นาเดีย คาร์โปว่า มีชื่อต้นเต็มๆว่า ‘นาเดียซด้า’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ความหวัง’ และได้สักข้อความนี้เป็นภาษาอังกฤษบนคอตอนอายุ 21 โดยที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำตอนนั้นเธอมีความหวังอะไร แต่ตอนนี้มันคือสิ่งสำคัญต่อเธอแล้ว
นับตั้งแต่ รัสเซีย บุกรุกราน ยูเครน ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จนถึงปัจจุบัน มีนักกีฬาชาวรัสเซีย เพียงหยิบมือที่ออกมาพูดถึงการต่อต้านสงครามนี้
โดยเฉพาะเหล่านักฟุตบอลชาวรัสเซียที่ค้าแข้งในปัจจุบัน มีเพียง 3 คนเท่านั้นก็ออกมาพูดถึง นั่นก็คือ เฟดอร์ สโมลอฟ กองหน้าจาก ดินาโม มอสโก ที่โพสต์ต่อต้านสงครามบนอินสตาแกรมในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเงียบไปหลังจากนั้น และ อเล็กซานเดอร์ โซโบเลฟ จาก สปาร์ตัก มอสโก ที่โพสต์ข้อลักษณะเดียวกันในวันที่สงครามเริ่ม แต่ก็ลบถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คาร์โปว่า กองหน้าหญิงชาวรัสเซีย ที่ปัจจุบันค้าแข้งกับ เอสปันญ่อล ในสเปน คือคนที่ 3 ที่ออกมาต่อต้านสงครามดังกล่าว และเป็นนักเตะหญิงคนเดียวในทีมชาติรัสเซียที่ออกมาส่งเสียงไม่เห็นด้วยแบบชัดเจน
มากไปกว่านั้นเธอไม่ออกมาทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เพราะนับตั้งแต่วันที่สงครามเริ่มต้น ซึ่งกินเวลามาเกิน 3 เดือน เธอโพสต์ข้อความต่อต้านสงครามเกือบทุกวันให้ผู้ติดตามกว่า 144,000 รายเห็นบนอินสตราแกรม พร้อมความหวังที่จะเห็นชาติบ้านเกิดหยุดสงครามที่พวกเขาก่อขึ้นเสียที…
สงครามพรากทุกสิ่ง
ดาวเตะวัย 27 ปี เริ่มต้นค้าแข้งในรัสเซียกับ ซอร์กี้ และ เชอร์ตาโนโว มอสโก จากนั้นจึงย้ายมาเล่นที่ สเปน ครั้งแรกในปี 2017 โดยเล่นให้ทั้ง บาเลนเซีย, เซบีย่า ก่อนมาปักหลักกับ เอสปันญ่อล ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงตอนนี้
ส่วนในทีมชาติ คาร์โปว่า ลงเล่นให้รัสเซียไปแล้ว 24 นัด ยิงไป 6 ประตู อีกทั้งยังได้ไปลุยในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เมื่อ 5 ปีก่อนด้วย แต่ทว่าในศึกยูโรหนล่าสุดที่ อังกฤษ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในวันที่ 6-31 กรกฎาคม รัสเซีย จะไม่ได้เข้าร่วมแน่นอน เหตุถูกแบนจากการที่ประเทศของพวกเขารุกรานยูเครน
“ฉันไม่สามารถมองดูความไร้มนุษยธรรมนี้และทนอยู่เงียบๆได้ ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันอยู่ในรัสเซีย ไม่ใช่ในสเปน แต่ฉันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษในการพูดเรื่องนี้ออกมา” แข้งหญิงแดนหมีขาว กล่าวกับ BBC
โดยในช่วงที่ผ่านมา รัสเซีย ได้ออกกฎหมายใหม่ ใครที่เผยแพร่ทุกอย่างที่ทางการมองว่าเป็น “ข่าวปลอม” หรืออะไรก็ตามที่เป็นการดูหมิ่นเกี่ยวกับกองทัพ อาจมีโทษปรับสูงสุดกว่า 1.5 หมื่นรูเบิล (ประมาณ 4.4 แสนบาท) หรือจะต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
แม้นักกีฬาชาวรัสเซียหลายคนจะพยายามนิ่งเงียบกับเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับ คาร์โปว่า เพราะเธอไม่กลัวที่พูดถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะโฆษณาชวนเชื่อในแดนหมีขาวที่ต้องทำให้ทุกคนตาสว่างเสียที
“การโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียพยายามเกลี้ยกล่อมชาวรัสเซียว่าเราเป็นชาติที่พิเศษมาก และโลกทั้งใบก็ต่อต้านเราและ ‘ภารกิจสุดพิเศษ’ ของเรา” แข้งวัย 27 ปีกล่าวต่อ
“คุณกำลังพูดถึงภารกิจพิเศษอะไรกัน? ฉันไม่คิดว่าชาวรัสเซียเป็นคนพิเศษ ในขณะเดียวกัน ฉันไม่อายที่จะเป็นคนรัสเซีย เพราะรัสเซียไม่ได้หมายถึงรัฐบาลและวลาดิเมียร์ ปูติน”
“ปูตินพรากทุกอย่างไปจากเรา เขาเอาอนาคตของเราไป ขณะเดียวกัน เขาก็ทำโดยที่เรารู้อยู่แก่ใจ พวกเขา (รัฐบาล) ไม่เห็นการต่อต้านอย่างแรงกล้า คนส่วนใหญ่แค่หลับตาเมินความอยุติธรรมโดยคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องของพวกเขา”
“คนเหล่านี้ที่ชี้ให้เห็นถึงความชอบธรรมของสงคราม พวกเขาเป็นตัวประกันในการโฆษณาชวนเชื่อ ฉันรู้สึกเสียใจสำหรับพวกเขา และฉันเชื่อว่าเราจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากมัน”
ความลำบากของเพศทางเลือกในรัสเซีย
ในวัย 22 ปี คาร์โปว่า ย้ายมาเล่นในสเปนครั้งแรก บาเลนเซีย ยื่นข้อเสนอคว้าไปร่วมทีม หลังจากผลงานที่พอใจในยูโร 2017 แม้ตอนนั้นเธอได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองทั้ง 3 นัดที่รัสเซียตกรอบแบ่งกลุ่ม
หนึ่งปีก่อนหน้านั้น เธอได้รับการสนับสนุนจากลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะชื่อก้อง ให้เป็นผู้หญิงคนเดียวในนักฟุตบอลอายุน้อย 9 คนจากทั่วทุกมุมโลกที่ได้รับเลือกให้แสดงร่วมกับชาวอาร์เจนตินาในแคมเปญโฆษณาของ Adidas
แรงจูงใจสำคัญของดาวเตะชาวรัสเซีย ในการย้ายถิ่นฐานคือระดับความเข้มข้นของฟุตบอลหญิงเป็นหลัก แต่อากาศก็เป็นปัจจัยเช่นกัน การเล่นฟุตบอลในฤดูหนาวในรัสเซียไม่ค่อยสนุกนัก แต่หลังจากย้ายไปสเปน บางสิ่งที่พื้นฐานในความคิดเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“ฉันเลิกกลัวบางสิ่ง และพูดสิ่งต่างๆออกมาได้ทันที ฉันยังเข้าใจด้วยว่าจะไม่มีใครตำหนิฉันที่อาศัยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งและที่นี่ไม่มีอะไรน่าอายสำหรับการเป็นเลสเบี้ยน” แข้งวัย 27 ปีกล่าวเสริมถึงชีวิตในสเปน
“โค้ชของคุณสามารถถามคุณได้ที่นี่: ‘แฟนสาวของคุณจะมาชมเกมไหม?’ แค่คิดก็ว้าวแล้ว ขณะที่ในรัสเซียมีแต่คนถามว่าคุณมีแฟน(ผู้ชาย)หรือเปล่า”
เป็นเวลานานมากที่ คาร์โปว่า พยายามปิดซ่อนความเป็นเพศทางเลือก หรืออย่างน้อยก็ไม่พูดออกมาในที่สาธารณะ แต่ถึงอย่างนั้น พ่อของเธอก็เข้าใจและสนับสนุนกับสิ่งที่ลูกเป็น และนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่เจ้าของสโมสร รอสซิยานก้า พยายามดึงเธอไปร่วมทีม
“คนเหล่านี้กล่าวว่าเลสเบี้ยนต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ตอนนั้นฉันอายุ 18 พ่อของฉันบอกผู้ชายคนนี้ให้… ไปให้พ้น เขาบอกว่าเขาพร้อมจะคุยแต่เรื่องฟุตบอลไม่ใช่รสนิยมทางเพศของฉัน” เธอย้อนความถึงช่วงนั้น
แต่ในปี 2013 การ ส่งเสริมการรักร่วมเพศ ในหมู่ผู้เยาว์นั้นผิดกฎหมายในรัสเซียภายใต้ผู้สนับสนุนกฎหมายใหม่กล่าวว่าได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องสิ่งที่เรียกว่า “ค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซีย”
รัสเซียไม่มีนักกีฬาทีมชาติที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์อย่างเปิดเผย และแข้งหญิงจาก เอสปันญ่อล ก็ไม่เคยพูดในที่สาธารณะเกี่ยวกับเรื่องเพศของเธอมาก่อน ซึ่งเธอเพิ่งบอกแม่ของเธอเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
“ไม่ใช่เรื่องลับอะไรสำหรับปัญหาหลักๆของเด็กที่เป็นเกย์คือการที่คุณเก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา คุณกลัวที่จะถูกตัดสินจากสังคม และและเมื่อรัฐของคุณกลายเป็นคนที่กลั่นแกล้งคุณ มันไร้สาระสิ้นดีเลย”
“ตอนนี้การโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย กำลังพยายามทำให้ชื่อเสียงของผู้ที่พูดต่อต้านสงครามเสื่อมเสียโดยการพาดพิงถึงพวกเขา (เพศทางเลือก)”
“ตัวอย่างเช่น เมื่อ มาร์การิต้า ซิโมยาน (บรรณาธิการบริหารสื่อของรัสเซีย RT) กำลังพูดถึง มักซิม กัลคิน (นักแสดงตลกและพิธีกร) ซึ่งออกมาต่อต้านสงคราม โดยเธอกล่าวว่า: ‘เขาเป็นเกย์ไง!’ การเป็นเกย์หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ดี น่าขยะแขยง ไม่มีค่านิยมทางศีลธรรม”
ต้องช่วยกันส่งเสียงต่อไป
ในเดือนมีนาคมปี 2020 คาร์โปว่า ได้ย้ายมาเล่นที่ เอสปันญ่อล ซึ่งอยู่ยาวจนถึงปัจจุบัน แต่จากนั้นอีก 2 ปีต่อมา ทามิล่า คิมิช กองหน้าหญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นชาวยูเครน ก็ย้ายมาเป็นเพื่อนร่วมทีม
และจากสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ กองหน้าวัย 27 ปี ถูกเฝ้ามองด้วยท่าทีระแวดระวังว่าเป็นเธอเป็นพวกรัสเซียคลั่งชาติที่หนุนสงครามอย่างที่หลายคนกังวลหรือไม่
“เมื่อฉันไปเจอเธอครั้งแรก เธอมองมาที่ฉันอย่างระมัดระวัง เหมือนกับที่เธอไม่แน่ใจว่าฉันเป็นพวกเขาสนับสนุนสงคราม และมองว่าเป็นศัตรของยูเครนหรือเปล่า”
“ฉันอยากร้องไห้ ผมกำลังคิดถึงครอบครัวและเพื่อนๆของเธอ และถ้าพวกเขาโอเค มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากที่เข้าใจว่าเธออาจสูญเสียคนที่รักได้”
“ฉันรู้สึกถึงอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา ฉันยังไม่อยากเชื่อในบางครั้งว่ามันเป็นเรื่องจริง และมันก็กำลังเกิดขึ้น”
แข้งชาวรัสเซีย ดีใจมากที่รู้ว่าญาติๆของเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของเธอปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ชาวยูเครนจำนวนมากยังคงตกอยู่ในอันตรายในขณะที่สงครามยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีใครรู้ว่าสงครามจะสิ้นสุดเมื่อใด
เธอยอมรับว่าเธอดีใจมากที่งานปัจจุบันของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐรัสเซียแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกับนักกีฬาอาชีพชาวรัสเซียส่วนใหญ่ เธอคิดว่าน่าจะทางเลือกที่ดีกว่ากับการยกเลิกทริปไปเยี่ยมพ่อแม่และเพื่อนๆของเธอที่รัสเซียในซัมเมอร์นี้
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่คนในบ้านเกิดของเธอ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน, นักกีฬา หรือใครก็ตามที่มีชื่อเสียงต้องออกมาส่งเสียงต่อต้านร่วมกัน
“ฉันหวังว่าชาวรัสเซีย – นักกีฬารัสเซียด้วย – จะพูดออกมาเพื่อให้คนอื่นๆ ที่ต่อต้านสงครามรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย”
“คุณไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว เวลาแห่งความเงียบงันควรจะจบลงแล้ว พวกเขา (รัฐบาลนี้) จะต้องจากไปในวันหนึ่ง พวกเขาล้วนแก่ชรา เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น เราจะยังมีชีวิตอยู่ และเราควรพร้อมที่จะจัดการทุกอย่าง”
“ฉันหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในไม่ช้า”