เมสซี่,โด้ยังทำไม่ได้ : มิไฮโลวิชกับแฮตทริกฟรีคิกกับลาซิโอ

เมสซี่,โด้ยังทำไม่ได้ : มิไฮโลวิชกับแฮตทริกฟรีคิกกับลาซิโอ

ถือเป็นข่าวเศร้าของวงการฟุตบอล เมื่อ ซินิซ่า มิไฮโลวิช อดีตกองหลังทีมชาติยูโกสลาเวีย อำลาโลกหลังต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน ด้วยวัย 53 ปี

อดีตกุนซือ โบโลญญ่า เข้ารักษาตัวจากโรมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย หลังถูกตรวจพบตั้งเเต่ปี 2019 เข้ารักษาตัวหลายครั้งเเต่เหมือนจะดีขึ้นกลับมาคุมทีมได้อีกคำรบหนึ่ง ทว่าอาการของเขาก็ทรุดตัวลงในเวลาต่อมา ก่อนลาโลกไปอย่างสงบ หลังต่อสู่กับโรคร้ายมานาน 3 ปี

อดีตแนวรับวัย 53 ปี ถือเป็นนักเตะชื่อก้องอีกคนในยุค 90 ทั้งการพา เร้ดสตาร์ เบลเกรด คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ก่อนกลายเป็นดาวเด่นในลีกอิตาลี ที่เคยเล่นให้ทั้ง โรม่า, ซามพ์โดเรีย, ลาซิโอ หรือ อินเตอร์ มิลาน

อย่างไรก็ตาม แม้เป็นกองหลัง แต่ มิไฮโลวิช ก็ขึ้นเรื่องการทำประตูสุดๆ โดยเฉพาะลูกนิ่ง ลูกฟรีคิก ที่สามารถทำประตูได้บ่อยๆ และถูกยกให้เป็นเบอร์ต้นๆในด้านนี้ ไม่แพ้ เดวิด เบ็คแฮม หรือ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ อีกด้วย

มากกว่าไปนั้น เขายังเป็นนักเตะไม่กี่คนในวงการที่สามารถแฮตทริกด้วยการยิงฟรีคิก โดยเกิดขึ้นในปี 1998 ที่แฟนบอลหลายคนจดจำได้ขึ้นใจ และ UFA ARENA จะพาไปย้อนเหตุการณ์วันนั้นผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

ฝึกฝนลูกนิ่งโดยไม่รู้ตัว

The Shooter

มิไฮโลวิช เกิดในวูโควาร์ ในประเทศยูโกสลาเวีย ซึ่งปัจจุบันคือประเทศโครเอเชีย โดยมีพ่อเป็นชาวเซิร์บที่มาจาก บอสเนีย และแม่เป็นชาวโครแอต แม้จะเล่นบอลเหมือนเด็กทั่วไปในยุคนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ชื่นชอบมันมากนัก 

ทว่าสิ่งที่เขาชอบมากกว่าและทำอยู่เป็นประจำคือการเตะลูกนิ่ง ซึ่งเป็นการเตะบอลเข้าประตูไปมา และกลับมาเตะอีกเรื่อยๆ และนั่นกลายเป็นการฝึกฝนแบบที่เขาไม่รู้ตัว 

“เมื่อผมยังเป็นเด็ก ผมไม่ชอบเล่นฟุตบอล ชอบแค่เตะบอลเท่านั้น ทุกๆวันผมจะเดินเท้าไปราวๆ 2 กิโลเมตร ไปถึงสนามที่มีประตูใหญ่ แต่ไม่มีตาข่าย ผมเตะมัน และกลับไปเอาบอลมาเตะใหม่อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นผมก็ฝึกกับประตูโรงรถ จนมีรอยบุบหลายรอยเลย ผมเตะต่อไปเรื่อยๆแบบไม่หยุดพักนานราวๆ 4-5 ชั่วโมงเลย” อดีตแข้งชาวเซิร์บ เคยกล่าวไว้

การฝึกนั้นเองที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลูกนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นลูกโค้ง ลูกหมุด หรือจากตำแหน่งไหนๆ เขาก็เคยทำประตูจากฟรีคิกได้เกือบหมด อีกทั้งยังเคยพยายามยิงประตูจากลูกเตะมุมโดยตรงด้วย

ในฐานะมือสังหารลูกนิ่ง เขาสร้างชื่อในด้านนี้ตั้งแต่เล่นกับ เร้ดสตาร์ เบลเกรด แล้ว หลังเคยซัดได้ 15 ประตูในช่วงฤดูกาล 1991-92 ร่วมไปถึงช่วงแรกในอิตาลีที่เล่นให้กับ โรม่า และ ซามพ์โดเรีย ทั้งเกมที่ยิงให้ ‘จัลโลรอสซี่’ ในเกมพบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1992-93 หรือยิงให้ ‘ลา ซามพ์’ ในเกมพบ เอซี มิลาน ณ ศึกซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า ในปี 1994

 

จุดเริ่มต้นตำนานลีกเลี่ยน

RIP Mihajlović: When Serie A icon scored free-kick hat-trick

ทว่าช่วงที่ มิไฮโลวิช กลายเป็นตำนานใน เซเรียอา อย่างแท้จริง คือช่วงเวลาที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ ลาซิโอ ในปี 1998 ในยุคที่ เซร์จิโอ คราญอตติ เป็นเจ้าของทีม โดยมี สเวน โกรัน อีริคส์สัน เป็นผู้จัดการทีม

ซึ่งในเวลาเดียวกันก็ดึงนักเตะชื่อดังทั้ง มาร์เซโล ซาลาส, เซร์คิโอ คอนไซเซา, อิวาน เด เปญ่า เฟร์นานโด คูโต้, คริสเตียน วิเอรี่ และ เดยาน สแตนโควิช ในช่วงที่เป็นดาวรุ่ง โดยการเสริมทัพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974

หลังย้ายมากรุงโรม ได้ไม่นาน อดีตแนวรับทีมชาติยูโกสลาเวีย ก็คว้าแชมป์แรกของแดนมักกะโรนีทันที หลังช่วยให้ ลาซิโอ เอาชนะ ยูเวนตุส 2-1 ในศึกซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย  

อย่างไรก็ตาม ‘อินทรีฟ้าขาว’ ออกสตาร์ทในลีกได้ไม่ดีนัก เมื่อชนะเพียง 3 จาก 11 เกมแรกในลีก ก่อนกลับมาทำผลงานได้น่าประทับใจในเกมบุกไปชนะ ยูเวนตุส 1-0

ในช่วงนั้นทีมรั้งอันดับ 6 ตามหลัง ฟิออเรนติน่า จ่าฝูงอยู่ 8 แต้ม และด้วยสถานการณ์นี้ทำให้เกิดวีรบุรุษในทีม และคนๆนั้นก็คือ มิไฮโลวิช นั่นเอง

 

แฮตทริกฟรีคิกตามรอย ซินญอรี่

ตลอดอาชีพค้าแข้งใน เซเรียอา มิไฮโลวิช ยิงไปทั้งหมด 38 ประตู โดย 28 ประตูเหล่านั้นมาจากฟรีคีกล้วนๆ และมีเพียง อันเดรีย ปีร์โล่ เท่านั้นที่ทำประตูจากลูกนิ่งได้มากกว่าเขา 

แต่ในขณะเดียวกันก็มีนักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ลีกแดนมักกะโรนี ที่สามารถทำแฮตทริกได้จากลูกนิ่ง นั่นก็คือ เบ็ปเป้ ซินญอรี่ ตำนานแข้งของ ลาซิโอ ที่ทำได้ในเกมพบ อตาลันต้า เดือนเมษายนปี 1994

แต่หลังจากนั้น 4 ปี แนวรับชาวเซิร์บ กำลังตามรอย อดีตกองหน้าชาวอิตาเลี่ยน อย่างที่เขาอาจไม่รู้ตัว โดยเกิดขึ้นในเกมพบ ซามพ์โดเรีย ที่มี ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ในวัยหนุ่มคุมทัพอยู่ เมื่อเดือนธันวาคมปี 1998

อินทรีฟ้าขาว ได้ฟรีคิกในนาทีที่ 29 ในระยะนอกหัวกระโหลกเพียงนิดเดียว ก่อนที่เขาจะบรรจงซัดด้วยซ้ายจนบอลโค้งผ่านมือของ ฟาบริซิโอ เฟร์โรนี่ เข้าไป

แม้ ฟรานเชสโก้ พัลมิเอรี่ จะยิงจุดโทษให้ ลา ซามพ์ ตีเสมอได้ในเวลาต่อมา ทว่า พวกเขาก็มาโดนทีเด็ดลูกนิ่งของ แนวรับ ลาซิโอ อีกในช่วงท้ายครึ่งแรกในระยะร่วมๆ 30 หลา ที่โค้งหนีมือของ เฟร์โรนี่ เข้าไปอีกครั้ง

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะในนาทีที่ 52 อดีตดาวเตะ เร้ดสตาร์ เบลเกรด ก็มายิงฟรีคิกอีกลูก ซึ่งมีระยะที่ไกลกว่า 2 ลูกแรก แต่เขาก็กดเต็มแรง จนบอลพุ่งและโค้งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ ลาซิโอ นำห่างเป็น 3-1

แม้ พัลมิเอรี่ จะจุดโทษไล่ตามมาเป็น 2-3 แต่ สแตนโควิช กับ ซาลาส ก็ยิงคนละลูกให้ ลาซิโอ เอาชนะไปแบบขาดลอย 5-2

 

ตำนานลูกนิ่งตัวจริง

Serie A: Sinisa Mihajlovic dies: Farewell to the best free-kick taker in  history? | Marca

จริงๆ ลาซิโอ ควรคว้าแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ปีนั้นแล้ว หลังขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ได้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ทว่าการไปสะดุดแพ้ 2 เกมต่อติด โรม่า และ ยูเวนตุส ทำให้ เอซี มิลาน ทำแต้มไล่จี้มาติด และการพลาดเสมอนัดรองสุดท้ายแก่ ฟิออเรนติน่า ก็ทำให้พวกเขาถูก ‘รอสโซเนรี่’ แซงหน้าไป และพลาดแชมป์ลีกด้วยการตามหลังแค่แต้มเดียว

อย่างไรก็ตาม ปีนั้น ทีมจากกรุงโรมก็ไม่ได้จบมือเปล่า หลังคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนมาแก้ตัวได้ในฤดูกาลถัดมาด้วยการคว้าแชมป์ เซเรียอา ได้ในรอบ 26 ปี รวมไปถึงคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ โคปปา อิตาเลีย ในฤดูกาล 1999-2000 ด้วย

อีกทั้งนั่นเป็นช่วง 2 ปีที่ มิไฮโลวิช เฉิดฉายสุดๆ ด้วยการทำไป 21 ประตูในทุกรายการ ทว่าจากนั้น โค้ชชาวสวีดิช ก็ย้ายไปคุมทีมชาติอังกฤษ ขณะที่ยุครุ่งเรืองของ ลาซิโอ ภายใต้การบริหารของ คราญอตติ ก็ค่อยพังครืนลงมา เนื่องจากปัญหาด้านการเงิน จนต้องทยอยขายสตาร์ดังออกไปเพื่อรักษาสมดุลการเงินในทีม

ดาวเตะชาวเซิร์บ ยังเล่นอยู่ในโรมต่อไป และพาทีมคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย อีกสมัย ก่อนย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลานในปี 2004 โดยคว้าแชมป์ลีกเพิ่มอีกสมัย และบอลถ้วยอีก 2 สมัย ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2006

99 ลูกคือจำนวนที่ มิไฮโลวิช ทำประตูได้ในอาชีพค้าแข้ง แต่ไม่มีประตูจากเกมนั้นที่น่าจดจำไปมากกว่านัดที่ทำกดแฮตทริกได้ด้วยการยิงฟรีคิกอีกแล้ว

แม้ต่อให้โรคร้ายทำให้เขาลาโลกไปแบบไม่มีวันกลับ แต่ตำนานและประตูที่อดีตกองหลังวัย 53 ปี สร้างไว้จะยังอยู่ต่อไป และไม่มีทางหายไปจากความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลกอย่างแน่นอน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บังเอิญไปมั้ย? : 5 ลูกทีมมูรินโญ่ผู้เข้าชิงบอลโลก
บังเอิญไปมั้ย? : 5 ลูกทีมมูรินโญ่ผู้เข้าชิงบอลโลก