หลังจากพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา เมาริซิโอ ซาร์รี่ก็โดนทางยูเวนตุสประกาศปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากพาทีมร่วงแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16ทีม ก่อนที่จะตั้งอันเดรีย ปีร์โล่ ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้จัดการทีมโดนปลดทั้งที่เพิ่งพาทีมคว้าถ้วยแชมป์มาครอง
วันนี้UFA ARENA จะพาไปดูว่ามีกุนซือคนไหนบ้างที่ชะตาขาดโดนปลดจากตำแหน่ง ทั้งที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์มาหมาดกันบ้าง
โลร็องต์ บล็องก์ -เปแอสเช
นับเป็นกรณีที่คล้ายกับเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาได้ติดต่อกัน 4สมัย แถมในฤดูกาล 2015/16 ที่เจ้าตัวถูกปลดยังสามารถพาทีมกวาดแชมป์ในประเทศได้ทั้งหมดอีกด้วย แต่เป้าหมายหลักของเปแอสเช ที่มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรคือการคว้าแชมเปี้ยนส์ลีก บล็องก์กลับทำได้แค่รอบก่อนรองชนะเลิศมา 3ปีติด นั่นเป็นสาเหตุสำคัญให้เขาโดนปลดออกจากตำแหน่ง ทั้งที่เพิ่งต่อสัญญากับทีมไปเมื่อช่วงต้นปี ก่อนที่จะตั้ง อูไน เอเมรี่ ขึ้นมาแทน แต่ก็ยังไม่ได้สัมผัสถ้วยบิ๊กเอียร์เลยมาจนถึงปัจจุบัน
ฟาบิโอ คาเปลโล- เรอัล มาดริด
ตำนานกุนซือชาวอิตาเลี่ยนได้รับการยกย่องอย่างมากในวงการฟุตบอล แต่เมื่อย้อนกลับไปในปี 1996 เจ้าตัวสร้างชื่อโด่งดังไปไกลกับ เอซี มิลาน ก่อนจะได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด และสามารถพาทีมชูถ้วยแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรก แต่เนื่องจากการมีปัญหาภายในกับบอร์ดบริหาร ทำให้คุมทีมได้แค่ฤดูกาลเดียวก็โดนปลดกลับมาที่มิลานเหมือนเดิม
บิเซนเต้ เดล บอสเก้-เรอัล มาดริด
มาต่อกันที่กุนซือชาวสเปนที่เคยคุม มาดริด เช่นเดียวกัน แถมยังเป็นการโดนปลดด้วยเหตุผลที่คล้ายกันอีกด้วย เนื่องจากเจ้าตัวได้ชื่อว่าเป็นนายใหญ่ที่เคมีเข้ากับราชันชุดขาวอย่างมากตั้งแต่ปี 1994-2003 แต่สุดท้ายในปี 2003 หลังจากที่ เดล บอสเก้ ร่วมชูถ้วยแชมป์ลาลีก้าสมัยที่ 29ร่วมกับลูกทีมเพียงแค่ 1วัน ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งโดยทางสโมสรให้เหตุผลเพียงว่าแนวทางการทำงานไม่เข้ากัน ฝากผลงานลา ลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ อินเตอร์คอนติเนนมัล คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย
อูโด ลาเทค-บาเยิร์น มิวนิค
ผู้จัดการทีมที่เริ่มต้นอาชีพกุนซือด้วยการโดดเข้ามาคุมทีมใหญ่อย่างบาเยิร์นเลยในช่วงปี 1970 และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีก 3สมัยติด แต่ในฤดูกาล 1974/75 เจ้าตัวจะทำผลงานได้ดีบนเวทียุโรป แต่ในลีกกลับไม่เอาอ่าวจนโดนปลดไป และเสือใต้ก็จบฤดูกาลนั้นที่อันดับ 10 ยังดีที่มีแชมป์ยุโรปติดมือมา
ถัดมาในปี 1983 ลาเทคได้โอกาสแก้มืออีกครั้ง กับการได้กลับมาคุมบาเยิร์น และพาทีมคว้าแชมป์ลีกไป 3สมัยเช่นเดิม แต่จนแล้วจนรอดฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดจากการไปแพ้ให้ปอร์โต้ 2-1 ในศึกยูโรเปี้ยนคัพรอบชิง เจ้าตัวก็ต้องรับผิดชอบและโดนปลดไปทั้งที่มีแชมป์ลีกติดมือ
โรแบร์โต้ มันชินี่ -อินเตอร์ มิลาน
ก่อนที่มันชินี่จะได้มาคุมเรือใบสีฟ้า เจ้าตัวสร้างชื่อมาจากการคุมอินเตอร์ มิลาน ด้วยถ้วยแชมป์ลีก 3ปี โคปปา อิตาเลีย กับ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า อีกอย่างละ 2 สมัย อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2007/08 พวกเขาเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกได้สำเร็จ แต่มันชินี่ลับโดนบอร์ดบริหารประกาศเด้งเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเหตุผลคาดกันว่าเป็นปัญหาเรื่องการทำทีมที่ไม่ตรงกัน ก่อนจะไปดึง ลูซาโน่ สปัลเล็ตติ มาคุมทีมแทน
ราฟาเอล เบนิเตซ-เชลซี
หลังจากที่เชลซีทำการปลด โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ในช่วงกลางซีซั่น 2012/13 พวกเขาก็ไปดึงตัว ราฟาเอล เบนิเตซเข้ามาคุมทีม แต่ในช่วงแรกเจ้าตัวเจอกระแสต่อต้านอย่างหนักมาจากแฟนบอลสิงห์บลู เนื่องจากเคยคุมทีม ลิเวอร์พูลมาก่อน แต่นั่นไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานแต่อย่างใด ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกได้สำเร็จ ส่วนในลีกก็พาทีมจบอันดับ 3ได้ แต่สุดท้ายแล้วผลงานตลอด 7เดือนที่เขาคุมทีมก็ไม่ได้ช่วยให้เขายึดเก้าอี้กุนซือไว้ได้ถาวร ก่อนจะโดนปลดออกไปเพื่อเปิดทางให้กับ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับช่วงต่อ
มานูเอล เปเยกรินี่-แมนเชสเตอร์ ซิตี้
การโดนปลดเพื่อให้ใครสักคนมารับช่วงต่อของ เบนิเตซว่าปวดใจแล้ว ในกรณีของเปเยกรินี่ ปวดใจยิ่งกว่า เมื่อย้อนกลับไปในปี 2013 กุนซือชาวชิลีถูกแต่งตั้งมาแทน โรแบร์โต้ มันชินี่ และสามารถพาทีมสานต่อความสำเร็จได้ทั้งแชมป์ลีก และลีกคัพ ถึงแม้จะมีปีที่ไม่ได้แชมป์แต่ก็พาทีมไปจบอันดับ 2 เรียกว่าผลงานดีต่อเนื่องไม่มีตก
จนกระทั่งฤดูกาล 2015/16 เรือใบสีฟ้าก็ได้ออกมาประกาศว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่าจะได้มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ทั้งที่ยังไม่จบซีซั่น เรียกว่ายังไม่ทันได้ชูถ้วยแชมป์ก็ตกงานไปก่อนแล้ว แต่ด้วยความมืออาชีพ เปเยกรินี่ก็ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีก พ่วงด้วยลีกคัพมาครองได้สำเร็จ