รุกมันส์หลังแน่น! เจาะแผนการเล่น มาโน่ โพลกิ้ง คุมช้างศึกลุย ซูซูกิ คัพ

เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทีมชาติไทย จะลงทำศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ด้วยการเปิดสนามเจอกับ ติมอร์-เลสเต ที่สนาม สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคมนี้ และนี่จะเป็นการทำหน้าที่กุนซือเกมแรกอย่างเป็นทางการของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ในฐานะกุนซือคนใหม่ทัพ “ช้างศึก”

อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ยังคาดเดากันไม่ออกว่า เทรนเนอร์ชาวบราซิล จะเลือกใช้ระบบการเล่นแบบไหนกับทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 ซึ่งย้อนกลับไปสมัยอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เราเคยเห็นเฮดโค้ชรายดังกล่าวใช้แผนการเล่นอย่าง 4-3-3 และ 3-4-1-2 อยู่บ่อยครั้ง

โดยวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปวิเคราะห์กันว่า มาโน่ โพลกิ้ง จะเลือกแผนใดในการคุมทีมชาติไทย ลงสนาม และผู้เล่นคนไหนจะถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริงกันบ้าง

 

ระบบการเล่น : 4-3-3

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ฉัตรชัย บุตรพรม

กองหลัง : ธีราทร บุญมาทัน – เอเรียด ดอเราะ – มานูเอล ทอม เบียห์ร – นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม

กองกลาง : สารัช อยู่เย็น – ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ – ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

กองหน้า : สุภโชค สารชาติ – ธีรศิลป์ แดงดา – ชนาธิป สรงกระสินธ์

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแผนที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เคยเลือกใช้สมัยรับงานกุนซือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับระบบการเล่น 4-3-3 เน้นเกมรุกแบบเต็มรูปแบบ และน่าจะเป็นแผนที่เหมาะกับทีมชาติไทย มากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้

เริ่มต้นที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากเทียบกับ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งยังไม่ได้ลงเล่นกับ โอเอช ลูเวิน แม้แต่นัดเดียวในซีซั่นนี้ รวมถึง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่ผลงานช่วงหลังดูเป็นรองนายด่าน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พอสมควร

ส่วนตำแหน่งแนวรับ เอเรียด ดอเราะ และ มานูเอล ทอม เบียห์ร น่าจะยึดตัวจริง เนื่องจากทั้งคู่เคยเล่นด้วยกันมาแล้ว เกมที่บุกไปเยือน มาเลเซีย ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลงานของทั้งคู่จากแมตช์ดังกล่าวค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร ทว่าด้วยการถอนตัวของ พรรษา เหมวิบูลย์ ทั้งสองคนจึงกลายเป็นตัวเลือกซึ่งไว้ใจได้มากสุดในตอนนี้

ส่วนแบ็คทั้งสองฝั่งน่าจะเป็น ธีราทร บุญมาทัน และ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ตามที่หลายคนคาดหมายไว้ โดยเฉพาะฟูลแบ็คกัปตันทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา เจ้าตัวโชว์ผลงานยอดเยี่ยมสุด เล่นโดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ เพราะฉะนั้นเขาน่าจะเป็นตัวเลือกแรกของทีมในตำแหน่งของตัวเองแน่นอน

ขยับมาที่ตำแหน่งกองกลาง สารัช อยู่เย็น อาจถูกจับมาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับคอยปัดกวาดเกมก่อนมาถึงแผงเกมรับ ซึ่งเป็นบทบาทที่เขาเคยเล่นมาแล้วสมัยที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทัพ “ช้างศึก” ส่วนคู่กองกลางสองคน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คงเป็นตัวเรื่องแรกของ มาโน่ โพลกิ้ง แบบไม่ต้องสงสัย หลังกำลังทำผลงานยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด ทรู แบงค็อก ส่วนอีกคน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร อาจได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงต่อเนื่องจากเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และเชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นการประสานงานกันระหว่างเจ้าตัวกับรุ่นพี่อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์

ส่วนแนวรุกสามคน สุภโชค สารชาติ น่าจะถูกจับเยือนเป็นตัวริมเส้นด้านซ้าย เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นกับต้นสังกัด บุรีรัมย์ อยู่แล้ว ส่วน ชนาธิป จะยืนเป็นตัวริมเส้นด้านขวา ซึ่งทั้งสองคนสามารถพาบอลหักเข้ากลางเพื่อหาโอกาสยิงประตูได้ ขณะที่ศูนย์หน้าตัวเป้า จากสามคนที่ถูกเรียกติดทีม ธีรศิลป์ แดงดา ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของทีมแน่นอน แม้บางคนอาจจะมองว่าเขาไม่ได้สุดยอดเหมือนแต่ก่อนแล้วก็ตาม

 

ระบบการเล่น : 3-4-1-2

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ฉัตรชัย บุตรพรม

กองหลัง : มานูเอล ทอม เบียห์ร – เอเรียด ดอเราะ – ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์

กองกลาง : ธีราทร บุญมาทัน – สารัช อยู่เย็น – ชนาธิป สรงกระสินธ์ –  ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ – ทริสตอง โด

กองหน้า : ธีรศิลป์ แดงดา – ศุภชัย ใจเด็ด

อีกหนึ่งแผนซึ่งเฮดโค้ชาวบราซิล เชื้อสายเยอรมัน ใช้งานเป็นประจำตอนอยู่กับ “แข้งเทพ” นั่นคือระบบการเล่นแบบ 3-4-1-2 แผนซึ่งเน้นเปิดเกมรุกเต็มรูปแบบ แต่จุดอ่อนสำคัญคือเกมรับที่แลดูจะมีปัญหาพอสมควร อย่างไรก็ตามมีโอกาสไม่น้อยเช่นกันที่ มาโน่ อาจนำแผนมาใช้สำหรับลุยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020

เริ่มต้นที่แผงหลังระบบสามคน ทอม เบียห์ร น่าจะคุ้นเคยมากสุด เนื่องจากเขาเคยเล่นแผนนี้มาแล้วสมัยร่วมงานกับกุนซือชาวแซมบ้า ในถิ่น ทรู สเตเดี้ยม และน่าจะถูกจับยืนเป็นสตอปเปอร์ฝั่งขวา โดยมี เอเรียด เล่นกองหลังตัวกลางคอยบัญชาเกมรับให้กับทีม ส่วนอีกคน ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ มีโอกาสลงสนามมากว่า โจนาธาน เข็มดี เนื่องจากปราการหลัง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีประสบการณ์ลงเล่นบนเวทีระดับสูงอย่างศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว

ส่วนวิงแบ็คซ้าย ธีราทร เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งเหมือนเดิม เพราะนอกจากจะเล่นเกมรับได้ดีแล้ว ดาวเตะจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ยังสามารถเติมเกมขึ้นไปทางริมเส้นช่วยเพิ่มโอกาสการทำประตูจากลูกครอส ขณะที่ทางขวา ทริสตอง โด อาจได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะเขาเป็นแบ็คที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก แถมคุ้นเคยกับ มาโน่ เป็นอย่างดี

ขยับมาที่กองกลาง สารัช และ ฐิติพันธ์ ยังคงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม นอกจากนั้นทั้งคู่ยังเคยเล่นด้วยการในระบบแผนแบบนี้มาแล้วตอนอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่น 2020/2021 ซึ่งพวกเขามีส่วนสำคัญพาสโมสรคว้าแชทป์ไทยลีก เพราะฉะนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าทั้งสองคนจะกลับมาเล่นด้วยกันอีกครั้งในนามทีมชาติ โดยมี ชนาธิป ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกคอยสนับสนุนเกมแดนหน้า

กองหน้าสองคนแน่นอนว่า ธีรศิลป์ คือตัวเลือกแรกที่จะขาดไม่ได้ ส่วนคู่กองหน้าอีกคน ศุภชัย ใจเด็ด น่าจะถูกเลือกออกสตาร์ทเป็นจริงก่อน อดิศักดิ์ ไกรษร เนื่องจากผลงานช่วงหลังของดาวยิง “ปราสาทสายฟ้า” กำลังร้อนแรงทำประตูต่อเนื่อง แถมยังเคยมีประการณ์การลงเล่นศึกอาเซียน คัพ มาแล้วเมื่อ 3 ก่อน 

 

ระบบการเล่น : 4-2-3-1

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ฉัตรชัย บุตรพรม

กองหลัง : ธีราทร บุญมาทัน – เอเรียด ดอเราะ – มานูเอล ทอม เบียห์ร – นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม

กองกลาง : สุภโชค สารชาติ – พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล – วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ – ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ – ชนาธิป สรงกระสินธ์

กองหน้า : ธีรศิลป์ แดงดา

ส่วนแผนสุดท้ายที่ มาโน่ โพลกิ้ง อาจเลือกใช้กับทีมชาติไทย คือ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นระบบที่เขาเลือกใช้ตอนอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่นที่แล้ว ซึ่งผลงานถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว

เริ่มกันที่แนวรับ 4 คน จากซ้ายไปขวา หากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือใครได้รับบาดเจ็บกระทันหัน ธีราทร, เอเรียด, ทอม เบียร์ห และ นฤบดินทร์ น่าจะถูกเลือกให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแน่นอน แม้หลายอาจไม่ค่อยพอใจกับคู่เซ็นเตอร์คู่นี้เท่าไรก็ตาม

ส่วนกองกลาง ฐิติพันธ์ น่าจะถูกส่งลงเล่นคู่กับ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล เนื่องจากทั้งสองคนเป็นกองกลางสไตล์ Box to Box เล่นได้ดีทั้งเกมรุกและรับ นอกจากนั้นต้นสังกัดของทั้งสองคนเป็นทีมที่เล่นระบบ 4-2-3-1 อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก

ส่วนมิดฟิลด์ตัวบน 3 คน ริมเส้นด้านซ้าย สุภโชค น่าจะถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริง ขณะที่ ชนาธิป ยืนทางริมเส้นด้านขวา แต่ที่น่าจับตามองคือกองกลางตัวรุกตรงกลาง เป็นไปได้ว่า วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ อาจได้รับโอกาสก่อน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร รวมถึง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ เนื่องจากผลงานของแข้งป้ายแดง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับต้นสังกัดเก่า ชลบุรี เอฟซี ก่อนหน้านี้ กำลังร้อนแรงสุดๆ ทำได้ดีทั้งการจบสกอร์อันเฉียบคม แถมมีจังหวะสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมที่เฉียบคม ดูแล้ว ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ อาจเป็นเวทีแจ้งเกิดของ “เจ้ายิม” กับทัพ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ก็เป็นได้

ส่วนหน้าเป้า ธีรศิลป์ คือความหวังเบอร์หนึ่งของทีมตอนนี้ และด้วยการประสานงานร่วมกับแนวรุกที่สร้างสรรค์โอกาสได้ดีอย่าง วรชิต, สุภโชค และ ชนาธิป เชื่อได้เลยว่าหัวหอกจาก “เดอะ แรบบิท” มีลุ้นทำผลงานได้ดีอีกครั้งในศึดฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หลังเคยคว้าตำแหน่งดาวซันโวมาแล้วเมื่อปี 2008, 2012 และ 2016

 

มาโน่