ภาพที่ จอร์โจ คิเอลลินี่ กัปตันทีมชาติ อิตาลี ชูถ้วยแชมป์ ยูโร 2020 เหมือนจะผ่านไปเพียงพริบตา เผลอแป๊บเดียว เข้าสู่เดือน ส.ค. เท่ากับว่าถึงเวลานี้เหลืออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์เท่านั้น ศึก ลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021/22 ก็จะกลับมาเปิดฉากฟาดแข้งกันอีกครั้งแล้ว
แม้สถานการณ์เชื้อเลวโควิด-19 จะยังคงอยู่กับมนุษย์โลก แต่เวลายังคงเดินต่อไป สโมสรต่างๆ ยังคงเตรียมความพร้อมอย่างมุ่งมั่น เสริมความแข็งแกร่งเท่าที่จะทำได้ เพื่อหาโอกาสก้าวไปสู่จุดที่ดีที่สุด และนี่คือความเคลื่อนไหวของ บิ๊กซิกส์ลูกหนังผู้ดี พวกเขาเดินหน้ากันไปมากน้อยแค่ไหน UfaArena จะพามาดูกัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาดิโอล่า ต้องบอกว่าผลงานนั้นไร้เทียมทานเหลือเกิน เรียกว่าคุณภาพอัดแน่นในทุกตำแหน่ง ซึ่งฤดูกาลนี้ขุมกำลังนั้นยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ทีมปล่อยแข้งอย่าง เอริค การ์เซีย ปราการหลังทีมชาติสเปน และ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า ไปให้ บาร์เซโลน่า ทำให้เชื่อว่าจำเป็นต้องเสริมทัพเข้ามาเช่นกัน
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : แม้ฤดูกาลที่แล้ว อเกวโร่ จะตกเป็นตัวสำรอง และทีมมักจะเขยิบใช้ เควิน เดอ บรอยน์ หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ขึ้นไปเล่นในตำแหน่งFalse9 แทน ก่อนที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์จะอำลาทีมในฤดูกาลนี้ นั่นทำให้ยังไงซะ เป๊ป กวาดิโอล่า จะยังปราถนาที่จะเสริมผู้เล่นในเกมรุกแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แจ๊ค กรีลิช แนวรุกกัปตันทีม แอสตัน วิลล่า ที่ล่าสุดทีมได้ยื่นข้อเสนอ 100 ล้านปอนด์ให้กับทัพ สิงห์ผยอง พิจารณาแล้ว ขณะเดียวกันอีกหนึ่งรายนั่นก็คือผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่จะเข้ามาแทน อเกวโร่ เป้าหมายหลักอยู่ที่ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงคนสำคัญของ ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ที่น่าจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะพาทีมไปสู่แชมป์ยุโรป หากคว้าตัวมาร่วมทัพได้จริง
คีย์แมนสำคัญ : เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพทีมชาติเบลเยี่ยม จะยังคงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมต่อไป จากผลงานฤดูกาลที่แล้วแม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนในบางช่วง แต่เมื่อได้ที่เขาฟิตเต็มถัง จังหวะแอสซิสต์คิลเลอร์พาส นั้นเรียกได้ว่าหวังผลเป็นประตูได้แทบทุกครั้ง
ดาวเตะน่าจับตา : ฟิล โฟเด้น จากผลงานที่แจ้งเกิดเต็มตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จนได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก แม้ฟอร์มกับทีมชาติอังกฤษ จะหลุดหายไปจนหลุดเป็นสำรอง แต่ซีซั่นนี้ ดาวเตะวัย 20 ปี จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักเต็มตัว และน่าสนใจว่าเขาจะรักษาฟอร์มเก่งเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : ไม่มีฤดูกาลไหนที่ทัพ “เรือใบสีฟ้า” จะได้รับการคาดหวังน้อยไปกว่าตำแหน่งแชมป์ ซึ่งฤดูกาลที่แล้วพวกเขาทวงแชมป์พรีเมียร์ลีก มาจากลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าฤดูกาลนี้หลังจาก เป๊ป กวาดิโอล่า ต่อสัญญาฉบับใหม่ จะทำให้ความมุ่งมั่นจะยังเต็มเปี่ยมแน่นอน รวมไปถึงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ต้องอกหักในรอบชิงชนะเลิศ ก็จะจุดไฟในตัวพวกเขาขึ้นมาได้แน่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พลพรรค “ปีศาจแดง” ฤดูกาลที่แล้วมาพร้อมฟอร์มที่น่าเซอร์ไพรส์ ด้วยการจบในตำแหน่งรองแชมป์ แม้จะมีแต้มตามหลังทัพ “เรือใบสีฟ้า” ถึง 12 คะแนน รวมทั้งยังผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ แต่จากผลงานดังกล่าวทำให้ บอร์ดบริหารเห็นแววทางที่ดี ก่อนจะตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ออกไปถึงปี 2024 พร้อมกับเสริมทัพแข้งระดับบิ๊กเนมเข้ามาถึง 2 ตำแหน่ง
เริ่มจาก เจดอน ซานโช่ แนวรุกทีมชาติอังกฤษ ของ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ที่หลังจากเจรจากันมานานแรมปี ถึงเวลานี้ ดาวเตะวัย 20 ปี ก็ได้สวมเสื้อปีศาจแดงสมใจ ซึ่งเขาจะเข้ามาเติมเต็มเกมรุกของ ยูไนเต็ด ชุดนี้ได้อย่างแน่นอน เมื่อจะได้ผนึกกำลังร่วมกับแข้งอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เอดินสัน คาวานี่ นอกจากนี้ที่น่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยคือการปิดดีลอย่าง ราฟาเอล วาราน ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส ของ เรอัล มาดริด ได้เร็วเกินคาด และดาวเตะวัย 28 ปี จะเข้ามาเป็นคีย์แมนในเกมรับร่วมกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในฤดูกาลนี้
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : แม้จะได้ 2 แข้งบิ๊กเนมเข้ามาเสริมทัพแล้ว แต่ถึงเวลานี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังต้องเจอปัญหาคาราคาซังที่แก้ไม่ตก เมื่อ ปอล ป็อกบา ห้องเครื่องคนสำคัญ ยังคงไม่ตัดสินใจที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม และเหลือสัญญาอีกเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น เวลานี้ ทำให้แข้งที่ตกเป็นข่าวเวลานี้นั้นแทบจะเป็นกองกลางทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า กองกลางวันเดอร์คิดส์ของ แรนส์ รวมไปถึง ซาอูล ญีเกซ จาก แอตเลติโก มาดริด ขณะเดียวกันในตำแหน่งแบ็กขวาที่มี คีแรน ทริปเปียร์ เป็นอีกเป้าหมายที่ต้องการเช่นกัน
คีย์แมนสำคัญ : บรูโน่ แฟร์นานเดส จะยังคงเป็นเดอะแบกทีมเหมือเช่นเคย แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ว่าจะด้วยการเสริมทัพ หรือผลงานโดยรวมของทีมเมื่อฤดูกาลก่อน จะทำให้แฟนบอลจะคาดหวังมากขึ้นเป็นทวีคูณแน่นอน
ดาวเตะที่น่าจับตา : 2 แข้งใหม่อย่าง ซานโช่ และ วาราน จะถูกแสงสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามาอย่างเต็มตัว กับการเข้ามาค้าแข้งในถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ในครั้งนี้ ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่งว่าผลงานของทีมจะยกระดับไปได้มากน้อยแค่ไหนในฤดูกาลนี้
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : 2013 คือปีสุดท้ายที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และถึงเวลานี้ โซลชา ที่กลายเป็นกุนซือที่ได้อยู่กับทีมนานกว่าใครเพื่อน นับตั้งแต่การอำลาทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ฤดูกาลนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องก้าวผ่านอุปสรรคทุกสิ่งเพื่อคว้าแชมป์มาครองให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยพรีเมียร์ลีก ,บอลถ้วยในประเทศ หรือแม้กระทั่ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ตาม
ลิเวอร์พูล
ฟอร์มหลุดไปแบบน่าใจหายเมื่อฤดูกาลก่อน สำหรับ “หงส์แดง” ก่อนจะมาเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมกลับมาติดอันดับ 3 ได้ไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งน่าสนใจเหลือเกินว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ เฮฟวี่เมทัล จะพาทีมกลับมาสู่เส้นทางแห่งการลุ้นแชมป์ได้หรือไม่
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : มันชัดเจนเอามากๆ กับสิ่งที่ปรากฏในฤดูกาลที่แล้ว สำหรับทัพ หงส์แดง เมื่อการขาดหายไปของผู้เล่นในตำแหน่งเกมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เวอร์กิล ฟานไดค์ ที่ต้องพักยาวทั้งฤดูกาล จนทำให้ทีมหลุดวงโคจรแชมป์ไปแบบดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาทำผลงานไร้เทียมทานมาโดยตลอด ซึ่งการกลับมาของ ปราการหลังกัปตันทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ น่าสนใจว่าจะกลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งได้เหมือนเดิมหรือไม่ รวมไปถึงแข้งที่เข้ามาใหม่อย่าง อิบราฮิม่า โกนาเต้ เซ็นเตอร์แบ็กที่ย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก จะคุณภาพดีพออย่างที่หวังหรือไม่
ขณะเดียวกันเวลานี้กองกลางที่ยังกลายเป็นรอยโหว่ขนาดใหญ่ เมื่อ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ห้องเครื่องดัตช์นั้นตัดสินใจลาทีมไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องใช้เวลาที่เหลือเพื่อรีบหาแข้งคุณภาพเข้ามา โดยเวลานี้มีทีมก็มีข่าวกับ อีฟส์ บิสซูม่า กองกลางตัวเก่งของ ไบรท์ตัน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้ตัวมาร่วมทัพหรือไม่
คีย์แมนสำคัญ : น่าสนใจว่า 3 ประสานอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ,โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่เล่นด้วยกันมาหลายฤดูกาลติด พร้อมคว้าแชมป์แทบทุกรายการแล้ว จะมีอาการหมดไฟให้เห็นหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าฤดูกาลนี้เราจะได้เห็น ดีโอโก โชต้า สอดแทรกเป็นตัวจริงบ่อยครั้งกว่าเดิมแน่นอน
ดาวเตะที่น่าจับตา : จากเกมอุ่นเครื่องที่ “หงส์แดง” พ่าย แฮรธ่า เบอร์ลิน 3-4 จะเห็นได้ว่าแม้ ฟาน ไดค์ จะหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี แต่ฟอร์มนั้นยังไม่เข้ารูปเข้ารอย และคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ ซึ่งจุดนี้แหละที่น่าสนใจว่าดาวเตะวัย 30 ปี จะกลับมาคืนฟอร์มเก่งได้เมื่อไหร่
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : แม้ “หงส์แดง” อาจจะไม่ได้เสริมทัพเข้ามาหนักเหมือนทีมอื่นๆ แต่การมีกุนซือที่ชื่อว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังเชื่อมือได้เลยว่าพวกเขาจะต้องการกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน
เชลซี
“สิงโตน้ำเงินคราม” สร้างเซอร์ไพรส์สุดๆกับผลงานเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นับตั้งแต่การเข้ามาคุมทัพของ โธมัส ทูเคิล เมื่อพวกเขาสามารถครองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และทำให้ในฤดูกาลนี้ พวกเขาจะเป็นหนึ่งในทีมที่อันตรายที่สุดในพรีเมียร์ลีก อย่างแน่นอน
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : สิ่งที่ ทูเคิล และทุกคนเห็นเหมือนกันคือตำแหน่งกองหน้าของทีมนั้นคือสิ่งที่ทัพ สิงห์บูล์ส จำเป็นต้องแก้ให้ได้ หลังจากฤดูกาลที่แล้ว ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมนี ทำผลงานได้น่าผิดหวัง จนทำให้สุดท้ายต้องเขยิบไปเล่นในตำแหน่ง ริมเส้น พร้อมให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นมาเป็นเล่นเป็นกองหน้าแทน
ทำให้เวลานี้ เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช ประธานสโมสรพร้อมจ่ายเงินไม่อั้นเพื่อให้ทีมคว้ากองหน้ารายใหม่มาร่วมทัพให้ได้ โดยมีเป้าหมายทั้ง เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ดาวยิงโบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ และ แฮร์รี่ เคน นั่นเอง
คีย์แมนสำคัญ : การเข้ามาของ ทูเคิล ทำให้ผู้เขียนมองว่าทำให้แนวรับของทีมนั้นเล่นได้อย่างลงตัวสุดๆ โดยเฉพาะการกลับชาติมาเกิดของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และเชื่อว่านี่จะเป็นอีกฤดูกาลที่ดาวเตะเยอรมนีตัวนี้จะเป็นกำลังสำคัญในเกมรับต่อไป
ดาวเตะที่น่าจับตา : หลังจากฤดูกาลที่แล้วในช่วงแรก ไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวเตะค่าตัวสถิติสโมสรอาจจะยังปรับตัวกับทีมไม่ได้ แต่ในช่วงท้ายฤดูกาลผลงานของดาวเตะวัย 21 ปี เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลังจากใช้เวลาปรับตัวมา 1 ฤดูกาลเต็ม เชื่อว่าฤดูกาลนี้ ไค จะแสดงศักยภาพให้ทุกคนได้เห็นว่าทำไมเขาถึงเป็นความหวังของวงการลูกหนังเยอรมนีออกมาแน่นอน
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : ถึงเวลานี้ ทูเคิล จะได้ทำทีม สิงห์บูล์ส แบบเต็มตัวตั้งแต่ช่วง ปรีซีซั่น และแน่นอนว่า แชมป์พรีเมียร์ลีก คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ หลังคว้าแชมป์ยุโรปมาแล้ว
ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์
ผลงานของทัพ “ไก่เดือยทอง” เมื่อฤดูกาลก่อนถือว่าหลุดโค้งไปแบบเซอร์ไพรส์ไม่น้อย จนสุดท้ายสโมสรต้องตัดสินใจปลด โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกสพ้นจากตำแหน่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจนสุดท้ายทีมจบด้วยอันดับ 7 ของตาราง
มาฤดูกาลนี้ การเข้ามาของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต อดีตกุนซือวูล์ฟแฮมป์ตัน ต้องมาดูกันว่าทีมจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน และจะกลับมาอยู่ในวงโคจรท็อปโฟร์ได้อีกครั้งหรือไม่
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : เวลานี้ปัญหาใหญ่สุดๆของ สเปอร์ส คือการที่พวกเขากำลังจะต้องเสีย แฮร์รี่ เคน ออกจากทีม หลังเจ้าตัวแจ้งเจตจำนงค์แล้วว่าต้องการย้ายไปอยู่กับทีมล่าแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้น่าสนใจว่าสโมสรจะสามารรั้งตัวดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษ เอาไว้ต่อไป หรือพร้อมขายเพื่อนำเงินเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งหากเสีย เคน ไป จริง ต้องดูว่าจะมีกองหน้ารายใหม่เข้ามาทดแทนหรือไม่
คีย์แมนสำคัญ : การต่อสัญญาฉบับใหม่ของ ซอน จะทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวความหวังสูงสุดของทีม และมีโอกาสไม่น้อยที่จะได้เขยิบจากตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้าย ขึ้นมาเป็นหัวหอกตัวเป้าเต็มตัว
ดาวเตะที่น่าจับตา : การเข้ามาของ ไบรอัน กิล วันเดอร์คิดส์ทีมชาติสเปน ที่ สเปอร์ส ทุ่มทุนถึง 25 ล้านปอนด์ พร้อมส่ง เอริค ลาเมล่า ไปให้กับ เซบีญ่า นั่นจะทำให้เขาได้รับการจับตาอย่างยิ่งว่าจะปรับตัวให้เขากับฟุตบอลอังกฤษได้รวดเร็วแค่ไหน
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : นับตั้งแต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อำลาทีมไป เราแทบยังมองไม่เห็นเลยว่าทัพ ไก่เดือยทอง จะกลับไปสู่จุดลุ้นแชมป์ได้ อย่างไรก็ตามศักภาพที่มีเชื่อว่าการลุ้นท็อปโฟร์นั้นพวกเขายังได้ลุ้นอยู่
อาร์เซน่อล
ล้มเหลวที่สุดในรอบ 25 ปีกับผลงานเมื่อฤดูกาลก่อน ด้วยการไม่ได้ลุ้นแชมป์อะไรเลยแม้แต่รายการเดียว ซ้ำร้ายยังหลุดวงโคจรด้วยการไม่ได้ไปเตะถ้วยยุโรปในฤดูกาลนี้อีกด้วย แต่สโมสรก็ยังคงไว้วางใจให้ มิเกล อาร์เตต้า ทำหน้าที่กุนซือต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล
ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า นั่นคือปัญหาของ ไอ้ปืนใหญ่ ในเวลานี้ แบรนด์ เลโน่ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังดีไม่พอในตำแหน่งผู้รักษาประตู และทำให้แฟนบอลต้องเสียดายที่สโมสรปล่อย เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ออกไป ขณะที่เกมรับยังคงเป็นปัญหาใหญ่จะมีเพียง คีแรน เทียร์นีย์ ที่ดูดีกว่าใครเพื่อน ส่วนแดนกลาง โธมัส ปาร์เตย์ ก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับเกมเร็วในพรีเมียร์ลีกให้ได้ ปิดท้ายที่แนวรุกคือปัญหาใหญ่ที่สุด เพราะอยู่ดีๆ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ดายิงกัปตันทีมที่ต่อสัญญาก็ฟอร์มหลุดไปแบบไม่น่าเชื่อ
สิ่งที่ต้องการปรับปรุง : สิ่งแรกที่ อาร์เตต้า สมควรทำที่สุดคือคือเรียกความมั่นใจให้ทีมชุดนี้กลับมามีแพสชั่นแห่งชัยชนะอีกครั้ง เพราะไม่ว่าทีมจะมีผู้เล่นที่ดูดีแค่ไหน แต่หากกุนซือชาวสเปน ยังไม่สามารถถ่ายทอดความรู้และแท็กติกให้นักเตะเข้าใจได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นเรื่องยากที่ทีมจะกลับมาอยู่ในฟอร์มเก่งอีกครั้ง
คีย์แมนสำคัญ : ไอ้ปืนใหญ่เวลานี้ไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่งได้อีกต่อไป หลังฤดูกาลที่แล้ว โอบาเมยอง ดาวยิงกัปตันทีมล้มเหลวสุดๆ แต่การก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักอย่างเต็มตัวของ บูกาโย่ ซาก้า และ เอมิลล์ สมิธ โรว์ น่าจะทำให้พวกเขายังมีความหวังที่จะกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
ดาวเตะที่น่าจับตา : การเข้ามาของ เบน ไวท์ ปราการหลังค่าตัวสถิติสโมสร 50 ล้านปอนด์ จะเข้ามาเติมเต็มในเกมรับ โดยเขาจะได้เล่นร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส ซึ่งต้องดูว่าจะสามารถแก้ปัญหาในเกมรับของทีมได้หรือไม่
เป้าหมายฤดูกาลนี้ : การที่ทีมไม่ได้ไปเล่นในถ้วยยุโรป ทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาจะสามารถมุ่งมั่นกับ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่ นั่นทำให้อย่างน้อย อาร์เตต้า จำเป็นต้องพาทีมกลับมาอยู่ในวงโคจรท็อปโฟร์ให้ได้ ถ้าไม่สำเร็จก็ถึงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงควรจะเกิดขึ้นเสียที เพราะแค่ได้โอกาสอยู่ทำทีมต่อในฤดูกาลนี้ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว
DaboyG
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สมิธ โรว์ไหวมั้ย? : ตัดเกรดแข้งปืนใหญ่เบอร์ 10 ยุคพรีเมียร์ลีก