เรื่องเล่าการชวดคว้านักเตะมาร่วมทีมของอาร์เซน่อล และ อาร์แซน เวนเกอร์ กลายเป็นสิ่งที่หลายคนหยิบยกมาพูดถึงบ่อยครั้งในวงสนทนาลูกหนัง
ไล่ไปตั้งแต่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ลิโอเนล เมสซี่, เคราร์ด ปิเก้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปาดหน้าคว้าไปร่วมทีมแทน รวมไปถึง แวงซองต์ กอมปานี, ราฟาเอล วาราน, พอล ป็อกบา และอีกมากมาย
ยาย่า ตูเร่ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของอาร์เซน่อลทั้งหมด ที่ไม่สามารถคว้าตำนานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ในตอนนั้น และเหล่ากูนเนอร์ส ที่ได้เห็นฝีเท้านัดแรกและนัดเดียวของเขาในสีเสื้อ ‘ปืนใหญ่’ ก็คงไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่
เพราะคงไม่มีใครคิดว่า ยาย่า จะกลายเป็นกองกลางระดับโลกในเวลาต่อมา…
ตามรอยพี่ชาย
ตูเร่คนน้องเพียงอายุครบ 20 ปี เมื่อเขาได้โอกาสทดสอบฝีเท้ากับทีมดังจากลอนดอนเหนือในช่วงซัมเมอร์ปี 2003
โอกาสฉายแสงของดาวรุ่งชาวไอวอรี่โคสต์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่อพี่ชายของเขา โคโล่ ตูเร่ ได้รับสัญญาจาก อาร์เซน่อล ในช่วงทดสอบฝีเท้าเมื่อปีก่อน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดไปหน่อยก็ตาม
“ผมจำได้ว่าบอลถูกจ่ายให้กับ เธียร์รี่ อองรี และ โคโล่ ตูเร่ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ และเข้าปะทะจากด้านหลังเต็มที่” อดีตกองกลาง ‘กันเนอร์ส’ เรย์ พาร์เลอร์ เขียนไว้ในหนังสือของเขา ‘Arsene Wenger: The Inside Story of Arsenal Under Wenger’.
“มันเป็นการเข้าปะทะที่แย่มาก เป็นใบแดงในเกมปกติได้เลย และ นักเตะที่ดีที่สุดของเราก็ลงไปนอนกองกับพื้น”
“เวนเกอร์ ตะโกนบอกโคโล่ ‘นายทำอะไรของนายน่ะ? อย่าเข้าปะทะ’ ในนาทีต่อมา บอลอยู่ที่ เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ โคโล่ ก็ทำแบบเดิมอีก ซึ่ง เวนเกอร์ก็บอกว่าไม่มีการเข้าปะทะแล้ว”
“สิ่งต่อไปที่หลายคนทราบ โคโล่ เล่นงานเขา (เวนเกอร์) ด้วยการกระโดดขาคู่ใส่ สิ่งที่หลายคนได้ยินก็คือ เสียงร้องโอดโอยของเวนเกอร์”
“โคโล่ น้ำตาคลอเบ้า วันสำคัญของเขาพังทลายลงแล้ว ผมไปที่ห้องปฐมพยาบาล และเวนเกอร์ก็ประคบน้ำแข็งที่ข้อเท้าอยู่ ผมบอกไปว่า ‘ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก’ เขาตอบผมกลับมาว่า ‘เราจะเซ็นสัญญากับเขาพรุ่งนี้ ผมชอบความกระหายของเขา’ “
แต่แทนที่จะได้เล่นงานแข้งชุดใหญ่และผู้จัดการทีมเหมือนผู้เป็นพี่ ยาย่า ได้โอกาสในการผลงานที่รูปแบบทั่วไปที่เหมาะสมมากกว่า นั่นก็คือการได้เล่นในเกมพรีซีซั่นกับ บาร์เน็ต ทีมนอกลีกในตอนนั้น
โอกาสครั้งสำคัญ
เวนเกอร์ รับรู้ถึงความสามารถของ ตูเร่ คนน้องตั้งแต่เขามีอายุ 15 ปี ซึ่งกำลังพัฒนาฝีเท้ากับ เบเวอร์เรน สโมสรจากเบลเยี่ยม ร่วมกับ แชร์วินโญ่ และ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ว่าที่แข้ง ‘ปืนใหญ่’ ในอนาคต
“ยาย่า ตูเร่ เป็นนักเตะระดับท็อป เรารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” กุนซือชาวฝรั่งเศสกล่าว
“ปัญหาเดียวที่มีก็คือการแก้ไขให้เขาเล่นในตำแหน่งต่างๆ เพราะเขาสามารถเล่นได้ทุกที่ เขาเล่นเป็นกองหลังได้, เป็นกองหน้าตัวต่ำ, เป็นกองกลาง และนานมากที่เราไม่รู้ว่าจะให้เขาเล่นตรงไหนดี”
กุนซือแดนน้ำหอม มีปัญหาคล้ายๆกันกับ กรณีของ โคโล่ ที่จับเขาไปเล่นเป็นกองกลาง และ ฟูลแบ็ค ก่อนที่จะยกระดับตัวเองในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง และกลายเป็นแข้งคนสำคัญในชุดแชมป์ไร้พ่าย แต่ในเกมวันนั้นกับบาร์เน็ต เขาถูกโยกไปเล่นเป็นกองกลางร่วมกับน้องชาย
กาเอล กลิชี่ เป็นนักเตะที่ได้ทดสอบฝีเท้าอีกคนในทีม ซึ่งมีชะตากรรมในอาร์เซน่อล แตกต่างจาก ยาย่า อย่างสิ้นเชิง หลังได้ลงเล่นให้สโมสรมากกว่า 250 นัดหลังจากนั้น ก่อนทั้ง 2 จะย้ายไปรียูเนี่ยนกันอีกครั้งในทีม ‘เรือใบสีฟ้า’
แม้ว่าจะไม่มี เธียร์รี่ อองรี และ ปาทริค วิเอร่า แต่พวกเขาก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่ดี ทั้ง โลร็อง เอตาเม่, โซล แคมป์เบลล์ และ มาร์คิน คีโอว์น ได้เล่นทั้งหมด ขณะที่ เรย์ พาร์เลอร์ และ เอดู ก็ลงเป็นกองกลาง โดยมีดาวรุ่งอย่าง แกรแฮม สตัค, เจโรม โทมัส และ จอห์น ฮอลส์ ได้โชว์ฝีเท้าด้วย
ต่อหน้าแฟนบอลราวๆ 5,000 คน ครึ่งแรกผ่านไปในแบบที่ไม่มีจังหวะน่าตื่นเต้นให้เห็นมากนัก แม้ว่า ริชาร์ด คล้าก ได้รายงานในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรจากลอนดอนเหนือว่า ‘ครึ่งแรกดูราบเรียบไปนิด’ ก็ตาม
แต่นั่นไม่ได้หยุดเขาให้พูดถึง ยาย่า ตูเร่ โดยเขียนลงไปว่า “ยาย่า มีร่างกายและสัมผัสที่นุ่มนวลเหมือน ปาทริค วิเอร่า แต่ความคล้ายคลึงนั้นจบลงกับผลงานของเขาในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแดนกลางเมื่อตอนบ่าย และสวมเสื้อเบอร์ 4 ของอาร์เซน่อล”
ธรรมดาเกินไป
หลังจากมีการเปลี่ยนตัวมากมายในช่วงพักครึ่งแรก ตูเร่คนน้องถูกดันไปเล่นในตำแหน่งทำเกมรุกมากขึ้น โดยประสานงานคู่กับ โทมัส ในแดนหน้า
นั่นเป็นโอกาสที่แข้งชาวไอวอรี่โคสต์ฉายแสงก็มาถึง เมื่อควินซี่ โอวูซู-อเบยี่ ครอสสุดสวยผ่านมาเสาสองให้เขาโหม่งทำประตูและมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ด
“มันดูเป็นเรื่องง่ายที่จะยิงประตูใส่เจ้าบ้าน แต่ ยาย่า กลับโหม่งออกข้างไป” คือการพูดถึงของ คล้าก ในรายงานหลังเกม และ “ฟอร์มธรรมดาทั่วๆไป” คือสิ่งที่ เวนเกอร์ พูดถึงฟอร์มการเล่นของ ยาย่า ในวันนั้นที่จบลงด้วยผลเสมอแบบจืดๆ 0-0
ต่อมา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาล 2003-04 โดยไม่แพ้ให้กับใคร ขณะที่ ยาย่า ตูเร่ ที่อดได้สัญญาจากสโมสรก็ต้องดูความสำเร็จของพี่ชายแบบห่างๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ผลงานจะไม่ดีนักในเกมพบกับ บาร์เน็ต เวนเกอร์ ก็ยังให้ความสนใจคว้าตัวกองกลางหนุ่มมาร่วมทีม แต่ปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงานทำให้ดีลนี้ไม่เกิดขึ้นจริงได้
“ในอังกฤษ การคว้าตัวผู้เล่น พวกเขาต้องลงเล่นในเกมทีมชาติ 75 เปอร์เซนต์ แต่ ยาย่า ยังไม่เคยลงเล่น (ให้ทีมชาติไอวอรี่โคสต์) ” เวนเกอร์ ย้อนความหลัง
“เราตัดสินใจรอคำขอเรื่องหนังสือเดินทาง และใกล้จะเรียบร้อย เขาก็ย้ายไปยูเครน (กับ เมตาลัวห์ โดเน็ตสค์) ดังนั้น เราจึงพลาดโอกาสปิดดีลนั้น”
แม้ในภายหลัง ตูเร่คนน้อง ออกมาแฉว่าสาเหตุที่เขาไม่ลงเอยกับทีม ‘ปืนใหญ่’ เป็นเพราะไม่ชอบที่ทีมจับให้เขาเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าทั้งที่เขาต้องการเล่นเป็นกองกลาง แต่บางที เวนเกอร์ ก็สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจกับการพลาดโอกาสทองครั้งนี้
ยาย่า อาจได้ลงเล่นให้กับอาร์เซน่อลเพียงนัดเดียว แต่ความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆต่อจากนั้น
ในขณะที่ ‘ปืนใหญ่’ ก็ไม่สามารถหากองกลางคนไหนมาทดแทนที่ของ ปาทริค วิเอร่า ได้อีก หรือระดับเดียวกับ ยาย่า ได้เลย จนถึงปัจจุบัน