ไม่คู่ควร : พรีเมียร์ลีกกับ 10 ทีมยอดแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ไม่คู่ควร : พรีเมียร์ลีกกับ 10 ทีมยอดแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ลีกสูงสุดแดนผู้ดีที่มีแฟนบอลติดตามและรับชมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เดินทางมาถึงปีที่ 30 แล้วนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 1992 

ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ลีกลูกหนังอันดับหนึ่งของโลก เต็มไปเรื่องราวประทับใจ หรือเรื่องดราม่าสุดพิลึกพิลั่นและน่าจดจำมากมาย รวมทั้งเรื่องราวแย่ๆของทีมหนีตกชั้น ก่อนร่วงลงไปในลีกสูงสุดด้วยสถิติที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงพาทุกท่านไปพบกับ 10 ทีมยอดแย่ที่ทำแต้มได้น้อยที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี และนั่นพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับการโลดแล่นอยู่บนพรีเมียร์ลีกได้นับตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งเราขอเตือนแฟนบอลซันเดอร์แลนด์ว่าไม่ควรเข้ามาอ่านเป็นอันขาด

 

10.ฟูแล่ม (2018-2019)

Fulham 2018/19 Review: End of Season Report Card for the Cottagers - Sports Illustrated

ทำได้ 26 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -47

นี่ไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอล ‘เจ้าสัว’ คาดหวังให้เกิดขึ้นเลย เมื่อสลาวิซ่า โยคาโนวิช พาฟูแล่ม คว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนชิพ และเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาล 2018-19 แต่ทว่าเงินกว่า 100 ล้านปอนด์เสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไม่ได้ต่างอะไรกับการตำนํ้าพริกละลายแม่น้ำเลย

ย็อคก้า ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะถูกแทนที่โดย เคลาดิโอ้ รานิเอรี่ แต่ก็พาทีมคว้าชัยแค่ 3 จาก 17 เกมทั้งหมดที่ทำหน้าที่กุนซือ รวมถึงโดนทีมลีกทูอย่าง โอลด์แฮม เขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพ คาสนามคราเวน คอร์เทจ เมื่อเดือนมกราคมปี 2019 และเก็บกระเป๋าตาม ย็อคก้า ไปในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ภาระอันใหญ่หลวงตกมาอยู่ที่ สก็อต ปาร์คเกอร์ กุนซือหน้าใหม่ในเวลานั้น ซึ่งก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ตกชั้นไปด้วยอันดับที่ 19 

 

9.วูล์ฟแฮมป์ตัน (ฤดูกาล 2011-2012)

Frimpong out for season - Eurosport

ทำได้ 25 แต้ม

ผลประตูได้เสีย : -42 

ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น มิค แม็คคาธีย์ พาทีมหนีจากโซนตกชั้นมาได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น นั่นทำให้ซัมเมอร์ต่อมา ทีมต้องทำการเสริมทัพโดยด่วนซึ่ง วูล์ฟส์ คว้าตัว เจมี่ โอฮาร่า จาก สเปอร์ส และ โรเจอร์ จอห์นสัน จากเบอร์มิ่งแฮม แถมยังมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ในช่วงแรกก็ดูจะไปได้สวยหลังคว้าชัยในนัดเปิดสนามและนัดต่อมาจนรั้งอันดับบนตารางอยู่ แต่ทว่าหลังจากนั้น 7 นัดถัดมา ทีม ‘หมาป่า’ แพ้ไปถึง 6 นัดเลย

กุนซือชาวอังกฤษ โดนปลดจากเก้าอี้ในนัดที่แพ้ เวสต์บรอมวิช เละเทะ 5-1 และได้แต่งตั้ง เทอร์รี่ คอนเนอร์ เข้ามาเป็นกุนซือรักษาการแทน แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถพาทีมคว้าชัยมาได้เลยในช่วงที่นั่งเก้าอี้ชั่วคราว แถมกัปตันคนใหม่อย่าง จอห์นสัน ก็ถูกสโมสรปรับเงินเนื่องจากมาซ้อมด้วยสภาพยังไม่สร่างเมา ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะจมบ๋วยและตกชั้นไปในฤดูกาลนั้น

 

8.อิปสวิช (1994-1995)

IPSWICH TOWN FOOTBALL TEAM PHOTO>1994-95 SEASON | eBay

ทำได้ 27 แต้ม (เฉลี่ย 24.4 แต้ม หากแข่งกันแค่ 38 เกม)

ผลประตูได้เสีย : -57

ทีม ‘ม้าขาว’ กลายเป็นพูดถึงของแฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษ ในเดือนกันยายน หลังเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้อย่างเหนือความคาดหมาย 3-2 และทำให้หลายๆ คนมองว่าการแข่งขันนัดนี้จะส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ของ ‘ปีศาจแดง’ ไม่น้อยเลย อย่างไรก็ตามทันทีที่ อิปสวิช ขึ้นถึงจุดสูงสุดได้พักนึง พวกเขาก็หล่นร่วงลงสู่ท้ายตารางอย่างรวดเร็ว

จอห์น ไลอัล กุนซือในตอนนั้นถูกแทนที่ พอล ก็อดดาร์ด กุนซือรักษาการ ก่อนจะแต่งตั้งผู้เล่นในทีมอย่าง จอร์จ เบิร์นลีย์ ให้มาควบตำแหน่งกุนซือด้วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมากนัก แถมในเดือนมีนาคมยังโดนยูไนเต็ดถอนแค้นคืนถึง 9-0 และส่งผลให้พวกเขาตกชั้นในทันที

 

7.ซันเดอร์แลนด์ (2016-2017)

Sunderland Relegated from Premier League After 10 Seasons | News, Scores, Highlights, Stats, and Rumors | Bleacher Report

ทำได้ 24 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -40

หลังจากที่ ซันเดอร์แลนด์ รอดตกชั้นมาได้อย่างเหลื่อเชื่อ แซม อัลลาไดซ์ ผู้จัดการทีมคนเก่าลาทีมแมวดำเพื่อไปรับงานคุมทีมชาติอังกฤษ และคนที่เขามาแทนที่ บิ๊กแซม คือ เดวิด มอยส์ กุนซือชื่อกระฉ่อนชาวสก็อตซึ่งคิดว่าการที่จะช่วยให้ซันเดอร์แลนด์รอดตกชั้นในปี 2017 คือการใช้นักเตะเก่าจาก เอฟเวอร์ตัน ในปี 2009 แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

อดีตแข้งท็อฟฟี่อย่าง สตีเว่น พีนาร์, วิคเตอร์ อนิเชเบ้, โจลีออน เลสคอตต์, ดาร์รอน กิ๊บสัน และ ไบรอัน โอเวียโด้ ร่วมด้วย คู่หูจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่าง แพ็ดดี้ แม็คแนร์ และ โดนัลด์ เลิฟ ไม่ได้ช่วยให้ทีมดูดีขึ้นเลย และต้องใช้เวลาถึงเดือนพฤศจิกายนในการคว้าชัยชนะนัดแรกในลีกมาครองได้ ต่อมาในท้ายที่สุด มอยส์ ก็ไม่สามารถพา ‘แมวดำ’ ตัวนี้อยู่รอดในลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้ แม้ เจอร์เมน เดโฟ จะยิงช่วยทีมไป 15 ประตูในลีกแล้วก็ตาม

 

6.วัตฟอร์ด (1999-2000)

Memorable Matches: Liverpool 0-1 Watford (1999) - Watford FC

ทำได้ 24 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -42

เกรแฮม เทย์เลอร์ พา วัตฟอร์ด เลื่อนชั้นขึ้นได้สำเร็จในการคุมทีมปีที่สองของเขา แต่ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่มีอยู่คงไม่เพียงพอในการต่อกรกับคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกได้ ทำให้พวกเขาคว้า เฮย์ดาร์ เฮลกูสัน จาก ลีลล์สตรอม และกองกลางอย่าง นอร์ดิน วู๊ตเตอร์ จาก ซาราโกซ่า แต่ทั้งคู่ก็ช่วยทีมได้ไม่มากนัก หลังทำประตูร่วมกันแค่ 10 ลูกในฤดูกาลนั้น

‘แตนอาละวาด’ เริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่งและดูมีอนาคตไม่น้อย หลังชนะ ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น แอนฟิลด์ และ แบรดฟอร์ด ในเดือนสิงหาคม รวมถึงชัยชนะช็อคโลกกับ เชลซี ในเดือนกันยายน แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ชนะในลีกเพิ่มแค่ 3 เกมเท่านั้น และตกชั้นก่อนใครด้วยการจมบ๊วยในตาราง พรีเมียร์ลีก

 

5.ซันเดอร์แลนด์ (2002-2003)

Do You Remember The First Time? When Sunderland's 2003 Charlton Horror Show Was A Baptism Of Fire

ทำได้ 19 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -44

อีกหนึ่งฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรแดนอีสานแห่งเกาะอังกฤษ แม้ว่าฤดูกาลนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ย่ำแย่ที่สุดของพวกเขาก็ตาม ในฤดูกาลนั้นทีมเริ่มต้นด้วยการใช้ ปีเตอร์ รีด เป็นกุนซือ ต่อด้วย ฮาเวิร์ด วิลกินสัน และ จบด้วย มิค แม็คคาธีย์ ถ้าหากจะบอกว่านี่คือการรวมตัวของกุนซือที่พาทีมตกชั้นอยู่เสมอก็คงไม่ผิดนัก

 ซันเดอร์แลนด์ ยิงไปแค่ 21 ประตูในฤดูกาลนั้น มี เควิน ฟิลลิปส์ เป็นดาวซัลโวของทีม โดยยิงไป 6 ประตู ชนะแค่ 4 นัด ซึ่งมีสถิติขึ้นชื่อจนถึงปัจจุบันอย่างการแพ้ในลีกติดต่อกัน 15 นัด และหลังจากที่พวกเขาเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเดือนธันวาคมปี 2002 ทีมแมวดำก็สะกดคำว่าชัยชนะไม่เป็นเลยจนถึงเดือนสิงหาคมของอีกปี ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พวกเขาตกชั้นไปอยู่ลีกรองเรียบร้อยแล้ว

 

4.ฮัดเดอร์สฟิลด์ (2018-2019)

Huddersfield Town 2018/19 Review: End of Season Report Card for the Terriers - Sports Illustrated

ทำได้ 16 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -54

แม้ว่าพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ยังเหลือการแข่งขันอีก 6 นัด แต่ว่าหลังจากที่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ พ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมแรกในซีซั่นนั้นที่ต้องตกชั้นไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้าอย่างเป็นทางการ

ฟอร์มของพวกเขาเริ่มต้นได้อย่างย่ำแย่จนส่งผลให้ เดวิด วากเนอร์ กุนซือคนเก่งของทีมที่พาเลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อปี 2017 ต้องกระเด็นจากตำแหน่งไปอย่างช่วยไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง แยน ซีแวร์ต ก็ไม่สามารถทำให้ทีมผลงานกระเตื้องขึ้นมา จริงอยู่ที่ ‘เจ้าตูบ’ เคยอยู่รอดในลีกสูงสุดฤดูกาลก่อนด้วยการเล่นเป็นทีมและเกมรับที่มีระเบียบวินัย แต่ในปีนี้การทำประตูของทีมนั้นลดลงไปมากๆ โดยทำได้แค่ 22 ลูกจาก 38 นัดเท่านั้น แถมไปถลุงไปถึง 76 ลูก แย่สุด เป็นรองแค่ ฟูแล่ม เท่านั้น (81)

 

3.แอสตัน วิลล่า (2015-2016)

Aston Villa won't hold 2015-16 player of season awards

ทำได้ 17 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -49

ทิม เชอร์วู้ด เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีม ‘สิงห์ผงาด’ ได้อย่างทันท่วงทีจนพวกเขาสามารถอยู่รอดปลอดภัยในพรเีมียร์ลีกได้เมื่อฤดูกาลก่อน ส่งผลให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือถาวรในฤดูกาลต่อมา แต่ว่าช่องโหว่ที่ คริสติยอง เบนเตเก้ และ ฟาเบียน เดลฟ์ ทิ้งไว้หลังจากการย้ายทีมใหม่ในซัมเมอร์นั้น มันใหญ่เกินกว่าที่นักเตะคนไหนในทีมจะทดแทนได้ แม้ว่า รูดี้ เกสเตด และ แจ็ค กรีลิช จะโดดเด่นกว่าใครก็ตาม

วิลล่า เริ่มได้ดีเหมือนทีมอื่นๆ ในลิสต์นี้ ก่อนจะแพ้ 6 นัดติดจนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของ เชอร์วู้ด ขาดสะบั้น ต่อมาทีมได้แต่งตั้ง เรมี่ การ์ด เข้ามาในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยชนะไป 2 นัด ก่อนจะแพ้รวด 11 เกมติดกัน และบอกลาพรีเมียร์ลีกก่อนใครพวกเลย

 

2.ซันเดอร์แลนด์ (2005-2006)

Sunderland win again - Eurosport

ทำได้ 15 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -43

จำสถิติที่ ซันเดอร์แลนด์ แพ้ติดต่อกัน 15 เกมในฤดูกาล 2002-2003 ได้หรือไม่? แต่ว่าในครั้งนี้ดูจะหนักหนากว่าครั้งก่อนๆ ทันทีที่พวกเขากลับขึ้นมาในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ทีม ‘แมวดำ’ ก็แพ้ไปแล้วตั้งแต่เกมเปิดสนาม 5 นัดแรก

มิค แม็คคาธีย์ ได้รับความไว้วางใจอีกครั้งหลังพาทีมกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ แต่หลายอย่างในทีมดูไม่เป็นไปแผนที่เขาวางไว้เท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะใหม่อย่าง จอน สเตด, เคลวิน เควิส และ อองโทนี่ เลอ ทาเลค (ยืมมาจาก ลิเวอร์พูล) ไม่สร้างความแตกต่างให้ทีมเลย ก่อนที่ ซันเดอร์แลนด์ จะร่วงลงไปอยู่อันดับ 20 แบบยาวๆ จนจบฤดูกาลตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป และทำแต้มตามหลังทีมอันดับที่ 19 อย่าง เวสต์บรอมวิช ถึง 15 คะแนนเลย

 

1.ดาร์บี้ (2007-2008)

Derby's class of 2008 recall English football's worst ever season – and why they feel for Sheffield United

ทำได้ 11 แต้ม 

ผลประตูได้เสีย : -69

ความสำเร็จใน แชมเปี้ยนชิพ คงจะเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปสำหรับ บิลลี่ เดวี่ส์ และ ดาร์บี้ หลังกุนซือชาวสก็อต เคยประกาศกร้าวว่าจะพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดให้ภายในระยะเวลาแค่ 3 ปีนับตั้งแต่เขามาทำทีมในเดือนมิถุนายนปี 2006 และหลังจากที่เลื่อนชั้นขึ้นมาได้ในปี 2007 ในซัมเมอร์นั้นเขาได้เสริมทัพครั้งใหญ่ให้กับแกะเขาเหล็กแบบจัดเต็ม โดยคว้านักเตะใหม่มาร่วมทีมถึง 10 คน และอีก 9 คนในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม

 ดาร์บี้ เริ่มต้นได้พอใช้หลังเสมอกับ พอร์ทสมัธ ในเกมเปิดสนาม แต่พวกเขาก็แพ้ 4 นัดติดในเวลาต่อมา โดยเสียไปถึง 13 ประตูและยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น แถมยังถูกทีมใหญ่ๆ อย่างลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ถล่มเละ แม้ในเวลาต่อมาจะมีการเปลี่ยนกุนซือเป็น พอล จีเวลล์ แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยให้ทีมชนะเพิ่มขึ้นเลย และสถิติชนะในลีกแค่ 1 นัดของ ดาร์บี้ ก็ยังอยู่ยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ท็อปโฟร์เลื่อนลาง : สเปอร์สกับปัญหาที่ยากจะเกินจะแก้ไขในซีซั่นนี้
ท็อปโฟร์เลื่อนลาง : สเปอร์สกับปัญหาที่ยากจะเกินจะแก้ไขในซีซั่นนี้