แม้เพิ่งประกาศศักดากวาด “ทริปเปิ้ลแชมป์” ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดจัดการปิดดีลคว้าตัว รามิล เชย์ดาเยฟ กองหน้าดีกรีทีมชาติอาเซอร์ไบจาน ชุดใหญ่ มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดีลนี้ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับแฟนบอลชาวไทย ก็ต้องยอมรับว่าแทบไม่มีใครเคยเห็นฟอร์มเจ้าตัวมาก่อน งานนี้เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลให้กับคุณผู้อ่านทีมงาน UFAARENA จะพาไปทำความรู้จัก รามิล เชย์ดาเยฟ ว่าเจ้าตัวเป็นใคร และมีเส้นทางค้าแข้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
กองหน้าระดับท็อป อาเซอร์ไบจาน
รามิล เชย์ดาเยฟ นับเป็นอีกหนึ่งนักเตะต่างชาติที่มีชื่อชั้นที่น่าสนใจ เคยผ่านการค้าแข้งบนลีกยุโรป มาแล้วมากมาย ทั้งในลีก อาเซอร์ไบจาน, สโลวาเกีย และ รัสเซีย ก่อนตัดสินใจย้ายเข้ามาเป็นหัวหอกคนใหม่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า
แม้จะไม่ได้โลดแล่นกับทีมในลีกระดับแถวหน้าของยุโรป แต่ก็มีโปรไฟล์เคยค้าแข้งกับทีมดังอย่าง เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่เป็นขาประจำของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อบวกกับการติดทีมชาติไปแล้ว 52 นัด ยิงได้ 9 ประตู ย่อมแสดงให้เห็นว่าดีกรีของหัวหอกวัย 27 ปีนั้นไม่ธรรมดาเลย
จุดเด่นของ เชย์ดาเยฟ เป็นกองหน้าที่มีความแข็งแกร่ง, จบสกอร์เฉียบคม และเล่นลูกกลางได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ดูแล้วคงเข้ามาเป็นกองหน้าตัวเป้าที่เพิ่มมิติเกมรุกให้กับทีม “ปราสาทสายฟ้า” ได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
เคยเล่นกับทีมชาติรัสเซีย ชุดเยาวชน
แม้ปัจจุบันจะเล่นให้กับทีมชาติอาเซอร์ไบจาน แต่ย้อนกลับไปสมัยเป็นเยาวชน เชย์ดาเยฟ มีดีกรีไม่ธรรมดาถูกเรียกติดทีมชุดเยาวชนของ รัสเซีย มาแล้วเกือบทุกรุ่น ทั้ง U16, U17, U18, U19 และ U21
อันที่จริงแล้วเขาเกิดและเติบโตที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีพ่อเป็นชาวอาเซอร์ไบจาน และแม่เป็นคนรัสเซีย ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวได้เริ่มต้นเส้นทางการเล่นฟุตบอลด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และมีโอกาสได้รับใช้ทีมชาติรัสเซีย ชุดเล็กอย่างต่อเนื่อง
ผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดสมัยรับใช้ทัพ “หมีขาว” คือช่วงที่ลงเล่นให้กับทีม ยู-21 ที่ยิงไปถึง 8 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 13 นัด
คว้าแชมป์ยูโร U17
ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เมื่อปี 2013 เชย์ดาเยฟ สามารถพาทีมม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์อย่าง รัสเซีย คว้าแชมป์ได้แบบเหนือความคาดหมาย ซึ่งเขาเองมีชื่อลงสนามทั้งในเกมรอบรองชนะเลิศและนัดชิงชนะเลิศ ที่พบกับ สวีเดน และ อิตาลี
แม้ว่าตลอดรายการนี้ดาวยิงวัย 27 ปีจะยิงไม่ได้เลย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษพาทีมเอาชนะ สวีเดน ในเกมรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่เกมนัดชิงจะอาสาเป็นคนแรกในการดวลเป้าตัดสินกับ อิตาลี ซึ่งท้ายที่สุด รัสเซีย เป็นฝ่ายเอาชนะพร้อมคว้าแชมป์ยูโร U-17 เป็นสมัยที่ 3 ส่วน เชย์ดาเยฟ ได้ชูถ้วยระดับเมเจอร์ครั้งแรกในอาชีพ
คว้าแชมป์ 3 ลีกยุโรป
นอกจากความสำเร็จกับทีมชาติแล้ว ในระดับสโมสรผลงานของ เชย์ดาเยฟ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน เพราะเคยพาทีมคว้าแชมป์มาแล้วถึง 3 ทีมจาก 3 ลีกที่แตกต่างกัน
เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์ รัสเซีย พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่น 2014/2015 นั่นคือฤดูกาลแรกที่ เชย์ดาเยฟ ในวัย 19 ปี ถูกดันขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก แม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาทกับทีมมากเท่าไหร่นัก แต่จากการได้ลงเล่นในลีกถึง 5 เกม ทำให้เขาถูกใส่ชื่อเป็นอีกหนึ่งขุนพล เซนิต ชุดคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 5 ของสโมสรไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นในซีซั่น 2016/2017 เขาถูกยืมตัวจาก แทร็บซอนสปอร์ มาอยู่กับ เอ็มเอสเค ซิลิน่า ทีมยักษ์ของลีกสโลวาเกีย ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ก่อนจะยิง 5 ประตู จากการลงเล่น 12 นัด พาทีมคว้าแชมป์ สโลวัก ซูเปอร์ ลีกา ซีซั่นนั้นไปครอง
แต่จากความสำเร็จกับสองทีมที่ผ่านมา ก็คงยังไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับการพาทีมดังอย่าง คาราบัค คว้าแชมป์ อาเซอร์ไบจาน พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ในซีซั่น 2017/2018 และ 2021/2022 แถมยังได้แชมป์บอลถ้วย อาเซอร์ไบจาน คัพ อีก 1 สมัย
ฤดูกาลล่าสุดยิง 23 ประตู กับ คาราบัค
หากมองจากผลงานฤดูกาลล่าสุดของดาวยิงอาเซอร์ไบจาน รายนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา และนับเป็นปีที่ฟอร์มของเขาโดดเด่นสุดในเส้นทางการค้าแข้งของตัวเองเลยก็ว่าได้
เพราะตลอดซีซั่น 2022/2023 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ คาราบัค เจ้าตัวซัดไปถึง 23 ประตู จากการลงเล่น 53 นัดรวมทุกรายการ และหากนับเฉพาะการลงเล่นในลีก 35 นัด กดไป 22 ประตู ถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมมาก พร้อมกับผงาดคว้าตำแหน่งดาวซัลโว อาเซอร์ไบจาน พรีเมียร์ลีก
ค่าเหนื่อยมหาโหด 28 ล้านบาทต่อปี
จากที่กล่าวถึงมาทั้งหมดต้องยอมรับเลยว่า รามิล เชย์ดาเยฟ ถือเป็นว่าที่กองหน้าระดับท็อปของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า ซึ่งต้องแลกมากับการยอมทุ่มเงินจำมหาศาลสำหรับค่าเหนื่อยของเจ้าตัว
มีรายงานว่า เชย์ดาเยฟ จะได้รับค่าเหนื่อยสูงถึงปีละ 750,000 ยูโร หรือราว 28 ล้านบาท กับการมาเล่นยังถิ่น ช้าง อารีน่า หรือตกประมาณเดือนละ 2.3 ล้านบาท นับว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง หรืออาจจะที่มากสุดใน ไทยลีก เวลานี้เลยก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นแล้วการมาของ เชย์ดาเยฟ เขาจะถูกจับตามองจากแฟนบอลอย่างมากแน่นอน และเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้น เราคงต้องมารอดูกันเจ้าตัวจะสามารถโชว์ฟอร์มที่น่าประทับใจให้กับ “ปราสาทสายฟ้า” ได้หรือไม่