แค่เห็นรายชื่อกลุ่ม C ในศึกฟุตบอลโลกหญิง 2023 ก็น่าจะทำให้หลายคนจับตาดูพอสมควร เนื่องจากมี 2 ชาติเต็งแชมป์อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ตัวเต็งของกลุ่มนี้นำมาโดย สเปน ที่หลายคนมองว่ากำลังก้าวสู่ยุคทอง, ญี่ปุ่น อดีตแชมป์โลกปี 2011 ที่ถึงคราวเปลี่ยนผลัดเลือดใหม่ ตามมาด้วย คอสตาริก้า และทีมน้องใหม่ของรายการอย่าง แซมเบีย ซึ่ง UFA ARENA จะพาไปเจาะลึกถึง 4 ทีมผ่านบทความนี้
สเปน
สถิติในบอลโลก : 2 ครั้ง
ผลงานที่ดีที่สุด : รอบ 16 ทีมสุดท้าย ( 2019)
ถึงไม่เคยประสบความสำเร็จถ้วยเมเจอร์เลย แต่ในฟุตบอลโลกหญิง 2023 อาจถึงเวลาของ สเปน ก็เป็นได้ เนื่องจากมีขุมกำลังที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะแกนหลักจาก บาร์เซโลน่า ที่กวาดทั้งแชมป์ลีกและบอลยุโรป
โดยกุนซือของทีม ก็ยังเป็น ฆอร์เก้ บิลด้า อยู่ แม้มีปัญหาร้าวลึกกับนักเตะ 15 รายในทีมช่วงปี 2022 เนื่องจากไม่พอใจวิธีการซ้อม แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากสมาคมให้ทำหน้าที่ต่อไป โดยเขาเป็นคนพาทัพ ‘กระทิงสาว’ ลุยบอลโลกรอบสุดท้ายใน 2 หนที่ผ่านมา และมีพัฒนาการชัดเจน อีกทั้งยังเคยปั้นทีมชุด U-19 กับการคว้ารองแชมป์ยูโรหญิงในปี 2014-2015 ด้วย
ดาวเด่นของทีมของ สเปน ชุดนี้ ถือว่ามีหลายคนน่าจับตามอง ทั้ง มาริโอน่า กัลเดนเตย์, เอสเธอร์ กอนซาเลซ, เจนนิเฟอร์ เอร์โมโซ่, อิวน่า อันเดรส แต่คนที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น อเลเซีย ปูเตลลาส กองกลางตัวจิ๊ดจาก บาร์เซโลน่า ที่คว้าแข้งหญิงยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า 2 สมัย และบัลลงดอร์มาแล้ว และหลังพลาดช่วยบ้านเกิดในยูโร 2022 หลังเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่า ก็ถึงคราวที่เธอจะโชว์ของในเวทีระดับโลกแล้ว
ญี่ปุ่น
สถิติในบอลโลก : 8 ครั้ง
ผลงานที่ดีที่สุด : แชมป์ (2011)
แม้ผลงานในฟุตบอลโลกหนล่าสุดเมื่อปี 2019 อาจดูน่าผิดหวัง เมื่อจอดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ ญี่ปุ่น ก็ยังเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และห้ามมองข้ามเช่นกัน หลังเคยแสดงให้เห็นมาแล้วตอนคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2011
ทัพ นาเดชิโกะ เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้านในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือ การแต่งตั้ง ฟูโตชิ อิเคดะ เข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ชในปี 2021 หลังสร้างชื่อด้วยการพาญี่ปุ่นชุด U-20 คว้าแชมป์โลกในปี 2018 ที่ฝรั่งเศส อีกทั้งยังมีดีกรีเป็นอดีตแข้ง อูรุวะ เร้ด ไดมอนส์ อีกด้วย
ด้านขุมกำลังก็มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร เนื่องจากมีนักเตะหลายคนเพิ่งเข้ามาเล่นบอลโลกเป็นหนแรก เช่น ฮิคารุ นาโอโมโตะ, ริโกะ อูเอกิ, ฟูกะ นากาโนะ, มินะ ทานากะ เป็นต้น แต่ก็ยังมีตัวเก๋าๆอยู่ด้วย เช่น ยุย ฮาเซกาว่า , ริสะ ชิมิซุ, โมเอกะ มินามิ และที่ขาดไม่ได้คือ ซากิ คุมะไก กองหลังกัปตันทีมมากประสบการณ์ ซึ่งเป็นคนเดียวจากชุดแชมป์ปี 2011 ที่หลงเหลืออยู่ในทีม ณ ตอนนี้ ซึ่งหลังรับใช้ชาติมานาน 15 ปี เธอคงหวังไว้ไม่น้อยว่าจะทีมคว้าแชมป์โลกอีกครั้ง ในเวิลด์คัพหนที่ 4 ของเธอ
คอสตาริก้า
สถิติในบอลโลก : 1 ครั้ง
ผลงานที่ดีที่สุด : รอบแบ่งกลุ่ม (2015)
การห่างหายจากฟุตบอลโลกหญิงไปนาน 8 ปี จึงไม่แปลกที่หลายคนจะมองว่า คอสตาริก้า น่าจะเป็นทีมไม้ประดับประจำกลุ่ม C แต่เชื่อว่าพวกเธอคงไม่มาเพื่อจอดแค่รอบแบ่งกลุ่มง่ายๆเป็นครั้งที่ 2 แน่นอน
แม้มี เอมิเลีย บัลเบร์เด้ โค้ชสาววัยเพียง 36 ปี ทำหน้าที่กุนซือของทีม แต่เธอก็มีประสบการณ์คุมทีมมาแล้วในบอลโลกปี 2015 และเป้าหมายหลักคือการผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ให้ได้เป็นอย่างน้อย
ด้านนักเตะตัวความหวังคือ ราเกล โรดริเกซ เพลย์เมกเกอร์วัย 29 ปี ที่ลงเล่นให้ทีมบ้านเกิดครบ 100 นัดแล้ว พร้อมรั้งตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของทีมด้วยจำนวน 55 ประตู ต้องมาลุ้นกันว่า เธอจะแบก คอสตาริก้า ให้ไปได้ไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มหรือไม่?
แซมเบีย
สถิติในบอลโลก : ลงเล่นครั้งแรก
ผลงานที่ดีที่สุด : –
ชาติที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกหนแรก ย่อมถูกมองว่าเป็นทีมสมันน้อย แจกแต้มให้ทีมที่มีชื่อชั้นใหญ่กว่า และ แซมเบีย ก็ถูกมองแบบนั้นเช่นกัน หลังผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกหญิงเป็นหนแรกในปี 2023 แถมเป็นทีมที่มีฟีฟ่าแรงค์กิ้งต่ำที่สุดในเวิลด์คัพหนนี้ที่อันดับ 77
แต่อย่าประมาทไป เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แซมเบีย พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งผ่านไปเล่นโอลิมปิกหนแรกที่โตเกียวในปี 2021 หรือคว้าอันดับ 3 ในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อปี 2022 ซึ่งพวกเขาจะทำไม่ได้เลย หากไม่มีชายที่ชื่อ บรูซ เอ็มวาเป้ เป็นกุนซือที่ยกระดับทีมขึ้นมา นับตั้งแต่ทำหน้าที่ในปี 2018
ส่วนดาวเด่นของทัพ ‘ราชินีทองแดง’ คือ บาร์บรา บานด้า กองหน้าวัย 23 ปี ผู้เป็นนักเตะหญิงคนเดียวที่ทำแฮตทริกได้ 2 นัดติดในฟุตบอลโอลิมปิก แม้เคยถูกตัดสิทธิ์ลงเล่นในบอลทวีป ปี 2022 หลังจากไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติทางเพศ แต่ในบอลโลกที่ นิวซีแลนด์ เธอสามารถลงเล่นได้แล้ว จากการตัดสินของ ฟีฟ่า ช่วงปลายปี 2022