ต่อให้จิตใจอยากสู้แค่ไหน ทว่าสุดท้าย เซร์คิโอ้ อเกวโร่ ก็ต้องจำใจแขวนสตั๊ดจากการเล่นฟุตบอลอาชีพทั้งน้ำตา เนื่องจากปัญหาด้านหัวใจ
กองหน้า บาร์เซโลน่า มีปัญหาแน่นหน้าอกระหว่างการแข่งขันที่เสมอกับ อลาเบส 1-1 ในช่วงเดือนตุลาคมจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลและเช็คอย่างละเอียด ก่อนพบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
กุน ถูกติดตามอาการอย่างต่อเนื่องตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีแผนที่จะฟื้นฟูร่างกายกลับมาให้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยปัญหาดังกล่าวที่ดูไม่มีแนวโน้มจะดี ทำให้เจ้าตัวแถลงปิดฉากอาชีพค้าแข้งของตัวเองพร้อมน้ำตาด้วยวัย 33 ปี
ถึงแม้เลิกเล่นก่อนวัยอันควร แต่ ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ก็สร้างเรื่องราวให้เล่าขานในวงการลูกหนังมากมาย และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 โมเมนต์ลืมไม่ลงที่ อเกวโร่ จารึกไว้ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา
ประตูโซโล่ใส่ ราซิ่ง
ด้วยเพียง 15 ปี อเกวโร่ ได้ประเดิมฟุตบอลอาชีพกับ อินดิพิเดนเต้ ในปี 2003 ก่อนค่อยพัฒนาฝีเท้าจนเป็นตัวหลักของทีมได้ในเวลาต่อมา แต่ก็เป็นที่พูดถึงแค่ในประเทศเท่านั้น จนกระทั่งในเกมพบกับ ราซิ่ง ในเดือนกันยายนปี 2005 แฟนบอลทั่วโลก็เริ่มให้ความสนใจในดาวรุ่งรายนี้
‘เอล กุน’ วัย 17 ปี ลากเลื้อยจากแดนของตัวเองไปยังกรอบเขตโทษของคู่แข่ง พร้อมหลอกล่อเล่นงานแนวรับ ราซิ่ง จนเสียท่าหลายจังหวะ ก่อนซัดด้วยซ้ายข้างไมาถนัดเข้าไปตุงตาข่าย
และประตูนั้นเองก็เพียงพอที่จะทำให้ แอตเลติโก้ มาดริด ให้ความสนใจ และดำเนินเรื่องคว้าดาวเตะเลือดฟ้าขาวไปร่วมทีมในปีต่อมา
แชมป์เดียวกับ ตราหมี
แม้ต้องใช้เวลาปรับตัวซักพักกับฟุตบอลยุโรปที่แตกต่างจากฟุตบอลในละตินอเมริกาพอสมควร หลังยิงเพียง 7 ประตูในปีแรกที่สเปน แต่ต่อมา อเกวโร่ ก็ระเบิดฟอร์มซัดไป 48 ตุงจาก 97 นัดตลอด 2 ฤดูกาลต่อมา
จากนั้นในปี 2010 หอกชาวอาร์เจนไตน์ ก็คว้าแชมป์แรกและแชมป์เดียวกับ แอตเลติโก้ มาดริด กับ ถ้วย ยูฟ่า คัพ ซึ่งถือเป็นแชมป์รายการฟุตบอลยุโรปใบเดียวที่เขาเคยสัมผัสด้วย
ในเกมนัดชิงชนะเลิศ กุน จัดไป 2 แอสซิสต์ให้กับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน หัวหอกคู่หูช่วยให้ ‘ตราหมี’ เฉือนชนะ ฟูแล่ม ไป 2-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ณ สนามนอร์ดแบงค์ อารีน่าที่ ฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน
จุดเริ่มต้นดาวซัลโวเรือใบ
หลังแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในบอลสเปน ก็ถึงเวลาแล้วที่ อเกวโร่ จะย้ายมาสร้างชื่อในฟุตบอลอังกฤษ เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีคว้าตัวเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ในปี 2011
กุน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถทำผลงานได้คุ้มค่าตัว แถมปรับตัวได้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษอย่างรวดเร็ว หลังประเดิมเกมแรกนัดพบกับ สวอนซี และซัดไป 2 ประตูให้ ซิตี้ ถล่มไป 4-0
นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของเขาในการก้าวขึ้นไปเป็นตำนานของสโมสร และตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ในอีกหลายปีต่อมา
รองเท้าทองคำปี 2015
หลังย้ายมาอังกฤษได้ 4 ปี ดาวยิงแดนฟ้าขาว ก็พา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 2 สมัย รวมไปถึงคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของลีกในปี 2015 ซึ่งเป็นหนเดียวที่เขาคว้ารางวัลนี้มาครอง
แม้ฤดูกาล 2014-15 กุน จะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ได้ แต่ฟอร์มการเล่นตลอดปีนั้นถือว่าโดดเด่นกว่าใครหลายคนในลีกผู้ดี ทั้งๆที่มีปัญหาบาดเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อในช่วงคริสต์มาส แต่ก็ยิงไป 26 ลูกในพรีเมียร์ลีกจนคว้าดาวซัลโวลีกไปครอง
ไม่ว่าจะเป็นเกมที่กดคนเดียว 4 เม็ดใส่ สเปอร์ส, ซัดแฮตทริกในเกมพบ คิวพีอาร์ หรือ ยิงประตูชัยใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมดาร์บี้
นอกเหนือจากระเบิดฟอร์มในลีกแล้วเมื่อฤดูกาล 2014-15 แล้ว หอกทีมชาติอาร์เจนติน่ายังเฉิดฉายในฟุตบอลยุโรปอย่างรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการซัดไป 6 จาก 7 นัด
แฮตทริกใส่ บาเยิร์น
เป๊ป กวาร์ดิโฮล่า มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ อเกวโร่ ตลอด 5 ปีที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน แต่ย้อนไปสมัยที่พวกเขาพบกันครั้งแรก กลับเป็น กุน ที่ทำแสบใส่เจ้านายของเขาในอนาคต กับเกมที่ ซิตี้ พบ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2014
‘เรือใบสีฟ้า’ ต้องลุ้นเข้าน็อคเอ้าท์ในเกมสุดท้าย หลังเก็บได้เพียง 5 แต้มจาก 5 นัดแรก และมีเงื่อนไขเดียวเท่านั้นในการเข้ารอบต่อไปก็คึอต้องเอาชนะ ‘เสือใต้’ ให้ได้
และแล้วก็เป็น หอกร่างเล็กชาวอาร์เจนไตน์ ที่สมบทเป็น ฮีโร่ ของ ซิตี้ ช่วยพลิกแซงทีมของ เป๊ป พร้อมกดแฮตทริกให้ทีมเฉือนชนะไปแบบสุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้ารอบไปได้ตามเป้า
น่าเสียดายที่ ซิตี้ ดันไปเจอของแข็งอย่าง บาร์เซโลน่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 3-1 ก่อนที่ในปีต่อมา กุน ก็พาทีมทะลุไปเล่นรอบตัดเชือกบอลยุโรปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
5 ลูกใน 20 นาทีใส่สาลิกา
ตลอดเวลา 10 ปี กุน ยิงประตูมากมายต่อหน้าเหล่าซิตี้เซนส์ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม และหนึ่งในผลงานที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆคือเกมที่พวกเขาเปิดบ้านพบ นิวคาสเซิล ในเดือนตุลาคมปี 2015
อเล็กซานดร้า มิโตรวิช ยิงประตูให้ สาลิกาดง ขึ้นนำไปก่อนใน 18 นาทีแรก ทว่านั่นไม่ต่างจากการไปกระตุกหนวดเสือ และทำให้ กุน กลายเป็นพระเอกของเกมในวันนั้น
ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ซัดคนเดียว 5 ลูก ภายในเวลาเพียง 20 นาที ก่อนที่ เควิน เดอ บรอยน์ จะบวกเพิ่มอีกลูก ช่วยให้เอาชนะไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 6-1 และตอกย้ำว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก
ลาซิตี้ด้วยแชมป์
หลังอยู่ยาวกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มานานถึง 10 ปี อเกวโร่ ก็ประกาศลาทีมอย่างแน่นอนหลังจบฤดูกาล 2020-21 พร้อมลงเล่นนัดสุดท้ายในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน พร้อมฝากประตูทิ้งท้ายในพรีเมียร์ลีกให้แฟนบอลเชยชมในเกมนั้น
จุดเริ่มต้นและบทสุดท้ายของ เอล กุน ใน ซิตี้ ดันบังเอิญเหมือนกันอย่างเหลือเชื่อ เพราะทั้งเกมแรกกับเกมสุดท้าย เขาลงมายิง 2 ประตูที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในฐานะตัวสำรอง และทิ้งท้ายด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 5 กับทีม พร้อมด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลที่ 260 ประตูจากการลงเล่น 390 นัดในทุกรายการ
แม้อีก 6 เดือนต่อมาจะกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของดาวเตะแดนฟ้าขาว แต่เขาก็ยังฝากผลงานให้แฟนบอลทั่วโลกจดจำในฐานะแข้งตำนานในยุคนี้
แชมป์โคปา อเมริกา ที่รอคอย
ราวไม่กี่เดือนนับตั้งแต่ลา ซิตี้ เป้าหมายของ อเกวโร่ พุ่งไปที่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการคว้าแชมป์เมเจอร์กับทีมชาติอาร์เจนติน่าให้ได้
แม้ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกๆในแดนหน้าของ ลิโอเนล สคาโลนี่ แต่ ดาวเตะวัย 33 ปี ก็มีส่วนช่วยให้ทีมบ้านเกิดกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในศึกโคปา อเมริกา อีกครั้ง
ถึงได้ลงเล่นในรอบน็อคเท้าเพียงแค่นาทีเดียว แต่ กุน ก็สมควรได้รับการยกย่องไม่แพ้ ลิโอเนล เมสซี่ หรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ และคู่ควรกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลทวีปได้ครั้งแรกในรอบ 28 ปี
ประตูสุดท้ายในเอล กลาซิโก้
ถึงอายุอานามแตะเลข 3 ไปแล้ว แต่ กุน ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นและเฉียบคมในการจบสกอร์ น่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า เพียงช่วงเวลาสั้นๆ
ประตูสุดท้ายของ กุน ถือว่าเป็นลูกที่น่าจดจำไม่น้อยและเกิดขึ้นในเกมใหญ่อย่าง เอล กลาซิโก้ ที่พบกับ เรอัล มาดริด ก่อนพ่ายไปด้วยสกอร์ 2-1
นี่ถือเป็นประตูที่ 420 ของดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ตลอด 764 เกม ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เพียงแต่ ณ ตอนนั้นไม่มีใครว่านี่จะเป็นประตูสุดท้ายของ กุน ในอาชีพค้าแข้ง แม้แต่ตัวของเขาเองก็ตาม
อเกวโรรรรรรรรรรรรรรร่
คิดเราลืมใช่มั้ยล่ะ? ขอบอกเลยว่าไม่มีทางแน่นอน เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ทำให้ อเกวโร่ กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานไปไม่รู้จบในวงการฟุตบอลทั่วโลก
นาทีที่ 93 ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2011-12 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอกับ คิวพีอาร์ 2-2 ในบ้าน และจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้นเพื่อแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของพวกเขา แต่ถ้าจบด้วยสกอร์นี้ แชมป์ลีกก็จะตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริร่วมเมืองที่กำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
จากนั้นเหตุการณ์ตำนานก็เกิดขึ้น เมื่อ มาร์ติน ไทเลอร์ ผู้บรรยายเกมของ Sky sports กล่าวในเกมนั้นว่า “เกมจบแล้วครับที่ ซันเดอร์แลนด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเต็มที่แล้ว ประตูของ รูนี่ย์ เพียงพอให้พวกเขาคว้า 3 แต้ม ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังมีหวังอยู่”
“บาโลเตลลี่…อเกวโรรรรรรรรรรรรรรร่!”
เวลา 93:20 ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ ซิตี้ เช่นเดียวกันกับประตูของดาวยิงระดับตำนานผู้นี้ ผู้ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก พร้อมเป็นจุดเริ่มต้นสู่ยุคทองของสโมสรในเวลาต่อมา