ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมซูเปอร์ซันเดย์ประจำวันอาทิตย์นี้ คู่บิ๊กแมตช์ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จ่าฝูงของตาราง จะบุกไปเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สนาม แอนฟิลด์ เริ่มฟาดแข้งในเวลา 22.30 น. เป็นต้นไป
สถิติที่น่าสนใจทั้งคู่พบกันมา 61 เกม ลิเวอร์พูล ชนะไปถึง 25 นัด เสมอ 19 นัด และ อาร์เซน่อล ชนะ 17 นัด ซึ่งการเจอกัน 6 เกมหลังที่ แอนฟิลด์ หงส์แดง คว้าชัยได้ทั้งหมด แต่ฟอร์มเวลานี้พวกเขาก็ไม่ชนะใครมา 4 นัดติดต่อกันในทุกรายการ นับตั้งแต่ถล่ม แมนฯยู 7-0 ส่วนอาร์เซน่อล แม้เวลานี้จะชนะมาในลีก 7 เกมติดต่อกัน แต่พวกเขาไม่สามารถบุกมาชนะที่ แอนฟิลด์ ได้นานถึง 9 นัดเข้าไปแล้ว ซึ่งหนสุดท้ายที่คว้าชัยต้องย้อนไปถึงปี 2012 สมัยนั้น มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล ยังเป็นนักเตะอยู่เลย
ลิเวอร์พูล : เจ้าบ้าน “หงส์แดง” เพิ่งบุกเสมอ เชลซี แบบไร้สกอร์ส่งผลให้ยังคงรั้งอันดับ 8 บนตาราง ทำให้โอกาสลุ้นตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้านั้นริบหรี่เต็มที่แล้ว เกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเฮฟวี่เมทัล จำเป็นต้องกระตุ้นฟอร์มลูกทีมให้กลับมาให้ได้ โดยสภาพทีม จะได้รับข่าวดีเมื่อ ติอาโก้ อัลกันตาร่า กองกลางคนสำคัญที่เจ็บตั้งแต่ ก.พ. จะฟิตทันกลับมาลงสนาม ส่วน หลุยส์ ดิอาซ ปีกตัวจี๊ดที่เพิ่งหายเจ็บจะยังไม่พร้อมในเกมนี้ ส่วน สเตฟาน บายเซติช และ นาบี เกอิต้า ยังคงเดี้ยงพักยาว
ส่วนแกนหลักรายอื่นๆ นำโดย เวอร์กิล ฟานไดค์ จะหายป่วยกลับมาบัญชาการเกมรับร่วมกับ อิบราฮิมา โกนาเต้ พร้อมให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่ฟอร์มหลุดต่อเนื่องลงยืนแบ็กขวา และมี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยืนแบ็กซ้าย ส่วนแดนกลาง ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นห้องเครื่อง ส่วนอีกรายเชื่อว่า ติอาโก้ จะเบียด เจมส์ มิลเนอร์ หรือ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ยืนตัวจริง พร้อมให้ 3 แนวรุกอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ,โคดี้ กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงทะลวงตาข่าย
อาร์เซน่อล : ทางฝั่งทีมเยือน “ไอ้ปืนใหญ่” ที่ครองจ่าฝูงของตารางอย่างเหนียวแน่น และชนะในเกมลีกมา 5 นัดติด อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นเกมสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไม่สามารถบุกมาเก็บแต้มได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงเช่นกัน เนื่องจากปลายเดือนนี้พวกเขาต้องไปเยือนถิ่น เอติฮัด ซึ่งจะเป็นเกมวัดแชมป์อย่างแท้จริง
เกมนี้สภาพทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปน จะยังขาดแนวรับคนสำคัญอย่าง วิลเลียม ซาลิบา ปราการหลังชาวฝรั่งเศส รวมไปถึง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังทีมชาติญี่ปุ่น ที่เจ็บเข่าปิดเทอมไปเรียบร้อย ส่วน เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เจ็บบริเวณข้อเท้าคาดว่าหายทันลงเล่นในเกมนี้ แต่อาจต้องนั่งสำรอง
ทำให้เกมนี้แผงแบ็กโฟร์จะวาง ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ได้รับโอกาสช่วงหลังแล้วทำได้ดีมาก คู่กับ กาเบรียล มากัลเญส พร้อมให้ เบน ไวท์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เป็นแบ็ก 2 ฝั่ง ส่วนแดนกลาง โธมัส ปาร์เตย์ จะเป็นห้องเครื่องร่วมกับ กรานิต ชาก้า พร้อมให้ มาร์ติ โอเดการ์ด จอมทัพกัปตันทีมคอยขับเคลื่อนเกมร่วมกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูกาโย่ ซาก้า และวาง กาเบรียล เฆซุส ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าล่าตาข่าย
11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK); เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์กิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่,ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ
อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : อารอน แรมส์เดล (GK); เบน ไวท์, ร็อบ โฮลดิ้ง, กาเบรียล มาร์กัลเญซ, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ,โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาก้า , บูกาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, กาเบรียล มาร์ติเนลลี; กาเบรียล เฆซุส
ทรรศนะก่อนเกม : หนึ่งในเกมแห่งฤดูกาลของ อาร์เซน่อล หากพวกเขายังหวังจะเป็นแชมป์หนแรกในรอบ 19 ปี เกมนี้ไม่สามารถพลาดได้เลยด้วยประการทั้งปวง แต่การเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่กำลังเข้าตาจน และต้องการชัยชนะเช่นกัน เรียกว่าทั้งสองทีมใส่กันเกิน 100 แรงถีบแน่ ดูจากฟอร์มอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และเกมนี้มีโอกาสแบ่งแต้มกันไปสูง
สกอร์ที่คาด : เสมอ 1-1