หากนึกถึงชื่อของ ริวัลโด้ ใครๆหลายคนอาจจะนึกชายผู้นี้ในสีเสื้อบาร์เซโลน่า ลูกยิงจักรยานสุดสวยซึ่งเป็น 1 ในแฮตทริกที่ยิงใส่บาเลนเซียได้ ช่วยให้เจ้าบุญทุ่มคว้าตั๋วรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกในวันสุดท้ายของลาลีก้า ฤดูกาล 2000-01
ไม่ก็นึกถึงภาพของเขาในชุดทีมชาติบราซิล โชว์ฝีเท้าเคียงข้างนักเตะระดับโลกรุ่นน้องอย่าง โรนัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ ซึ่งพวกเขาคือสามประสานที่ช่วยให้ทัพ ‘เซเลาเซา’ คว้าแชมป์โลกมาครองในปี 2002 และเป็นแนวรุกน่าเกรงขามที่สุดในยุคหนึ่งของวงการลูกหนัง
แต่ถ้าเป็นคอบอลตัวจริงล่ะก็ คุณจะจำช่วงที่เขาค้าแข้งกับเอซี มิลานในช่วงสั้นๆได้ ในปี 2002-2003 ซึ่งในทีมเต็มไปด้วยเจ้าพ่อลูกนิ่งมากมาย ทั้งตัวเขาเอง, อังเดร เชฟเชนโก้, รุย คอสต้า, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ อันเดร ปีร์โล่ คุณคงเลือกคนยิงไม่ถูกสินะ
อดีตแข้งแซมบ้า ประสบความสำเร็จมากมายทั้งในสเปนและอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีก 2 สมัย,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์บอลถ้วย 2 สมัย, และยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ รวมไปถึงแชมป์โลกกับราซิลในปี 2002 ด้วย แต่ทว่าหลังจากนั้นล่ะ?
เส้นทางอาชีพของเจ้าตัวเริ่มต้นที่ เรซิเฟ่ ทีมท้องถิ่นบ้านเกิด ก่อนจะได้เล่นฟุตบอลอาชีพกับซานต้า ครูซ ในปี 1991 และลงเล่นให้กับสโมสรมากมายทั่วโลกถึง 14 ทีม ทั้งในบราซิล, สเปน, อิตาลี, กรีซ, อุซเบกิสถาน และ แองโกล่า จากนั้นจึงได้เล่นร่วมกับลูกชาย ริวัลดินโญ่ ที่โมจิ มิริม ก่อนจะจบเส้นทางอาชีพค้าแข้งกว่า 24 ปีที่ยาวนาน
อะไรทำให้แข้งแซมบ้าโลดแล่นในวงการลูกหนังจนถึงอายุ 40 ปีได้ ทั้งๆที่เจ้าตัวก็มีโทรฟี่และรางวัลมากมายอยู่ในตู้โชว์แล้ว คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าเพื่อนร่วมทีมของริวัลโด้ในช่วงบั้นปลายแล้วล่ะ และทาง UFA ARENA จะพาทุกท่านไปหาคำตอบผ่านบทความนี้กัน
ตะลุยแดนเทพนิยาย
ปีเตอร์ ฟิลิปากอส กองกลางแดนลุงแซมวัย 21 ปี ย้ายมาอยู่โอลิมเปียกอสในเดือนกรกฎาคมปี 2004 ตามเจ้านายเก่า ดูซาน บาเยวิช ที่ย้ายข้ามฝากจากทีมอริ เออีเค เอเธนส์ มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ ตำนานแข้งชาวบราซิลเลี่ยน ย้ายมาพอดี
ฟิลิปากอสยกย่อง ดาวเตะดีกรีแชมป์โลกปี 2002 เป็นทุนเดิมอยู่แล้วกล่าวว่า “ในตอนเด็กๆ ผมมีรูปเขาติดผนังห้องผมเต็มไปหมด ผมจำได้แม้กระทั่งผมใส่รองเท้ามิซูโน่รุ่นเดียวกับเขา ผมหารุ่นนี้มาเป็นเดือนเลยล่ะ”
“ตลอดอาชีพค้าแข้ง หนึ่งในคำชมที่ผมได้รับบ่อยๆคือ คนมักจะถามว่าถนัดเท้าข้างไหนกันแน่ เพราะมันยอดเยี่ยมทั้งสองข้างเลย ซึ่งจริงๆเป็นข้างขวานะ แต่ตอนเด็กๆ ผมดูริวัลโด้บ่อยมากๆ เฟร์นานโด เรดอนโด้ ก็ด้วย จากนั้นผมก็เลยไปฝึกใช้เท้าข้างซ้ายเท่านั้นในเวลาซ้อม เพื่อเลียนแบบพวกเขา”
เมื่อเขาได้พบกับไอดอลที่ชื่นชมอยู่ตรงหน้าแล้ว เขายังทำใจเย็นอยู่หรือไม่? คำตอบก็คือไม่อย่างสิ้นเชิงเลย
“พูดตรงๆ ผมได้เล่นร่วมและแข่งขันกับนักเตะมากมายที่ผมชื่นชอบในวัยเด็ก ผมเจอผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมากมาย และผมก็ไม่ใช่พวกที่ตื่นเต้นเวลาเจอคนดังเท่าไหร่นัก” ฟิลิปากอสอธิบาย
“แต่ตอนเจอเขาในตอนแรก ผมรู้สึกแปลกๆไป”
“มันทำให้ผมมองย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านมาทันที ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆในชีวิตนักฟุตบอล เพราะเวลามักจะผ่านไปรวดเร็ว และบางครั้งเราก็ไม่ได้ชื่นชมช่วงเวลาที่พิเศษเหล่านั้น และเราก็ไม่สามาถสร้างช่วงนั้นขึ้นมาได้อีก”
“ดังนั้นในใจของผมจึงคิดว่า ตอนนี้เราได้อยู่ทีมเดียวกันแล้ว ผมจะได้เห็นเขาทุกๆวัน และผมก็มาไกลมากจากเด็กคนนั้นที่เคยติดรูปริวัลโด้ไว้บนกำแพงห้อง”
แล้วการที่ลงเล่นร่วมกับยอดนักเตะผู้ที่ ฟิลิปากอส ยกย่องเป็นไอดอลเป็นอย่างไรบ้าง? มีหลายเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาขนลุกอยู่พอสมควรเลยล่ะ
ฟิลิปากอสที่กำลังขายเครื่องเพชรพลอยในแคลิฟอร์เนีย ได้รำลึกถึงช่วงนั้น “ที่โอลิมเปียกอส ช่วงที่น่าจดจำครั้งแรกของเขาคือดาร์บี้แมตช์ที่พบกับพานาธิไนกอส บรรยากาศมันสุดยอดมากๆ และเขาก็ทำประตูชัยด้วยลูกฟรีคิกด้วย”
“อีกสองฤดูกาลต่อมา เราคว้าดับเบิ้ลแชมป์ มีอยู่หลายนัดที่เขาสามารถแบกทีมและตัดสินผลการแข่งขันด้วยตัวเอง ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองแบบนี้มาก่อนแล้ว”
“สิ่งที่ทำผมประหลาดใจที่สุดคือ ความเชื่อมั่น เขาไม่มีคำว่า ความกดดัน หรือ ความกลัวอยู่ในพจนานุกรมของเขาเลย มีไม่กี่คนที่เป็นเป็นนั้น แต่เขาก็อยู่เหนือขึ้นไปอีกระดับ”
“เขามักจะต้องการบอลอยู่กับตัวเสมอในสถาการณ์ที่ทีมต้องการชัยชนะ คู่แข่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย ผมรู้สึกว่าไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าริวัลโด้แล้วล่ะ”
ดาวเตะแดนละตินอเมริกา ใช้เวลา 3 ฤดูกาลกับโอลิมเปียกอส ยิงไป 36 ลูกจาก 70 นัด ก่อนจะมีปัญหากับประธานสโมสรแล้วย้ายข้ามฝากไปอยู่กับ เออีเค เอเธนส์ แทน
ข้ามฝากไปคู่อริ
ย้ายมาทางฝั่งนักเตะทีมชาติแคนาดา ทาม ซารีว่า กันบ้าง เช่นเดียวกับฟิลิปากอส เขาเป็นแฟนของอดีตแข้ง บาร์เซโลน่า มาอย่างยาวนาน เขาบอกว่า “เขาชื่นชมเขามานานแล้ว มันเหมือนฝันเลย”
“ผมจำได้ว่าตอนบอลโลกปี 98 เขาใส่รองเท้ามิซูโน่ ดังนั้นผมจึงไปหารองเท้าแบบเขาและทำท่าทางเหมือนเขา ซึ่งผมทำแบบนี้ก่อนจะคิดถึงเรื่องการย้ายมาเล่นเพื่อเป็นนักบอลอาชีพซะอีก”
ทั้งคู่เคยพบกันมาก่อนแล้ว เมื่อพานาธิไนกอสพบกับพานิโอนิออส ซึ่งนั่นถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับซารีว่าอย่างแท้จริง
ต่อมาในฐานะเพื่อนร่วมทีม ซารีว่าระลึกถึงตอนซ้อมว่า “ทุกคนดูลนลาน แต่เขาก็เล่นบอลได้สบายๆเหมือนทุกครั้งไป ปกติผมจะอ่านการเล่นของคนอื่นออก แต่เขาทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเขาจะทำเสมอ”
“เขายังเป็นคนที่ประหยัดสุดๆ เขาเลือกขี่สมาร์ทคาร์มาสนามซ้อมเพราะการขี่รถออดี้ คิว7 ที่ทีมให้มอบให้มันเปลืองน้ำมันเกินไป”
“แม้เขาจะอายุอานามมากแล้ว ก็ยังฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ ในทีมเขายอดเยี่ยมที่สุดเสมอ โค้ชของเรามักจะหยิบยกเขามาเป็นตัวอย่างให้กับนักเตะคนที่เหลือในทีมด้วย”
“ผมได้เรียนรู้ว่าฟุตบอลใช้มันสมองเล่นมากกว่าร่างกาย การจ่ายบอลแบบไม่มองหรือเคลื่อนไหวมากนักน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดที่ผมได้ดูเขา”
หลังจากอยู่เอเธนส์แค่ฤดูกาลเดียวก็ชีพจรลงเท้าอีกครั้ง และจุดมุ่งหมายต่อไปคือ บุนยอดกอร์สโมสรจากประเทศอุซเบกิสถาน
ครั้งหนึ่งในเอเชีย
แม้เราจะตามหาเพื่อนร่วมทีมในสมัยที่อยู่บุนยอดกอร์ไม่ได้ แต่คนที่มีประสบการณ์ที่ใกล้เคียงในตอนนั้นที่สุดก็คงจะเป็นนักเตะที่ชื่อว่า พอล รีด
รีดอยู่ในทีมแอดิเลด ยูไนเต็ด ชุดที่เอาชนะ บุนยอดกอร์ ของริวัลโด้ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2008 รอบรองชนะเลิศไปได้
กองกลางชาวออสซี่เล่าว่า “ผมถูกบอกว่าอย่าให้เขาได้ครองบอลอยู่กับตัวนานเกินไป เพราะเขามีผลกับเกมมากๆ”
“เขาอายุ 36 แล้วในตอนนั้น แต่เขายังเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว และเล่นกับบอลได้อย่างสง่างาม”
“ผมได้พูดคุยกับเขาในช่วงหมดครึ่งแรก และถามเขาว่าขอแลกเสื้อหลังจบเกมได้มั้ย ซึ่งเขาก็ยินดีจะแลก แม้ผมจะเข้าบอลหนักกับเขาในครึ่งแรกก็ตาม”
หลังจากที่คว้าแชมป์ลีกอุซเบฯ 3 สมัยติดต่อกัน และอุซเบกิสถาน คัพ อีก 2 ครั้ง ก็ถึงเวลาที่เขาจะโยกย้ายอีกครั้ง
ครั้งสุดท้ายกับลูกชายที่รัก
แต่ดาวเตะอัฉริยะผู้นี้ยังมีแรงเหลืออยู่เต็มถัง เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไปเล่นให้ทั้งเซา เปาโล, คาบูสคอร์ป ทีมในแองโกล่า, เซา คาเอตาโน่ และโมจิ มิริม
และที่ โมจิ มิริม เป็นทีมที่ทำให้ อดีตแข้ง เอซี มิลานในวัย 41 ปีได้เล่นร่วมกับ ริวัลดินโญ่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา ในปี 2015 แถมทั้งคู่ยังทำประตูได้ด้วยในเกมลีกระดับ 2 ในบ้านเกิด
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาเหล่านั้นแสนสั้นเหลือเกิน เนื่องจากอดีตแข้งบาร์ซ่าได้ลงสนามในเกมลีกแค่นัดเดียวเท่านั้น ก่อนจะประกาศลาฟลอร์หญ้าอย่างทางการในปีนั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ลูกชายของเขาย้ายไปเล่นให้กับโบอาวิสต้า ทีมคู่แข่งร่วมลีก และปัจจุบัน ริวัลดินโญ่ในวัย 24 ปียังค้าแข้งต่อไปกับ วิโตรุล คอนสแตนต้า สโมสรดังในโรมาเนีย
เป็นเวลา 12 ปีหลังจากบอกลาทีมชาติบราซิล และก็ถึงเวลาที่ตัวของเขาต้องบอกลาเกมลูกหนังที่เขารักแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังได้อย่างมาก ไล่ตั้งแต่ในบราซิล,อังกฤษ, แองโกล่า, อุซเบกิสถาน และทั่วโลกด้วยรองเท้ายี่ห้อ Mizuno คู่ใจ
และที่ริวัลโด้ทำแบบนี้ได้ก็เพราะความรักที่เขามีให้เกมลูกหนังนั้นมากมายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้เลยจริงๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง
