บัลเบร์เด้ : หัวใจหลักผู้นำ“Gen”ใหม่แห่งเบร์นาเบว

บัลเบร์เด้ : หัวใจหลักผู้นำ“Gen”ใหม่แห่งเบร์นาเบว

10 เกม 5 ประตู 1 แอสซิสต์ ในลาลีกา สเปน ฤดูกาลนี้ บ่งบอกอะไรได้หลายอย่างกับผลงานอันยอดเยี่ยมของ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ หนึ่งในผู้เล่นที่กำลังฟอร์มแรงในเวลานี้ของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด

เพราะถือเป็นเรื่องปกติของโลกฟุตบอล รุ่นใหม่มักจะขึ้นมาแทนคนเก่าที่เริ่มจะโรยราไปตามวัย

ฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะการปล่อย คาเซมิโร่ ออกจากทีม ปิดฉากตำนาน 3 มิดฟิลด์แห่งยุค (คาเซ่, โครส, โมดริช) ที่ครองบัลลังก์มาหลายปี พวกเขาได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการสอย เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า เอามาไว้รอตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2021 แถมปีนี้ยังเสริม ออเลเรียง ชูอาเมนี่ เข้ามาเพิ่มอีก ทำให้การปล่อย คาเซมิโร่ ให้กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยตัวเงินขนาดนั้น และวัยขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินใจยากเลย

ในเคสของ บัลเบร์เด้ เขาอาจจะไม่ใช่ผู้เล่นดาวรุ่งวัยกระเตาะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่านี่คือผู้นำ Generation ใหม่ของ “โลส บลังโกส”

เนื้อหอมตั้งแต่เป็นเยาวชน

เด็กหนุ่มจาก มอนเตวิดิโอ้ เมืองหลวงของอุรุกวัย ประเทศที่มีประชากรเฉลี่ยเพียง 3.4 ล้านคน แต่สามารถผลิตนักฟุตบอลฝีเท้าดีเข้าสู่ลีกดังของยุโรป

เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ก็เป็นหนึ่งในนั้นเขาเติบโตมากับทีมเยาวชนเล็ก ๆ ก่อนจะถูกดึงเข้าอคาเดมี่ของสโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่าง เปนญารอล เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2010 อย่าง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ก็เคยอยู่กับสโมสรแห่งนี้สมัยที่เป็นเยาวชนและบั้นปลายการค้าแข้งอาชีพ

บัลเบร์เด้ ทำผลงานได้น่าประทับใจ ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 17 ปี ผลงานของเขาไปเข้าตาแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป ทั้ง เชลซี, บาร์เซโลน่า, อาร์เซน่อล และเรอัล มาดริด

โดยเฉพาะ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่เกือบจะได้ตัวเข้ามาร่วมทีมในยุคที่ยังมี อาร์แซน เวนเกอร์ คุมทีมอยู่เมื่อปี 2014 มีการตกลงด้วยวาจากับตัวแทนของนักเตะ ถึงขั้นบินมาลอนดอนเตรียมเข้าทดสอบฝีเท้ากับทีม แต่ดีลดังกล่าวไม่เกิดขึ้น

แข้งรายนี้ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยความผิดหวัง แต่ก็มุ่งมั่นไปโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกชิงแชมป์อเมริกาใต้รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ทำให้ อาร์เซน่อล หันหัวเรือกลับมาหวังทาบไปร่วมทีมอีกครั้ง คราวนี้มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ

แต่ทว่าสายเกินไปแล้ว เพราะ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ได้เข้ามาตัดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาลังเลเกินไปทั้งที่มีโอกาสได้เพรชเม็ดงามไปครอบครองก่อน

ก้าวสำคัญสู่ เรอัล มาดริด

หลังจากปฏิเสธ อาร์เซน่อล เขาย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ ตามธรรมเนียมแข้งดาวรุ่งต้องถูกส่งไปเล่นกับทีมสำรองเพื่อปรับตัว ซานติอาโก้ โซลารี่ กุนซือของทีมในตอนนั้นชื่นชอบผลงานเป็นพิเศษ

จนในปี 2017 เขาถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับ เดปอร์ติโว่ ลา กอรุนญ่า ด้วยสัญญายืมตัว ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ บวกกับในตอนนั้นเขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ในการไปเล่นฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี กับทีมชาติอุรุกวัยที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ โดยพาทีมคว้าอันดับ 4

แต่ก็มีเรื่องด้านลบเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว การแสดงท่าดีใจทำตาตี่ เหมือนไป Bully คนเอเชีย ถูกนำมาเป็นประเด็นโจมตีจากสื่อ แต่เขายืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น

ฤดูกาล 2018 ได้รับโอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด ในยุคที่มี ฆูเลน โลเปเตกี คุมทัพ ประเดิมสนามเกมแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ วิคตอเรีย เพลเซ่น ด้วยวัย 20 ปี ในตอนนั้นเขามักจะถูกส่งลงเป็นสำรองเป็นตัวอะไหล่ของทีม

ก้าวสำคัญของเขากับ เรอัล มาดริด เริ่มต้นในปี 2019 การกลับมาคุมทีมอีกครั้งของ ซีเนอดีน ซีดาน และผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกับอย่าง มาร์กอส ญอเรนเต้ ย้ายออกไป ทำให้เขาขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมแบบเต็มตัว

บทบาทใหม่ถูกยกให้เป็น StevieG คนต่อไป

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในบทบาทการเล่นของ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ เกิดขึ้นในปี 2021 การมาของ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำให้เขาเปลี่ยนจากผู้เล่นแดนกลางกลายมาเป็นแนวรุกฝั่งขวาที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพทั้งเกมรับและเกมรุก

ต้องบอกว่าจังหวะมันเป็นใจ เพราะจะไปเบียดแดนกลางที่มีทั้ง คาเซมิโร่, โมดริช และโครส คงเป็นเรื่องยาก พอดีในตอนนั้นตำแหน่งฝั่งขวาถือว่าเป็นจุดบอดของทีม มาร์โก อเซนซิโอ้ เล่นได้ไม่ตอบโจทย์ ส่วน โรดริโก้ ก็เหมาะกับการลงมาเป็นตัวโจ๊กเกอร์มากกว่า

ทำให้เขาได้ยึดตำแหน่งตัวฝั่งขวาในระบบ 4-3-3 แบบยาว ๆ เชื่อว่าหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าจะไหวหรือไม่ กับการมาเล่นตำแหน่งนี้ แต่ บัลเบร์เด้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้แบบไม่มีปัญหา

เพราะนอกจากจะเล่นเกมรุกแล้ว ยังมีเกมรับที่โดดเด่น มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่ฟอร์มถือว่าโดดเด่นสุด ๆ เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานมิดฟิลด์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยลีลาการเล่นท่าทางที่ดูสง่างาม วิ่งไม่มีหมด, ขึ้นสูงสุดลงสุดตามแบบฉบับของแข้งไดนาโม

รุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ และคาร์โล อันเชล็อตติ ต่างมองไปในทิศทางเดียวกับว่าเขามีความคล้ายคลึงกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จริง ๆ และมีแววที่จะพัฒนาไปได้ไกลกว่าด้วย

“มันวิเศษมากกับการที่คุณถูกนำไปเปรียบเทียบกับผู้เล่นระดับโลก ไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูลเขายังเป็นไอดอลของนักเตะทั่วโลก มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้เห็นการเล่นของเขา แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธคำชมเหล่านี้” บัลเบร์เด้ กล่าว

“ผมต้องการสร้างชื่อและฝากผลงานเอาไว้ในฟุตบอลโลก ไม่ใช่แค่ต้นสังกัด เรอัล มาดริด ผลงานระดับชาติก็สำคัญ ผมอยากได้การยอมรับจากหลาย ๆ ด้าน ผมได้รับแรงบันดาลใจวิธีการเล่นมาจากเขา การวิ่งขึ้นลง หรือยิงนอกกรอบเขตโทษ”

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีกับการถูกนำไปเปรียบเทียบกำลังผู้เล่นระดับโลก ผมอยากใช้เรื่องนี้ให้เป็นแรงบันดาลใจในการก้าวต่อไป มันเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจ ที่บุคคลสำคัญในวงการลูกหนังมองเห็นในตัวผม มันจะช่วยให้ผมได้เรียนรู้และเติบโตต่อไป”

ประตูในเกม เอล กลาซิโก้ ที่ยิงดับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ยิ่งตอกย้ำความเหมือน เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นจนคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนั้น รวมไปถึงนัดกลางสัปดาห์ที่เพิ่งบุกถล่ม เอลเช่ 3-0 ถึงขนาดที่รุ่นพี่อย่าง โทนี่ โครส ยกให้เขาเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ผู้นำทัพ “จอมโหด” ในฟุตบอลโลก 2022

ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะโม่แข้งกันในวันที่ 20 พฤศจิกายน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือผู้เล่นความหวังใหม่ของทีมชาติอุรุกวัย ร่วมกับดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

เพราะแกนหลักที่เคยมีอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ และเอดินสัน คาวานี่ ต่างก็อยู่ในช่วงท้ายปลายทางของอาชีพค้าแข้ง

บัลเบร์เด้ ผู้เคยผิดหวังจาก World Cup 2018 ที่รัสเซีย เขามีชื่อติดทีม 26 คน ก่อนจะถูก “ขัวเฒ่า” ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ ตัดชื่อออกในช่วงโค้งสุดท้าย

คราวนี้ภายใต้การคุมทีมกุนซือคนใหม่ ดีเอโก้ อลอนโซ่ เจ้าตัวจะเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมอย่างแน่นอน

“ผมชนะลาลีกา สเปน, คว้าแชมเปี้ยนส์ลีก แต่เหนืออื่นใดไม่มีสิ่งไหนที่สำคัญไปกว่าฟุตบอลโลก มันเป็นสิ่งที่ผมฝันมาตลอด และอยากทำมันให้ได้สักครั้งในชีวิต” บัลเบร์เด้ กล่าว

ปัจจุบันมูลค่าของเขาพุ่งขึ้นไปเกิน 100 ล้านยูโร เรอัล มาดริด ไม่รอช้าขยับเพิ่มสัญญาใหม่เซ็นถึงปี 2027 เปลี่ยนเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาจากเดิม 500 ล้านยูโร เป็น 1,000 ล้านยูโร

น่าติดตามจริง ๆ กับผลงานของแข้งรายนี้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนกับบทบาทผู้เล่นเกมรุกริมเส้นของเรอัล มาดริด คาร์โล อันเชล็อตติ ตั้งเป้าอยากให้ยิงได้ 10 ประตูขึ้นไป ถึงขั้นบอกว่าถ้าทำไม่ได้ เขาก็ควรรีไทร์จากตำแหน่งกุนซือ

“คุณไม่สามารถทำให้ผู้เล่นแบบนี้ยิงได้น้อยกว่า 10 ประตูต่อหนึ่งฤดูกาล ถ้าทำไม่ได้ก็ควรรีไทร์ไปซะ”

ไม่รู้ว่า “คาเล็ตโต้” พูดเล่นหรือพูดจริง แต่ทว่าตอนนี้ บัลเบร์เด้ ซัดไปแล้ว 5 ประตู จากการลงเล่น 10 เกมในลีก เหลืออีก 5 ลูก

มารอดูกันว่ามิดฟิลด์ที่ถูกดัดแปลงมาเป็นริมเส้นจอมถล่มประตูจะทำได้หรือไม่ ?