้

 

 

เชื่อมั่นและให้โอกาสดาวรุ่ง

 

ในสมัยที่คุมทัพ สิงห์บูลส์ นั้นแลมพาร์ด เคยแสดงให้เห็นมาแล้ว ในช่วงที่ทีมนั้นโดนฟีฟ่าแบนตลาดนักเตะ 2 รอบ นั่นทำให้เขาตัดสินใจเลือกใช้แข้งอย่าง เมสัน เมาท์ ,แทมมี่ อับบราฮัม และ รีช เจมส์ ที่กลายเป็นแข้งดังจนถึงปัจจุบัน

 

นั่นจึงน่าสนใจว่าการที่ แลมพาร์ด มาคุมทัพ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เข้าจะสามารถดึงศักยภาพของดาวรุ่งในทีมออกมาได้หรือไม่ โดยแข้งที่น่าจับตาก็มีทั้ง แอนโธนีย์ กอร์ดอน ปีกตัวจิ๊ดวัย 20 ปี ,จาร์ราด บรานธ์เวท  ปราการหลังวัย 19 ปีที่ได้เล่นไปแล้ว 2-3 นัดในฤดูกาลนี้ หรอื นาธาน แพตเตอร์สัน แบ็กขวาทีมชาติสก็อตแลนด์วัน 20 ปี

 

 

     DaboyG

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  เป็นทางการ: แลมพาร์ดเซ็นคุมทัพ เอฟเวอร์ตัน 2ปีครึ่ง