เยอรมัน ลุยฟุตบอลโลกปีนี้ พร้อมความหวังทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ในฐานะอดีตแชมป์โลก 4 สมัย หลังกระเด็นตกรอบแรกไปแบบพลิกล็อกช็อกโลก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
หลังจากที่โดนอาถรรพ์แชมป์เก่า ร่วงตกรอบแรกบอลโลก 2018 ที่รัสเซียที่ผ่านมา ทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ ในยุคใหม่ภายใต้การนำทีมของ ฮานซี่ ฟลิค ก็พร้อมจะกลับมาผงาดในบอลโลก ฉบับกาตาร์ อีกครั้ง
แต่พวกเขาจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาได้หรือไม่ใน เวิลด์คัพฉบับเอเชียหนที่ 2 ในครั้งนี้ UFA ARENA จะพาไปเจาะลึกถึงความพร้อมของพวกเขาผ่านบทความนี้กัน
ประวัติศาสตร์ในบอลโลก
เยอรมัน ถือเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของวงการลูกหนัง โดยพวกเขาผงาดคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัย ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014
อย่างไรก็ตาม ในเวิลด์คัพครั้งล่าสุด ปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปแบบช็อกโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม และเขาสู่ขาลงของอดีตแชมป์โลก 4 สมัยเรื่อยมา
เส้นทางสู่กาตาร์
แน่นอนว่า ในศึกฟุตบอลโลก 2022 คราวนี้ เยอรมัน มีเป้าหมายที่จะกลับมาผงาดให้ได้อีกครั้ง พวกเขาเป็นทีมแรกที่ซิวตั๋วลอยลำเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ (ไม่นับรวมเจ้าภาพ กาตาร์)
โดยทีมคว้าแชมป์กลุ่ม J โซนยุโรป ด้วยผลงานลงสนาม 10 นัด ชนะ 9 แพ้ 1 เก็บ 27 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสอง นอร์ธ มาซิโดเนีย ทีมเดียวที่พวกเขาแพ้ในรอบนั้น ห่างถึง 9 แต้ม แถมยิงกระจายไปถึง 26 ตุงด้วยกัน
ผู้จัดการทีม : ฮานซี่ ฟลิค
หลังจากตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 ต่อด้วยจอดป้ายรอบ 16 ทีมศึกยูโร 2020 กุนซือ โยอาคิม เลิฟ ก็โบกมือลาทีมชาติเยอรมันไปหลังจากคุมทีมมานานเกือบ 15 ปี และสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนีได้แต่งตั้ง ฮานซี่ ฟลิค เข้ามาคุมทีมแทนเมื่อเดือนสิงหาคม 2021
สำหรับ ฟลิค มีผลงานโดดเด่นคือการพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ขณะเดียวกัน เฮดโค้ชวัย 57 ปี ก็ผ่านประสบการณ์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ เลิฟ ในทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลก 2014 และชุดอันดับ 3 บอลโลก 2010 มาแล้ว
ดาวเด่น : โธมัส มุลเลอร์
ส่วนขุมกำลังของเยอรมันชุดปัจจุบันมีนักเตะจากทีม บาเยิร์น มิวนิค เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น มานูเอล นอยเออร์, โจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี้, จามาล มูเซียล่า, ลีออน กอเรตซ์ก้า, ลีรอย ซาเน่ และที่สำคัญก็คือตัวรุกจอมเก๋าอย่าง โธมัส มุลเลอร์
หลังจากผลงานดร็อปลงในช่วงท้ายที่ทำงานร่วมกับ เลิฟ แต่ดูเหมือนว่า ดาวเตะเบอร์ 23 ของ เสือใต้ จะทำผลงานได้สม่ำเสมออีกครั้งในสีเสื้อทีมชาติ หลังได้ร่วมงานกับคนคุ้นเคยอย่าง ฟลิค
นอกจากนี้ ‘อินทรีเหล็ก’ ยังมีผู้เล่นยุคใหม่ ที่กำลังขึ้นมาอย่าง จามาล มูเซียล่า, ไค ฮาเวิร์ตซ์ หรือ ดาวิด รอม รวมไปถึงตัวเก๋าอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เรอัล มาดริด) อิลคาย กุนโดกัน (แมนซิตี้) ซึ่งแต่ละคนสามารถทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
ตารางแข่งขัน
เยอรมันจะพบกับ ญี่ปุ่น ก่อนในบอลโลกที่ กาตาร์ วันที่ 23 พฤศจิกายน จากนั้นก็ดวลกับ สเปน ทีมเต็งลุ้นแชมป์กลุ่มเหมือนกันในอีก 4 วันต่อมา จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการพบกับ คอสตาริก้า ในวันที่ 1 ธันวาคม
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
เยอรมนี อยู่ในกลุ่ม E ร่วมกับ สเปน, ญี่ปุ่น และ คอสตาริก้า ซึ่งดูจากรายชื่อคู่แข่งร่วมกลุ่มแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องเข้ารอบให้ได้สถานเดียว
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เยอรมนี น่าจะแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ สเปน และตีตั๋วผ่านเข้ารอบสองไปไขว้เจอกับทีมจากกลุ่มเอฟ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็น เบลเยียม กับ โครเอเชีย ซึ่งเป็นสองทีมแกร่ง และคงไม่ใช่งานง่ายสักเท่าไรของทีม ‘อินทรีเหล็ก’
ปัญหาอย่างเดียวที่อาจจะเกิดกับทีมชาติเยอรมัน คือเรื่องของความมั่นใจที่เห็นจากได้ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ 2 ครั้งหลังสุดของพวกเขา ถ้าหากเริ่มต้นดี พวกเขาพร้อมจะกรุยทางไปได้ไกลถึงรอบตัดเชือกเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าออกสตาร์ตกระท่อนกระแท่น ก็มีสิทธิกลับบ้านไวได้เช่นกัน
และถ้าขืนร่วงรอบแรกฟุตบอลโลก 2 สมัยติด ถือว่าเป็นความล้มเหลวที่ไม่น่าให้อภัย และวงการลูกหนังเมืองเบียร์ได้ยกเครื่องสังคายนากันใหม่แน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง
