พรีเมียร์ลีกในซีซั่นนี้ บรรดาทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาทำผลงานกันได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เสริมทัพอย่างบ้าคลั่ง , ฟูแล่ม และบอร์นมัธ ที่โชว์ฟอร์มแจ่มเป็นตัวแสบของทีมยักษ์ใหญ่ให้ได้ปวดหัวกับเป็นแถบ
อย่างไรก็ตามความวูบวาบของทีมน้องใหม่ มักจะคงอยู่แค่ปีเดียวแล้วกลายสภาพเป็นการเอาตัวรอด หรือบางทีมก็ร่วงตกชั้นกลับไปแชมเปี้ยนส์ชิพตามเดิมในซีซั่นถัดมา วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูทีมน้องใหม่ที่โชว์ฟอร์มโหดปีแรกก่อนนี้ตายในซีซั่นถัดมา
เลื่อนชั้น 2002/03 จบอันดับ 9 | 2003/04 อันดับ 16
ก่อนที่กลุ่มทุนอาบูดาบี จะเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2008 เรือใบสีฟ้าเป็นเพียงสโมสรขนาดเล็กที่ขึ้นๆลงๆลีกสูงสุดกับแชมเปี้ยนส์ชิพอยู่บ่อยๆ แต่ในซีซั่น 2002/03 พวกเขาได้กลับมาบนเวที พรีเมียร์ลีกในฐานะทีมอันดับ 1 จากแชมเปี้ยนส์ชิพ แถมในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลยังมีการเสริมทัพได้อย่างน่าสนใจทั้ง นิโคล่า อเนลก้า และ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่เข้ามาเป็นตัวหลักของทีมทันที ส่งผลไปถึงฟอร์มการเล่นที่เรียกได้ว่าจัดจ้าน และสามารถเอาชนะบรรดาบิ๊กทีมไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ได้ด้วยก่อนจะไปจบที่อันดับ 9 ของตาราง
ในซีซั่นที่ 2 บนเวทีลีกสูงสุดของแมนฯซิตี้ พวกเขาได้ไปลุยศึกยูโรป้าลีก ด้วยแม้จะไม่ได้เข้ารอบลึกก็ตาม ส่วนเรื่องขุมกำลังก็มีการเสริมทัพได้น่าสนใจเหมือนเดิม จะมีก็แค่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่เป็นนายทวารตัวหลักประกาศแขวนสตั๊ดไปเท่านั้น แถมฟอร์มการเล่นก็เริ่มต้นได้ดีด้วย แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็มีช่วงที่ไม่ชนะใครเลยยาวถึง 13 นัดติด จนร่วงไปถึงโซนหนีตกชั้น ยังดีที่ช่วงท้ายงัดฟอร์มเก่งกลับมาได้จนมาจบอันดับ 16 ของตารางแบบฉิวเฉียด
เลื่อนชั้น 2005/06 จบอันดับ 9 | 2006/07 อันดับ 15
ทัพขุนค้อนได้เลื่อนชั้นกลับมาบนลีกสูงสุดในฤดูกาล 2005/06 ด้วยการผ่านรอบเพลย์ออฟเข้ามาได้ เป็นเรื่องปกติของทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมากับการเสียนักเตะตัวหลักออกไปหลายราย แต่พวกเขาก็ได้เสริมทัพมาทดแทนเช่นเดียวกับ โดยซีซั่นแรกหลังเลื่อนชั้นขึ้นมาพวกเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมปราบทีมแกร่งอย่างอาร์เซน่อลได้ แถมทะลุไปถึงรอบชิงเอฟเอคัพ และแพ้ให้กับลิเวอร์พูลในการดวลจุดโทษ นับเป็นทีมน้องใหม่ฟอร์มแรงที่ต่อกรกับทีมใหญ่ๆได้แบบเต็มเหนี่ยว
ฤดูกาลถัดมาพวกเขาก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งจากการคว้า ฮาร์เวียร์ มาสเคราโน่ และ คาร์ลอส เตเวซ ที่เวลานั้นเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาเข้ามาสู่ทีม แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งส่งผลไปถึงฟอร์มการเล่นที่เรียกว่าย่ำแย่แพ้ต่อเนื่องหลายรอบจนลงไปกองอยู่ในโซนตกชั้น ยังดีที่ช่วงหลังของฤดูกาลพวกเขาเรียกฟอร์มกลับมาได้จนรอดตกชั้นมาจบอันดับ 15 ของตารางแบบหวุดหวิดในช่วง 2 นัดสุดท้าย นอกจากนี้ในรายการบอลถ้วยทั้ง ลีกคัพ , เอฟเอคัพ และยูโรป้าลีก ที่พวกเขาได้ไปเล่นก็จอดป้ายตั้งแต่รอบแรกๆ
เลื่อนชั้น 2006/07 จบอันดับ 8 | 2007/08 อันดับ 18 (ตกชั้น)
เรดดิ้งพุ่งทะยานเลื่อนชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีกในซีซั่น 2006/07 ในฐานะแชมป์จากลีกรองที่ยึดตำแหน่งหัวตารางมาตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น ปีแรกบนเวทีลีกสูงสุดพวกเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะบรรดาบิ๊กทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , เชลซี , อาร์เซน่อล , สเปอร์ส และลิเวอร์พูลได้ก็ตาม แต่ผลงานของพวกเขาก็เกาะกลุ่มครึ่งบนของตารางมาได้ตลอด ก่อนจะไปจบที่อันดับ 8 ของตาราง ส่วนในบอลถ้วยก็พ่ายให้กับทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น
แม้จะทำผลงานได้ดีในฤดูกาลแรกที่ขึ้นมา แต่ในซีซั่นที่สอง เรดดิ้งก็โดนโรค second-season syndrome เล่นงานเข้าให้จากการที่พวกเขาก็ยังคงชนะทีมใหญ่ๆไม่ได้แถมบรรดาทีมเล็ก หรือทีมระดับเดียวกันพวกเขาก็แพ้หมด แถมยังมีช่วงที่พวกเขาแพ้ติดต่อกัน 8 นัดถือการแพ้ติดต่อกันมากที่สุดของสโมสร นอกจากนี้ฤดูกาลนี้พวกเขายังแพ้คู่แข่งยับไม่ว่าจะเป็นแพ้ พอร์ทสมัธ 7-4 และแพ้สเปอร์ส 6-4 ส่งพวกเขาร่วงตกชั้นไปด้วยการจบอันดับ 18 ของตาราง
เลื่อนชั้น 2009/10 จบอันดับ 9 | 2010/11 อันดับ 18 (ตกชั้น)
ทัพลูกโลกเลื่อชั้นมาที่พรีเมียร์ลีกในปี 2009/10 ในฐานะรองแชมป์จากลีกรอง แม้ว่าจะเริ่มต้นบนลีกสูงสุดได้อย่างทุลักทุเล จนไปกองอยู่ครึ่งล่างของตาราง แต่เมื่อเข้าที่เข้าทางพวกเขาก็จัดสถิติไม่แพ้ใคร 12 นัดติด ยันเสมอบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล และเชลซี มาได้จนอันดับดีดขึ้นไปถึงอันดับ 8 ต่อจากนั้นก็มีฟอร์มตกอีกเล็กน้อยแต่ก็สามารถไปจบที่อันดับ 9 ของตาราง
ฤดูกาลถัดมาต้องบอกว่าพวกเขาเริ่มได้อย่างทุลักทุเลอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่มีจุดตั้งตัวได้แบบซีซั่นก่อน พวกเขาหนักไปทางเสมอซะส่วนใหญ่ และจมไปอยู่ครึ่งล่างของตารางตั้งแต่ต้นยันจบ เรียกว่าฟอร์มกู่ไม่กลับเลยสักนิด สุดท้ายก็ไปจบด้วยการตกชั้นในฐานะทีมอันดับ 18 ของตาราง แม้ว่าในรายการบอลถ้วยอย่างลีกคัพ พวกเขาจะสามารถเอาชนะอาร์เซน่อล พร้อมคว้าแชมป์ไปได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขารอดจากการตกชั้นไปได้เลย
เลื่อนชั้น 2019/20 จบอันดับ 9 | 2020/21 อันดับ 20 (ตกชั้น)
นับตั้งแต่ทัพดาบคู่เลื่อนชั้นมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2019/20 ต้องบอกว่าพวกเขาถือเป็นจอมแสบของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่น้อย ด้วยแนวทางการเล่นที่เปิดหน้าสู้กับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นทีมไหนเต็มที่ พวกเขาชนะได้ทั้ง เชลซี , อาร์เซน่อล , ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส รวมถึงถึงยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ด้วย นอกจากนี้ในเกมเอฟเอคัพ เชฟฟิลด์ ยังไปได้ถึงรอบ 8 ทีมก่อนจะไปแพ้ให้กับทัพปืนโต ส่วนในลีกก็สามารถจบอันดับที่ 9 ของตารางได้อย่างเหนือความคาดหมาย
ในซีซั่น 2020/21 พวกเขามีการเสริมทัพเข้ามา และไม่ได้เสียตัวหลักคนใดออกไปจากทีม ทรงทำท่าจะเป็นปีที่ดีของพวกเขาอีกปี แต่เมื่อฤดูกาลเปิดฉาก พวกเขาไม่ชนะใครเลย 17 นัดติด เสมอ 2 แพ้ 15 นัดดิ่งไปจมบ๊วยตารางตั้งแต่ต้น แม้จะเริ่มชนะได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถรักษาฟอร์มไว้ได้สรุปจบ 38 นัดพวกเขาชนะไปแค่ 7 เสมอ 2 ที่เหลือแพ้ทั้งหมดเรียกว่าตกชั้นไปด้วยตำแหน่งบ๊วยตารางแบบยับเยิน ชนิดที่ว่า คริส วิลเดอร์ นายใหญ่ของทีมต้องลาออกไปในช่วงกลางซีซั่นเพื่อสังเวยผลงานของตัวเอง
เลื่อนชั้น 2000/01 จบอันดับ 5 | 2001/02 อันดับ 18(ตกชั้น)
ในฤดูกาล 1999/00 ทัพม้าขาวได้กลับมาเล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฐานะอันดับ 3 ที่ต้องไปลุ้นต่อในการเพลย์ออฟ อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆที่จะตกชั้นจากลีกสูงสุดในซีซั่นต่อมา แม้จะมีการเสริมทัพที่น่าสนใจก็ตามในช่วงตลาดซัมเมอร์ แถมเมื่อซีซั่น 2000/01 เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็ทำได้ไม่ดีนัก 5 นัด แพ้ 3 เสมอ 1 ชนะนัดเดียว ก่อนที่จะเร่งฟอร์มกลับมาได้และทำผลงานได้ดีต่อเนื่องจนไปจบที่ อันดับ 5 และได้ไปเล่นใน ยูโรป้าลีก นอกจากนี้ในรายการลีกคัพก็ไปไกลถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย
ผลงานดังกล่าวเรียกว่าหักปากกาเซียนหลายรายที่มองว่าพวกเขาจะตกชั้นตั้งแต่ปีแรกที่ขึ้นมา ชนิดที่ว่าไปไกลถึงการได้เล่นฟุตบอลยุโรป แน่นอนว่าการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์พวกเขาก็จับจ่ายอย่างเต็มที่เพื่อลุยต่อบนเวทีลีกสูงสุด แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ซีซั่น 2001/02 17 นัดแรกพวกเขาชนะแค่นัดเดียว ที่เหลือเสมอ 5 แพ้ไปถึง 11 นัดจมบ๊วยตาราง ส่วนเวทียุโรปก็ไปจอดป้ายแค่รอบ 3 เท่านั้น สรุปแล้วเกมลีกแม้จะกู้ฟอร์มกลับมาได้ช่วงนึง แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ และจบลงด้วยการตกชั้นในฐานะอันดับ 18 ของตาราง
ล้มแต่ไม่เลิก : มิโตรวิชกับการพิสูจน์ตัวตนใหม่ในพรีเมียร์ลีก
