ฟุตบอลโลก 2022 ปิดฉากลงไปเรียบร้อยด้วยชัยชนะของ อาร์เจนติน่า เหนือ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า ในการดวลจุดโทษชี้ขาด 4-2 หลังเสมอกันแบบสุดมันส์ 3-3 ในช่วงเวลา 120 นาที เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครอง
ตลอดเวลา 1 เดือนเต็มนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 18 ธันวาคม ทัวร์นาเม้นต์ชิงแชมป์โลก ณ ประเทศกาตาร์ เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดน่าสนใจ, เหตุการณ์ที่น่าจดจำมากมาย รวมไปถึงสถิติต่างๆที่เกิดขึ้นในรายการนี้
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอรวบรวมบทสรุปที่เป็นที่สุดของเวิลด์คัพฉบับเอเชีย หนที่ 2 ทั้งสถิติต่างๆ หรือเหตุการณ์ที่เรายกให้เป็นที่สุดในทัวร์นาเม้นต์หนนี้
ยิงเยอะสุด : คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (8 ประตู)
ถึงแม้ไม่สามารถพา ฝรั่งเศส ป้องกันแชมป์โลกได้ แต่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ก็คว้าดาวซัลโวในปีนี้มาครองด้วยจำนวน 8 ประตู (ออสเตรเลีย 1, เดนมาร์ก 2, โปแลนด์ 2, อาร์เจนติน่า 3) ซึ่งถือเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงในบอลโลกได้ถึง 8 ประตู นับตั้งแต่ โรนัลโด้ เคยทำได้ในปี 2002
อีกทั้ง ดาวเตะจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ในนัดชิงชนะเลิศของบอลโลก ในรอบ 56 ปี หรือนับตั้งแต่ที่ เจฟฟ์ เฮิร์ตส์ อดีตกองหน้าทีมชาติเคยทำได้ในนัดชิงปี 1966
มากไปกว่านั้น เอ็มบัปเป้ ยังมีโอกาสทำลายสถิติต่างๆในอนาคต ทั้งยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์เวิลด์คัพของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่ยิงไป 16 ประตู หลังยิงไปแล้ว 12 ประตู จากการลงเล่นเพียง 14 นัดเท่านั้น
แอสซิสต์มากสุด | ลิโอเนล เมสซี่ (3 แอสซิสต์)
อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้ ส่วนหนึ่งต้องบอกว่ามาจากความหัศจรรย์ของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่สร้างสรรค์ทุกอย่างให้ทีมมาตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มยันนัดชิงชนะเลิศ
นอกเหนือจาก 7 ประตูที่เขาทำได้ในเวิลด์คัพที่ กาตาร์ แล้ว ดาวเตะเลือดฟ้าขาว ยังเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดด้วยกับ 3 แอสซิสต์ โดยเท่ากับ อองตวน กรีซมันน์ และ บรูโน่ เฟร์นานเดส ที่ได้ 3 ลูกเท่ากัน
เด็กสุดในบอลโลก | ยูซุฟฟา มูโกโก้ (18 ปีกับ 3 วัน)
ชื่อของ ยูซุฟฟา มูโกโก้ ได้รับการจับตามองมาตั้งแต่สมัยเล่นในทีมเยาวชนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แล้ว หลังทำผลงานได้โดดเด่นเกินหน้าเกินตานักเตะวัยเดียวกัน พร้อมถูกดันขึ้นชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
และในวัน 18 ปี ดาวรุ่งจาก เสือเหลือง ก็ได้สัมผัสฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก หลังถูก ฮานซี่ ฟลิค เรียกติดทีมชาติเยอรมันไปด้วย พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดของ อินทรีเหล็ก ที่ลงเล่นในเวิลด์คัพ หลังได้ลงสนามในเกมพ่าย ญี่ปุ่น 2-1
โดยในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน มูโกโก้ ก็ครองสถิติเป็นนักเตะที่ประเดิมทีมชาติเยอรมันอายุน้อยสุด นับตั้งแต่ อูเว่ ซีเลอร์ เคยทำไว้ในปี 1954
ดาวรุ่งโดดเด่นสุด | เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนติน่า)
ในฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นอีกปีที่มีดาวรุ่งหลายคนโผล่ขึ้นมาฉายแสงให้เแฟนบอลทั่วโลกได้ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็น จู้ด เบลลิ่งแฮม (อังกฤษ), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (โครเอเชีย), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์) หรือ อัซเซดีน อูนาฮี (โมร็อกโก)
อย่างไรก็ตาม คนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาดาวรุ่งคงหนีไม่พ้น เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กองกลางตัวรับทีมชาติอาร์เจนติน่า ผู้ปิดทองหลังพระพาทีมคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3
แม้ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองใน 2 เกมแรกรอบแบ่งกลุ่ม แต่หลังฟอร์มที่แจ่มจรัสในเกมเอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ที่ยิงประตูได้ กองกลางจาก เบนฟิก้า ก็ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเรื่อยมา พร้อมประสานกับ โรดริโก้ เดอ ปอล และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้อย่างยอดเยี่ยม
ไม่แปลกที่หลังจากนี้ ชื่อของ เฟร์นานเดซ จะได้รับความสนใจจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ที่ตอนนี้มีข่าวว่าเตรียมยื่นข้อเสนอให้พิจารณาแล้ว
ทีมยิงประตูเยอะสุด | ฝรั่งเศส (16 ลูก)
แม้จะขาดแนวรุกที่ฟอร์มเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้ง คาริม เบนเซม่า และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู แต่เกมรุกของ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ก็ยังดุดันไม่เกรงใจใครตั้งแต่นัดแรกยันเกมนัดชิงชนะเลิศ
ทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กดไปถึง 16 ประตู จากทั้งหมด 7 นัด แสดงให้เห็นถึงความเฉียบในเกมรุกที่นำมาโดย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เจ้าของดาวซัลโวในรายการนี้กับ 8 ประตู ขณะที่เกมรับของทีมก็เสียไป 8 ลูก
ทีมเกมรับเหนี่ยวหนึบสุด | โมร็อกโก
ถ้านับจำนวนประตูที่เสียไป โมร็อกโก อาจไม่ใช่ทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด หลังเสียไป 5 ลูกจากการเล่นทั้งหมด 7 นัด ทว่าหากพูดถึงการเล่นเกมรับเป็นเพียวๆ พวกเขาก็ถือเป็นทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดในด้านนั้นแล้ว
นอกเหนือจากสร้างเซอร์ไพรส์เป็นชาติจากแอฟริกาทีมแรกที่เข้าถึงรอบตัดเชือกในบอลโลก สิงโตแอตลาส ยังทำคลีนชีทไป 4 นัด มากที่สุดในเวิลด์คัพหนนี้ อีกทั้งสิ่งที่การันตีความยอดเยี่ยมในเกมรับของพวกเขาได้อย่างดีก็คือ มีเพียง ฝรั่งเศส กับ โครเอเชีย เท่านั้นที่ยิงพวกเขาได้ในเวิลด์ คัพ โดยทำไปทีมละ 2 ลูกเท่ากัน
ขณะที่รอบแบ่งกลุ่มที่เขาเสียประตูแค่ลูกเดียวให้กับ แคนาดา นั้นมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ นาเยฟ อาเกิร์ด กองหลังจาก เวสต์แฮม
ยิงกันมากสุดในประวัติศาสตร์ | 142 ลูก
เชื่อว่าก่อนทัวร์นาเม้นต์ที่ กาตาร์ จะเปิดฉาก คงไม่มีใครคิดว่านี่จะเป็นฟุตบอลโลกที่ยิงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ กับจำนวนทั้งหมด 172 ประตู จากแมตช์การแข่งขันทั้งหมด 64 นัด แซงหน้าฟุตบอลโลก 1998 และ 2014 ซึ่งยิงไป 171 ประตู
โดยเวิลด์คัพ 2022 มีสถิติค่าเฉลี่ยในการยิงประตู 2.7 ประตูต่อเกม ซึ่งแมตช์ที่ทำประตูกันมากสุดคือเกมที่ สเปน ถล่มเอาชนะ คอสตาริก้า 7-0 และ โปรตุเกส ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1
อย่างไรก็ตาม บอลโลก ที่มีค่าเฉลี่ยการยิงประตูมากสุด คือปี 1954 ที่ตลอดทัวร์นาเมนต์ยิงกันไปทั้งหมด 140 ประตู จากการลงสนาม 26 นัด หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย 5.7 ประตูต่อเกม
นายด่านฟอร์มหนึบสุด | เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า)
จากที่เป็นผู้รักษาประตูที่ถูกลืมมาเกือบ 10 ปี กับ อาร์เซน่อล ณ ตอนนี้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ กลายเป็นนายทวารแชมป์โลกไปแล้วเรียบร้อย หลังเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกไปครอง
นายด่านวัย 30 ปี ได้โอกาสแจ้งเกิดจริงๆกับ ปืนใหญ่ ในช่วงคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2020 ก่อนเลือกย้ายไป แอสตัน วิลล่า เพื่อโอกาสลงเล่นที่สม่ำเสมอ และทำให้เขาได้โอกาสประเดิมเฝ้าเสาให้ ฟ้าขาว เป็นหนแรกในปี 2021
นับตั้งแต่นั้น มาร์ติเนซ ก็กลายเป็นมือหนึ่งให้ทีมชาติมาโดยตลอด ทั้งชุดคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 2021 ที่โชว์ฟอร์มเหนี่ยวหนึบตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ เช่นเดียวกับในบอลโลกหนนี้ที่เซฟกระจายไม่กัน จนคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครองแบบไร้ข้อกังขา
ทีมขวัญใจแฟนบอล | โมร็อกโก
แรกเริ่มเดิมทีไม่มีใครคิดว่า โมร็อกโก จะหาญกล้าทะลุมาถึงรอบรองชนะเลิศอย่างแน่นอน หลังอยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างแข็งเอาเรื่อง ทั้ง โครเอเชีย รองแชมป์เมื่อ 4 ปีก่อน, เบลเยี่ยม ทีมอันดับ 3 ในปี 2018 หรือแม้กระทั่ง แคนาดา ที่โดดเด่นไม่น้อยในช่วงหลัง
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ สิงโตแอตลาส กลับทะยานขึ้นคว้าอันดับ 1 ของกลุ่มโดยไม่แพ้ใคร แถมเอาชนะ เบลเยี่ยม ที่หลายคนมองว่าเป็นยุคทองได้อย่างเหลือเชื่อ และเมื่อผ่านไปรอบน็อคเอ้าท์ ทีมของ วาลิด รากรากี ก็ค่อยแผลงฤทธิ์ออกมาเรื่อยๆ ทั้งการปราบ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษ หลังยันเสมอได้ตลอด 120 นาที หรือเกมที่เฉือน โปรตุเกส 1-0
แม้ไปจอดในรอบตัดเชือก หลังพ่ายให้กับ ฝรั่งเศส รวมไปถึงพ่ายให้กับ โครเอเชีย ในเกมชิงอันดับ 3 แต่ก็มั่นใจได้ว่า โมร็อกโก มาไกลเกินกว่าที่พวกเขาฝันไว้ และไม่มีลบล้างประวัติศาสตร์ที่พวกเขาสร้างไว้ในเวิลด์คัพที่ กาตาร์ ได้แน่นอน
ช้ำมากที่สุด | ฝรั่งเศส
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก มีแค่ 2 ชาติเท่านั้นที่เคยป้องกันแชมป์โลกได้ 2 สมัยติด นั่นก็คือ อิตาลี ในปี 1938 กับ 1942 และ บราซิล ในปี 1958 กับ 1962 นั่นทำให้ ฝรั่งเศส หมายหมั่นปั้นมือว่าพวกเขาจะกลายเป็นชาติที่ 3 ที่ถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์
อาถรรพ์แชมป์เก่า ไม่สามารถทำอะไร ตราไก่ ได้เลย หลังทำผลงานแจ่มตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ลากยาวไปจนถึงรอบน็อคเอ้าท์ ที่เอาชนะทั้ง โปแลนด์, อังกฤษ และ โมร็อกโก ม้ามือประจำรายการ จนเข้าไปดวลนัดชิงกับ อาร์เจนติน่า
หากคว้าแชมป์ที่กาตาร์ ทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็จะกลายเป็นชาติแรกที่ป้องกันแชมป์โลกได้ในรอบ 60 ปี และมีโอกาสทำได้ด้วย เมื่อสามารถตามตีเสมอได้ 2-2 รวมไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษที่ไล่ตีเสมอเป็น 3-3
จริงๆ เลอ เบลอส์ มีโอกาสจบเกมแล้ว การที่ลูกยิงหลุดเดี่ยวของ โคโล่ มูอานี่ ไปติดเซฟของ มาร์ติเนซ ทำให้ต้องมาลุ้นหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งสุดท้าย ฟ้าขาว กลายเป็นฝ่ายที่เยือกเย็น และเด็ดขาดว่า คว้าแชมป์โลกไปครอง
นี่กลายเป็นความแพ้พ่ายครั้งที่ 2 ในนัดชิงชนะเลิศของฝรั่งเศส หลังเคยช้ำมาแล้วในปี 2006 ที่พ่ายแบบเดียวกันช่วงดวลจุดโทษกับ อิตาลี
นักเตะยอดเยี่ยมที่สุด | ลิโอเนล เมสซี่
ตำแหน่งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเหนือจาก ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ในที่สุดก็สมหวังกับการเป็นแชมป์โลกเสียที หลังลงเล่นในบอลโลกมาเป็นสมัยที่ 5 ซึ่งเจ้าตัวเปรยว่าจะเวิลด์คัพ ครั้งสุดท้ายแล้ว
จริงๆแล้ว อดีตแข้ง บาร์เซโลน่า มีโอกาสคว้าแชมป์โลกตั้งแต่ปี 2014 แล้ว หลังได้เข้าไปชิงกับ เยอรมัน ทว่าสุดท้ายก็อกหักพ่ายไป หลังโดนประตูโทนของ มาริโอ เกิตเซ่ ในช่วงทดเวลาพิเศษ พร้อมรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของรายการด้วยสีหน้าเจื่อนๆอย่างเห็นได้ชัด
แต่อีก 8 ปีต่อมา ดาวเตะวัย 35 ปี ขึ้นมาคว้ารางวัลนี้ได้ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขแล้ว หลัง พา ฟ้าขาว คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 แม้ต้องลุ้นจนหัวใจเกือบวายในช่วงดวลจุดโทษหลังเสมอ 3-3 ในช่วง 120 นาที
นอกจากนี้ เมสซี่ ยังทำสถิติใหม่ในบอลโลก ทั้งลงเล่นในรายการนี้มากที่สุด 26 นัด แซงหน้า โลทาร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งชาวเยอรมันที่ทำไว้ 25 นัด เรียบร้อย อีกทั้งเป็นนักเตะที่แอสซิสต์ในรายการนี้มากสุดรวมกับ เปเล่ และ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ 8 ลูก รวมไปถึงเป็นนักเตะคนเดียวที่ทำแอสซิสต์ในบอลโลกได้ 5 สมัยติดกัน
การชูโทรฟี่แชมป์โลกของ เมสซี่ ในปีนี้น่าจะยุติคำถามว่าระหว่างเขากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ใครคือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันได้เสียที หลังเคยถกเถียงกันอยู่นานร่วม 10 กว่าปี