หนักกว่าปืน : หงส์แดงกับการคว้ารองแชมป์ลีกแบบสุดช้ำปี 2019

หนักกว่าปืน : หงส์แดงกับการคว้ารองแชมป์ลีกแบบสุดช้ำปี 2019

กลายเป็นอีกฤดูกาลที่น่าเจ็บใจสำหรับแฟนๆ ‘ปืนใหญ่’ หลัง อาร์เซน่อล ทีมรักของพวกเขา ที่อุตส่าห์มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในรอบ 19 ปี ดันมาแผ่วปลาย จนโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์ลีกไปครองในฤดูกาล 2022-23

การคว้ารองแชมป์ ถือเป็นสิ่งที่เกินคาด สำหรับสาวก ‘กูนเนอร์ส’ หลายคนแน่นอน เพราะแรกเริ่มเดิมที เป้าหมายคือการจบท็อปโฟร์ให้ได้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็อดเสียดายไม่ได้ ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ ทั้งที่อยู่เป็นจ่าฝูงนานถึง 248 วัน

แต่ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ไม่ใช่รองแชมป์ที่ช้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกหรอก เพราะหากย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน หรือฤดูกาล 2018-19  ลิเวอร์พูล ต่างหากที่น่าจะเจ็บปวดมากที่สุดจากการเป็นรองแชมป์ 

ณ เวลานั้น ‘หงส์แดง’ ดีพร้อมไปทุกอย่าง อีกทั้งยังพัฒนาฟอร์มการเล่นและแทคติดต่างๆ ได้ดีกว่าปีก่อนๆ อย่างชัดเจน และ ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกไปครองตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว  ถ้าไม่มีชายที่ชื่อ เป็ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมสีฟ้าจากเมืองแมนเชสเตอร์

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปย้อนสถิติสุดยอดของ ลิเวอร์พูล ที่เหนือกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19  แต่ก็ยังดีไม่พอกับการแชมป์ลีกในช่วงเวลานั้นอยู่ดี

 

รองแชมป์แต้มเยอะที่สุด

Why the 2018/19 Premier League season is the best ever... and the stats  that prove it - Eurosport

หลังจบฤดูกาล 2018-19 ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมรองแชมป์ที่ทำแต้มได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก โดยเก็บไปได้ทั้งสิ้น 97 แต้มจากการแข่งขันทั้งหมด 38 นัด ทุบสถิติในการเป็นรองแชมป์ที่แต้มมากสุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่ เรอัล มาดริดเคย ทำสถิติไว้ 96 แต้มเมื่อฤดูกาล 2009-10 แต่เรื่องนี้กลับยิ่งตอกย้ำความชอกช้ำเข้าไปอีก

97 คะแนนที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้ นั้นดีเกินพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงแชมป์ลีกสมัยดิวิชั่นหนึ่งได้ทุกฤดูกาลด้วยซ้ำ ยกเว้นแค่ฤดูกาล 2018-19 กับฤดูกาล 2017-18 ที่ แมนฯซิตี้ ทำแต้มได้มากกว่าพวกเขาเท่านั้น 

และนอกจากนี้ ‘หงส์แดง’ ยังเป็นทีมแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดีที่แพ้แค่นัดเดียวตลอดทั้งฤดูกาล แต่ยังไม่ดีพอในการคว้าแชมป์ลีกซะอย่างนั้น

 

ดาวซัลโวแพ็คคู่

Liverpool's Mohamed Salah and Sadio Mane make Champions League Team of the  Week | Goal.com UK

ใครที่เคยบอกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คงเป็นได้แค่แข้งดวงดีที่ดังพลุแตกแค่ปีเดียว คงจะต้องเสียหน้าไม่น้อย เมื่อดาวเตะชาวอียิปต์ ก็ยังคงยิงให้ ลิเวอร์พูล ได้อย่างต่อเนื่องในฤดูกาลดังกล่าว แม้มาตรฐานอาจจะไม่สูงเท่าปีแรก แต่ก็ช่วยให้ ‘หงส์แดง’ กวาดแต้มสำคัญมากได้มากมายในปีนี้

และที่สำคัญ ซาลาห์ ไม่จำเป็นต้องแบกทีมคนเดียวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ยกระดับตัวเองให้กลายเป็นเพชรฆาตในกรอบเขตโทษและทำประตูได้มากมายไม่ต่างจากซาลาห์ เลย จนมีชื่ออยู่บนๆ ของตารางดาวซัลโวลีกตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นมา

ท้ายที่สุด ทั้งคู่ซัดประตูให้ ‘เรด แมชชีน’ ไปคนละ 22 ลูกในลีก คว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำประจำฤดูกาลนี้ร่วมกับ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้าของอาร์เซน่อล ณ เวลานั้น และเป็นครั้งแรกที่มีนักเตะจากทีมเดียวจะคว้ารางวัลนี้ร่วมกัน แม้ว่ามันก็ไม่ช่วยให้ ลิเวอร์พูลก้าวไปสู่แชมป์ลีกได้ก็ตาม

นักเตะกวาดรางวัลเยอะที่สุด

Virgil van Dijk named PFA Players' Player of the Year - Liverpool FC

นอกเหนือจากรางวัลดาวซัลโวประจำลีกที่ ซาลาห์ กับ มาเน่ ได้คว้าไปครองร่วมกัน ก่อนหน้านี้ยังมีแข้ง ‘หงส์แดง’ อีกคนที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกวาดรางวัลต่างๆ มาประดับบารมีด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ ในปีนี้ไปครอง รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ด้วย

ส่วนอีกคนก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารจอมหนึบของทีมที่คว้ารางวัลถุงมือทองคำหลังเก็บคลีนชีตที่ 21นัดในฤดูกาลนี้ โดยเฉือนเอาชนะ เอแดร์ซอน ของมือกาวร่วมชาติของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่นัดเดียวเท่านั้น

แม้รางวัลเหล่านี้จะไม่ต่างกับสิ่งปลอบใจที่ช่วยให้เดอะ ค็อป พอจะยิ้มออกได้อยู่บ้าง แต่ผลงานที่ทีมได้ทำในฤดูกาลดังกล่าว คือสิ่งที่คอบอลพรีเมียร์ลีก จะจดจำไปอีกนานแสนนาน

  

แบ็ค 2 ข้างจอมแอสซิสต์

FPL watchlist: Double up on Liverpool duo

ในฤดูกาล 2018-19 คงไม่มีแบ็คคนไหนที่มีฟอร์มการเล่นโดดเด่นไปกว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แล้ว ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจนติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอในปีนี้ คงจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่เก่งกาจแค่ไหน

มากไปกว่านั้น แบ็คซ้าย-ขวาของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้มีดีแค่การเล่นเกมรับเท่านั้น แต่ยังทีเด็ดในการเติมเกมรุกอีกด้วย เพราะพวกเขาแอสซิสต์ร่วมกันถึง 23 ลูกในลีก โดยแบ่งเป็น อาร์โนล์ด 12 ลูก ซึ่งทำลายสถิติกองหลังที่แอสซิสต์มากที่สุดในประวัติศาสร์พรีเมียร์ลีก ส่วน โรเบิร์ตวันก็ทำสถิติแอสซิสต์ได้ 11 ลูก เท่ากับเจ้าของสถิติเดิมของ 2 แบ็คเอฟเวอร์ตัน อย่าง เลห์ตัน เบนส์ ในปี 2010-2011 และ แอนดี้ ฮินช์คลิฟฟ์ ในปี 1994-95

 

เสียประตูน้อยที่สุด

Liverpool FC 2018-19 Review, Part 4: Underperformers and Overachievers -  The Liverpool Offside

การเข้ามาของ ฟาน ไดจ์ค ช่วยยกระดับเกมรับในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สูงขึ้นอีกขั้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากการพาทีมเข้าไปเล่นในรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่การมาของนายทวารที่ชื่อว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยิ่งทำให้เกมรับของยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์แข็งแกร่งมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว

ตำแหน่งผู้รักษาที่เคยเป็นจุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล มานานหลายปีก็ลดน้อยลงไปนับตั้งแต่ นายด่านแซมบ้า ก้าวเข้ามาในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับปรับตัวเข้ากับลีกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นหนึ่งในมือกาวที่ดีที่สุดในลีกอย่างไม่มีข้อข้องใจใดๆทั้งสิ้น และคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครองอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้

รวมไปแผงหลังคนอื่นๆ ในทีมก็ยกระดับการเล่นของตัวเองให้สูงขึ้นจนสถาปนาให้ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีเกมรับเหนียววแน่นที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี โดยเสียประตูไป 22 ลูกในฤดูกาลนี้ น้อยกว่าแมนซิตี้ทีมแชมป์ที่เสียไป 23 ลูก น่าเสียดายที่มันยังเพียงพอให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในรอบ 29 ปี

แต่ก็ยังดีที่ฤดูกาล 2019-20 ลิเวอร์พูล ยังสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งช่วยเยียวยาจิตใจของ เดอะ ค็อป ที่ชอกช้ำมาจากปีก่อนได้เป็นอย่างดี และน่าจะเป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล นำมาใช้เป็นบทเรียนได้แน่นอน หากยังหวังลุ้นแชมป์ต่อไปในฤดูกาลหน้า

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่ใช่แนว : 8 แข้งผู้หาญกล้าปฏิเสธบาร์เซโลน่า
ไม่ใช่แนว : 8 แข้งผู้หาญกล้าปฏิเสธบาร์เซโลน่า