ยิงเพลินเกินห้ามใจ : 8 แมตช์สุดมันส์วันบ็อกซิ่งเดย์

บ็อกซิ่งเดย์

เกมวันบ็อกซิ่งเดย์ ถือเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานในวงการลูกหนังของอังกฤษ และเป็นที่ตั้งตาชมของแฟนบอลทั่วโลกอีกด้วย 

เพราะในวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี จะเต็มไปด้วยตารางแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่แน่นตลอดวัน และที่สำคัญเกมวันนั้นจะเต็มไปด้วยสิ่งที่แฟนบอลมากมายคาดหวังจะได้เห็นในการแข่งขัน

ไม่ว่าจะเป็น การทำประตูที่มากกว่าเกมอื่นๆเป็นพิเศษ, การยิงประตูตีเสมอหรือประตูชัยในช่วงทดเวลา, ใบเหลือและแดงที่แจกกันทั่วสนาม ไม่แปลกใจที่นี่จะเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแต่ละฤดูกาลของลีกผู้ดี

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 8 เกมสุดมันส์ที่เกิดขึ้นในวันแกะกล่องของขวัญนับตั้งแต่ดิวิชั่นหนึ่งเป็นชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีกในปี 1992 เป็นต้นมา

 

เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ 3-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 1992

นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความมันส์ศึกบ็อกซิ่งในยุคแรกของพรีเมียร์ลีก หลังเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการในฤดูกาล 1992-93 เมื่อคริส วัดเดิ้ล กองกลางตัวเก่งของ เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ ช่วยให้ทีมออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 2-0 ตั้งแต่ 6 นาทีแรก ก่อนจะนำห่างเป็น 3-0 หลังผ่านพ้นชั่วโมงแรกของเกมไป

อย่างก็ตาม ไบรอัน แม็คแคลร์ หัวหอก ‘ปีศาจแดง’ ก็จุดประกายความหวังให้ทีมด้วยการเหมาลูกโหม่ง 2 ประตู ก่อนที่ เอริค คันโตน่า จะยิงประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมได้สำเร็จ และส่งผลให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี และเริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องการโกงความตายกลับมาสู่เกม ทั้งๆที่อยู่ในสถานะที่ไม่น่าจะทำได้ในหลายครั้งอีกด้วย

 

โคเวนทรี่ ซิตี้ 3-2 อาร์เซน่อล | 1999

แฟนบอลรุ่นใหม่ที่ย้อนไปเห็นผลการแข่งขันในวันนั้นอาจไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่มันคือเรื่องจริง ซึ่งในตอนนั้น โคเวนทรี่ ยังโลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก และมีนักเตะฝีเท้าโดดเด่นไม่แพ้ทีมไหนอีกด้วย

แม้ทีมลุ้นแชมป์อย่าง อาร์เซน่อล จะถูกยกให้เป็นต่อ เมื่อพวกเขาไปเยือน ไฮท์ฟิลด์ โร้ด ในปี 1999 แต่ทีมของ กอร์ดอน สตรัคคัน ก็หักปากกาเซียนด้วยประตูจาก แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์, มุสตาฟา ฮัดจิ และ กองหน้าดาวรุ่งในตอนนั้นอย่าง ร็อบบี้ คีน

 

มิดเดิ้ลสโบรห์ 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 2002 

แมนฯ ยูไนเต็ดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องคว้าชัยในริเวอร์ไซด์เพื่อทำคะแนนตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง หลังพลาดท่าพ่าย แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-0 ในเกมก่อนหน้านี้ที่ อีวู้ด ปาร์ค

ถึงแม้ ‘ปีศาจแดง’ จะได้ รอย คีน กัปตันคนเก่งกลับมาลงเล่นอีกครั้ง พวกเขาก็ต้องตามหลังมิดเดิ้ลสโบรห์ ไปก่อน 2 ประตู แม้ไล่ตีไข่แตกได้จาก ไรอัน กิ๊กส์ แต่ท้ายที่สุด ทีมของ สตีฟ แม็คคาเรน ก็เป็นฝ่ายคว้า 3 แต้มไปครอง หลังได้ประตูปิดกล่องจาก โจเซป ดีไซร์ จ็อบ 

อย่างไรก็ตาม แม้เกมนั้นจะทำให้ ยูไนเต็ด ตามหลัง ‘ปืนใหญ่’ ถึง 7 แต้ม แต่นั้นก็เป็จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่แพ้เลยตลอดฤดูกาลหลังจากนั้น และทำแต้มแซงหน้า ทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ จนเป็นฝ่ายชูโทรฟี่แชมป์ลีกในท้ายที่สุด

 

โบลตัน 4-3 นิวคาสเซิล | 2002

Gallery: Famous festive Premier League matches | Goal.com

เราคงต้องฝันไปแน่ๆที่เห็น แซม อัลลาไดซ์ ทำทีมแบบเน้นเกมรุกเต็มสูบ และปาฏิหารย์นั้นก็เกิดขึ้นจริงในวันบ็อกซิ่งเดย์ของปี 2002 เมื่อโบลตันเปิดบ้าน เอาชนะ นิวคาสเซิล ไปแบบสุดมันส์ 4-3

เปิดมาแค่ 10 นาทีแรก ก็มีแววสนุกแล้ว เมื่อ เจย์ เจย์ โอโคชา ยิงประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 5 แต่ในนาทีที่ 8 อลัน เชียเรอร์ ก็มายิงประตูตีเสมอให้อาคันตุกะได้ ทว่าอีก 90 วินาทีถัดมา ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ ก็ซัดฟรีคิกสุดสวยให้โบลตันขึ้นนำอีกครั้ง

ในครึ่งหลัง ทีมของ ‘บิ๊กแซม’ ได้ประตูเพิ่มอีก 2 ลูกจาก ไมเคิล ริคเก็ตส์ ส่วน ‘สาลิกาดง’ ได้เพิ่มอีก 2 ประตูเช่นกันจาก เชียเรอร์ คนเดิม และ โชลา อเมโอบี้  แต่ก็ไม่เพียงพอให้พวกเขาควักแต้มออกไปจาก  รีบ็อค สเตเดี้ยม

 

ชาร์ลตัน 4-2 เชลซี | 2003

เชลซีเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว หลัง โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเข้ามาเทคโอเวอร์ทีม แต่เงินของ ‘เสี่ยหมี’ ในตอนนั้นกลับไม่สามารถช่วยให้ทีมเอาชนะ ชาร์ลตันได้ในวันบ็อกซิ่งเดย์ปี 2003 ได้ แถมยังแพ้แบบหมดรูปอีกต่างหาก

เฮอร์มัน เฮียร์ดาร์สัน โหม่งให้ ชาร์ลตัน ขึ้นไปก่อนตั้งแต่ 45 วินาทีแรก แต่เชลซีก็ได้ประตูตีเสมอจาก จอห์น เทอร์รี่ ในเวลาต่อมา แต่ถึงอย่างนั้น แม็ต ฮอลแลนด์ ก็ยิงให้เจ้าบ้านขึ้นนำ ทั้งๆที่ ทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นฝ่ายครองเกมบุกแท้ๆ

เริ่มครึ่งหลัง ทีมจากลอนดอนเริ่มเละเทะไปกันใหญ่ หลังโดนถลุงเพิ่มอีก 2 ประตู แม้จะยิงประตูได้อีกลูกจาก ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซน แต่ก็ไม่ทันการ กลายเป็นชาร์ลตันที่คว้า 3 แต้มไปครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย

 

เชลซี 4-4 แอสตัน วิลล่า | 2007

เชลซีทำการปลด โชเซ่ มูรินโญ่ ออกจากทีมในเดือนกันยายน และให้ อัฟราม แกรนท์ รับช่วงต่อแทน ซึ่งนั่นทำให้เกิดการแข่งขันที่มันส์ที่สุดนัดหนึ่งในเกมช่วงบ็อกซิ่งเดย์ของพรเีมียร์ลีก เมื่อพวกเขาต้องพบกับ แอสตัน วิลล่าในบ้าน 

‘สิงห์ผงาด’ เป็นฝ่ายออกนำไปก่อนจากการเหมา 2 ประตูของ ฌอน มาโลนี่ย์ แต่พวกเขาก็ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลัง แซท ไนท์ โดนใบแดงในช่วงทดเวลา ก่อนที่ อังเดร เชฟเชนโก้ จะเป็นคนสังหารจุดโทษ และยิงประตูตีเสมอในครึ่งหลัง

หลังจากนั้น ‘สิงห์บลูส์’ เป็นฝ่ายขึ้นนำครั้งแรกในเกมจากลูกยิงของ อเล็กซ์ แต่ วิลล่าก็ตามตีเสมอทันควันจาก มาร์ติน เลาร์เซ่น แต่เจ้าบ้านก็เป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้งจาก มิชาเอล บัลลัค ในนาทีที่ 87 แม้ก่อนหน้านี้ ริคาร์โด้ คารวัลโญ่ กองหลังของทีมจะโดนใบแดงไปก็ตาม

แต่ในช่วงท้ายเกมกลับเกิดดราม่าชุดใหญ่ขึ้น เมื่อแอชลี่ย์ โคล โดนใบแดงตามหลัง คาร์วัลโญ่ หลังเจตนาใช้มือบล็อคลูกโหม่งของ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ แกเร็ธ แบร์รี่ จะยิงประตูตีเสมอให้วิลล่า ปิดฉากเกมนี้ด้วยจำนวน 8 ประตู กับอีก 3 ใบแดง

 

แอสตัน วิลล่า 2-2 อาร์เซน่อล | 2008

นอกจากไปป่วน เชลซี ในบ็อกซิ่งเดย์ปีก่อนแล้ว ทีมของ มาร์ติน โอนีล ยังไปปั่นประสาททีมในลอนดอนอีกทีมอย่าง อาร์เซน่อล ในฤดูกาลถัดมาด้วย พร้อมกับสถาปนาให้ วิลล่า ปาร์ค กลายเป็นหนึ่งในสนามที่สร้างความลำบากให้ทีมเยือนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

เกมทำท่าเป็นของ ‘ปืนใหญ่’ อย่างไม่มีพลิกโผ หลังพวกเขาออกนำไปก่อน 2 ประตู จาก  เดนิลสัน ในนาทีที่ 40 และ อาบู ดิยาบี้ แข้งกระดูกเปราะประจำทีมในนาทีที่ 49

อย่างไรก็ตาม เสียงเชียร์ของแฟนเจ้าบ้านในวันนั้น ทำให้วิลล่าค่อยๆไล่ตามมาจากจุดโทษของ แกเร็ธ แบร์รี่ ก่อนที่ แซต ไนท์ จะขโมยซีนแข้งวิลล่าทุกคนด้วยการยิงประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาท้ายเกม

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-3 นิวคาสเซิล | 2012

หลังครบรอบ 20 ปี ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โกงความตายกับ เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ ทีมของเฟอร์กี้ก็สร้างช่วงเวลาสุดดราม่าอีกครั้งในฤดูกาล 2012-13 เมื่อพวกเขาถูก นิวคาสเซิลของอลัน พาร์ดิว ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนถึง 3 ครั้ง คาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงประตูตีเสมอ 3-3 นั่นทำให้ชาวจอร์ดี้หลายคนกังวลไม่น้อยว่าทีมรักของพวกเขาจะกลายเป็นพ่ายแพ้ไปในท้ายที่สุด

และมันก็เป็นแบบที่แฟน ‘สาลิกาดง’ กังวลจริงๆ เมื่อ ฮาเวียร์ ‘ชิชาร์ริโต้’ เอร์นานเดซ ได้บอลจากการวางบอลยาวที่แม่นยำของ ไมเคิ่ล คาร์ริค ก่อนจะยิงสวนตัว ทิม ครูล เข้าไปเป็นประตูชัยให้แฟน ‘ปีศาจแดง’ ฉลองกันสุดเหวี่ยงในวันบ็อกซิ่งเดย์ปีนั้น

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

แขวนสตั๊ด
จากรูนถึงกุน : 14 แข้งดังที่แขวนสตั๊ดในปี 2021