เหตุการณ์ที่ อิศเรศ น้อยใจบุญ นักฟุตบอลของ บางกอกเอฟซี ในศึกไทยลีก 3 เดินปรี่เข้าไปฟันศอกใส่คู่แข่งจนล้มคว่ำ กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างไม่ใช่แค่เฉพาะในไทย แต่ไปไกลถึงสื่อต่างประเทศก็นำไปลงข่าวเป็นที่เรียบร้อย
พฤติกรรมการเข้าทำร้ายคู่แข่งด้วยอารมณ์ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสนาม เพราะมันอาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่ร้ายแรงต่อเพื่อนร่วมอาชีพ อย่างเช่นในเรื่องของ แนธาเนี่ยล เคอร์ และ สจ๊วต พาร์สัน สองนักเตะจากลีกสมัครเล่นแดนผู้ดี ที่ทำเอาทั้งคู่อนาคตดับกันมาแล้ว กับเรื่องราวของ แนท เคอร์ ผู้หักแข้งคู่แข่งจนชีวิตพัง
แมตช์ขำๆที่ไม่ขำ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกม ซันเดย์ ลีก ซึ่งถือเป็นลีกระดับล่างสุดของประเทศอังกฤษ โดยจะเป็นเกมฟุตบอลที่ไม่ได้มีความเคร่งเครียดอะไร ไม่ได้มีกฏข้อบังคับ หรือพิธีรีตองมากมาย เปิดสำหรับมือสมัครเล่น คนทำงานทั่วๆไปที่เอาเวลาว่างมาเตะบอลเล่นกัน มันเลยเป็นลีกที่จะได้เห็นอะไรบ้าๆบอๆอยู่บ่อยๆ
อย่างไรก็ตามเกมฟุตบอลที่ดูหละหลวม ก็ตามมาด้วยพวกขาโหดที่สามารถโชว์ถ่อยกันได้อย่างเต็มที่ เช่นความรุนแรงทางวาจาที่มีการตะโกนด่ากันอย่างโจ่งแจ้ง แต่เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นในเกมคู่ระหว่าง Emigration FC ทีมจากเขต สต็อคพอร์ต และ AFC Gold Cup ทีมของพับย่าน ลองไซท์ เมื่อปี 2015 โดยทั้งคู่เป็นทีมในเมืองแมนเชสเตอร์ เช่นเดียวกัน
จังหวะสยองเริ่มต้นขึ้นในนาทีที่ 2 ของการแข่งขัน เมื่อ แนธาเนี่ยล เคอร์ โดนนักเตะฝ่าย Emigration FC ตอดเล็กตอดน้อย แต่แทนที่เขาจะไปลงกับคู่กรณี แต่ดันกลายเป็น สจ๊วต พาร์สัน ที่มารับกรรมแทน เมื่อเขาไปแย่งบอลจากเคอร์มาได้ แต่เจ้าตัวดันเกิดอาการหัวร้อน กระโดดขาคู่เข้าใส่ขาของ พาร์สัน จนร่วงลงไปกองกับพื้น
แรงดังกล่าวทำให้ขาของ พาร์สัน หักถึงสองส่วน แถมคนก่อเรื่องที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโห ก็ได้ตะคอกใส่ผู้ที่นอนขาหักผิดรูปอยู่นั้นว่า ‘ลุกขึ้นมาสิไอ้อ่อน’ ซึ่งก็ทำให้เกิดการชุลมุนขึ้น ก่อนที่ เคอร์จะหันไปพูดใส่คนที่เป็นคู่กรณีของเขาก่อนหน้านี้ว่า ‘ข้าทำแบบนี้ก็เพราะเอ็งนั่นแหละ’ สุดท้ายเกมวันนั้นก็เป็นอันต้องยกเลิกไป และ พาร์สันก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
ชะตากรรมของ พาร์สัน
นักเตะวัย 30 ปี ต้องใช้เวลาในโรงพยาบาลถึง 2 สัปดาห์ในการผ่าตัด รวมถึงต้องใส่เหล็ก และหมุดยึดดามขาส่วนที่หักเอาไว้ นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลากายภาพบำบัดอีกหลายเดือน โดยเจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่า “มันเป็นปีที่น่าสยอง มันใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่ผมจะกลับมาสู่สภาวะปกติ”
“ผมรู้สึกเหมือนเด็ก 1 ขวบ ที่มาหัดเดินใหม่อีกครั้ง และผมรู้ว่าการวิ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย แค่เดินยังกะเผลกเล็กน้อย ผมได้ยินเสียงแตกของกระดูก แล้วผมก็เจ็บปวดทรมาน ผมไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากทำร้ายใครสักคนอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้ ทั้งที่เรื่องมันก็แค่เขาได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันตลกมาก”
โดยนอกจาก พาร์สัน จะอดเล่นฟุตบอลที่เขารักไปตลอดชีวิตแล้ว งานของเขาที่มีธุรกิจทำความสะอาดกระจกก็เป็นอันต้องเจ๊งไปด้วย เนื่องจากเขาไม่สามารถปีนบันไดขึ้นไปทำความสะอาดได้อีกแล้ว และต้องมองหางานใหม่กับภาระครอบครัวที่มีทั้ง ภรรยา และลูกชายที่ต้องดูแลอีก 2 คน นอกจากนี้สภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความโหดร้ายของเหตุการณ์นี้ทำเอาผู้ตัดสินในวันนั้นยังเอ่ยปากว่า เขาไม่เคยเห็นอะไรที่มันโหดร้ายขนาดนี้มาก่อนในสนามฟุตบอล
ผลกระทบต่อทีม
ด้านทีมที่เขาลงเล่นอย่าง AFc Goldcup ก็โดนเข้าไปถล่มด่าทอใส่ จนทนไม่ไหวออกมาด่ากราดใส่คนที่เข้ามาต่อว่าพวกเขาผ่านเพจเฟซบุ๊คของทีมว่า “Emigration FC ไอ้พวกรากหญ้า เราหวังให้พวกเอ็งทุกคนติดเอดส์ แล้วตายไปช้าๆอย่างทรมาน ไม่มีใครควรโดนขังคุก แค่เพราะเข้าบอล 50-50 ในเกมซันเดย์ ลีกหรอก!” ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้โดนด่าเข้าไปอีกจนต้องลบทิ้งไปในที่สุด
ก่อนที่ในเวลาถัดมาพวกเขาก็อดรนทนไม่ไหวอีกรอบ ออกมาโพสต์ข้อความด่าคนที่เข้ามาป่วนเพจของทีมว่า “ไส่หัวไปเลย ทีมนั้นมันพยายามทำให้ชื่อของเราเสื่อมเสีย เกมของเราในสุดสัปดาห์ถูกยกเลิกเนื่องจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บหลังจากการเข้าสกัด 50/50”
“อย่ามาใส่ร้ายเรา เพราะในท้ายที่สุดเมื่อความจริงออกมา พวกเอ็งจะเป็นหมาหัวเน่ากันหมด ถ้าไม่อยากลงเล่นกับเราก็ออกไปจากลีกซะไป” แน่นอนว่าพวกเขาก็โดนกระแสถล่มเช่นเดิมจนต้องปิดคอมเม้นท์ไป และสุดท้ายโซเชี่ยลของพวกเขาทั้ง เฟสบุ๊ค และ ทวิตเตอร์ ก็หยุดการอัพเดตหลังจากนั้น 5 เดือนถัดมา
โดยถ้าให้มองกันแบบแฟร์ๆ แม้ว่าการตอบโต้ของพวกเขาจะดูรุนแรงและไม่เหมาะสม แต่การกระทำของ แนธาเนี่ยล เคอร์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทีมเลย พวกเขาเป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่มารวมตัวกันเล่นฟุตบอลเท่านั้น แต่ก็ต้องได้รับผลกระทบจากตัวเขาด้วยเช่นเดียวกัน
เรื่องไปถึงศาล
กลับมาที่เรื่องของบทลงโทษ ทางเอฟเอก็ได้มีการดำเนินการลงโทษในส่วนของฟุตบอล โดยเป็นการแบนจากฟุตบอล 5 ปีไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมันเกินกว่าวงการลูกหนังไปแล้ว คดีนี้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลเมืองแมนเชสเตอร์ โดยตำรวจผู้รับทำคดีเปิดเผยว่า “การบาดเจ็บครั้งนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตของ สจ๊วต ทำให้ไม่สามารถทำงานหรือดูแลครอบครัวได้”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เคอร์ ไม่ได้มีความสำนึกต่อสิ่งที่ทำลงไป นอกจากนี้ยังเรียกเหยื่อว่าคนอ่อนแอและด่าทอในขณะที่เขากำลังนอนอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด การสอบสวนที่ตามมาและความจงใจในการทำร้ายคนอื่นแบบนี้ มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นอันธพาลในระหว่างการแข่งขันกีฬาแบบนี้ เป็นสิ่งที่กรมตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์ รับไม่ได้”
แม้ว่าทางทนายของเจ้าตัวจะออกมาแก้ต่างว่า “เขายอมรับว่าได้ทำร้ายคุณ พาร์สันไป เขาคงไม่ได้กะจะลงไปในสนามเพื่อทำร้ายใครสักคนหรอก ผมไม่ได้จะดูหมิ่นผู้มาฟ้องร้องนะ แต่เรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบกับเขาเช่นกัน”
แต่ศาลประจำเมืองแมนเชสเตอร์ ก็ได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า “นี่ไม่ใช่การเข้าสกัดผิดพลาดในเกมฟุตบอล มันคือการจงใจทำร้ายใครสักคนจนตัวลอย แล้วกระทืบเท้าใส่ขาเขาโดยตั้งใจ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่เป็นกรณีที่เกิดความเสียหายอย่างมาก มันส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตของเหยื่อ” ก่อนที่คำตัดสินจะออกมาว่า แนธาเนียล เคอร์ ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ส่วนในเรื่องของเงินชดเชยต่างๆไม่ได้มีการเปิดเผยออกมา
สำหรับ พาร์สัน เขาคงไม่ได้โอกาสกลับไปเล่นฟุตบอลที่เขารักอีกแล้ว รวมถึงชีวิตที่ต้องมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เขาก็ได้ออกมาทิ้งท้ายหลังได้ทราบคำตัดสินไว้ว่า “ผมพอใจกับคำตัดสินมาก ผมคิดว่าผมคงต้องลืมเรื่องนี้ และพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า”