ดาร์วิน นูนเญซ และโคดี้ กัคโป ทำคนล่ะประตูช่วยให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ที่เหลือ 10 คน 2-0 ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง
โดยในเกมนี้เจ้าถิ่นยังไม่มี บรูโน่ กิลมาไรส์ มิดฟิลด์คนสำคัญที่ติดโทษแบน ต้องส่งดาวรุ่งอย่าง เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน ลงเล่นแทน ส่วน ลิเวอร์พูล ได้ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค แนวรุกตัวเก่งกลับมาลงสนามเป็นตัวจริง
เริ่มเกมครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะการลุยของ อแล็ง แซงต์-มักซิแม็ง ก่อนไหลให้ มิเกล อัลมิร่อน ได้ยิงโล่ง ๆ แต่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ออกมาไวป้องกันเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
นาทีที่ 10 กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากโอกาสแรกของเกมนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางยาวให้กับ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดเดี่ยวเข้าไปกดเต็มเท้าบอลผ่านมือ นิค โป๊บ เข้าไปแบบเด็ดขาด
จากนั้นนาทีที่ 17 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายเร็วยกให้กับ โคดี้ กัคโป หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปล่อเป้าโลง่ ๆ ไม่เหลือ
นาทีที่ 22 สถานการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล ย่ำแย่สุด ๆ เมื่อ นิค โป๊บ ออกมาเล่นนอกกรอบจะโหม่งแต่ดันพลาดกำลังจะถูกโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฉก เขาเจตนาใช้มือเล่นบอลนอกกรอบผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที เสียหายจะพลาดลงนัดชิงคาราบาว คัพ ในสัปดาห์หน้าด้วย
ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน ตัดสินใจเปลี่ยน เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน ดาวรุ่งออกไปเพื่อให้ มาร์ติน ดูบราฟก้า ลงมาเฝ้าเสา
แม้จะเหลือผู้เล่น 10 คน แต่ นิวคาสเซิ่ล ยังใจสู้เปิดเกมรุกใส่ ลิเวอร์พูล หลังทวงประตูคืนได้ลุ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะจังหวะการลากเลื้อยและได้ยิงของ อแล็ง แซงต์-มักซิแม็ง รวมไปถึงจังหวะโขกของ แดน เบิร์น ที่ไปชนคานอย่างจัง ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังนำอยู่ 2-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังเจ้าถิ่นยังใจสู้สร้างโอกาสในการเข้าทำได้หลายครั้ง ส่วน ลิเวอร์พูล ก็เล่นไปตามจังหวะมีโอกาสได้ประตูนำห่างเหมือนกันแต่ยังจบสกอร์ไม่คม
เกมผ่านไป 1 ชั่วโมง เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจพักแกนหลักด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นรอบเดียว 4 คน มีทั้ง ดีโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ รวมไปถึงเจมส์ มิลเนอร์
ช่วงท้ายเกมทีมเยือนมีโอกาสได้ประตูหลายครั้ง เหลือเพียงจังหวะสุดท้ายที่ดูจะยังไม่ลงล็อก ทำให้จบเกมไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ จบเกม ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 ขึ้นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง
ส่วน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต้องหยุดสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เอาไว้ที่ 17 เกม โดยนัดต่อไปมีคิวลงเล่นนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในสัปดาห์หน้า
11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
นิวคาสเซิ่ล (4-3-3): นิค โป๊บ, คีแรน ทริปเปียร์, ฟาเบียน แชร์, สเวน บ็อตมัน, แดน เบิร์น, เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โชลินตอน, มิเกล อัลมิร่อน, อเล็กซานเดอร์ อีซัค และอแล็ง แซงต์-มักซิแม็ง
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, สเตฟาน บาจเซติค, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และโคดี้ กัคโป