แอนฟิลด์ รังเหย้าของลิเวอร์พูล ถือเป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลก ที่ทั้งมีเอกลักษณ์,บรรยากาศสนามที่ไม่เหมือนใคร และเต็มเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลังของผู้มาเยือนเสมอ
แข้งดังรวมถึงกุนซือทั่วโลกต่างหวาดหวั่น เมื่อได้เห็นความหลงใหลในเกมฟุตบอลของเหล่า เดอะ ค็อป บนอัฒจรรย์สนาม และยกให้รังเหย้าของหงส์แดงคือนรกของทีมเยือนอย่างแท้จริง เช่น อาร์เซน เวนเกอร์, เป็ป กวาร์ดิโอล่า, อลัน เชียเรอร์, มิเกล อาร์เตต้า หรือ อาร์เยน ร็อบเบน
แต่ก็มีหลายๆคนที่ไม่เชื่อว่าเสียงเชียร์และบรรยกาศในสนามแห่งนี้จะมีผลกับเกมการเล่นได้ พร้อมทั้งพูดจาท้าทายก่อนลงเล่นในแอนฟิลด์ด้วยซ้ำไป เช่นรายล่าสุดอย่าง เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มองว่าเล่นสนามไหน บ้านใครก็ไม่ต่างกัน
ทว่าจากประวัติที่ผ่านมา นักเตะหรือโค้ชคนไหนที่พูดจาสบประมาท หงส์แดง ก่อนแข่งในรังเหย้าแห่งนี้ สุดท้ายจะต้องพบเจอกับความพ่ายแพ้กลับไปแทบทุกครั้ง ซึ่งรวมไปถึง ขุนพล ปีศาจแดงของ กุนซือชาวดัตช์ จะโดน หงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดไปเน้นๆ 7 เม็ด
ทาง UFA ARENA จึงพาแฟนบอลทุกท่านไปย้อนรอย 7 แข้ง-กุนซือดังที่เคยหยามเกียรติ ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ ก่อนโดนถลุงยับกลับไปแบบช้ำๆ
มาร์เซลิโน่ (พฤษภาคม 2016)
วันเกิดเหตุ : ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบ บียาร์เรอัล ในศึกยูโรป้า ลีก รอบตัดเชือก นัดสอง หลังจากบุกไปพ่ายในสเปน 1-0 ในนัดแรก
ดูเหมือนว่า มาร์เซลิโน่ จะมั่นใจเต็มว่า เรือดำน้ำสีเหลือง จะเป็นเข้ารอบชิงบอลยุโรปถ้วยเล็กแน่นอน หลังกุมความได้เปรียบไปได้ก่อนในนัดแรก และถึงแม้ว่าจะได้ยินถึงชื่อเสียงเรียงนามของแอนฟิลด์ เขาก็ไม่คิดว่ามันจะส่งผลต่อการเล่นแม้แต่นิดเดียว
“เป็นเกียรติมากที่ได้เล่นในสนามแห่งนี้ และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราเช่นกัน”
“แต่ไม่มีทางหรอกที่เราจะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศของแฟนบอลทีมตรงข้ามแม้แต่นิดเดียว ถ้ามีจริง เราก็จะตอบสนองกลับไปในทางที่ดีแน่นอน” กุนซือชาวสเปนกล่าว
“เราอาจตื่นเต้นกับรรยากาศ และผมคิดว่ามันจะช่วยกระตุ้นให้เราทำผลงานได้ดีขึ้น เราเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว เรามีความรู้สึกว่า เราสามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงได้”
แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ลูกทีมของ มาร์เซลิโน่ โดนบรรยากาศในสนามของ เดอะ ค็อป กดดันอย่างหนัก และทำเข้าประตูตัวเองตั้งแต่ 7 นาทีแรก จากฝีมือของ บรูโน่ โซเรียโน่ กองหลังตัวเก่งของทีม ก่อนที่แข้งหงส์แดงจะเร่งเครื่องยิงอีก 2 ประตูและผ่านเข้ารอบไปในท้ายที่สุด ด้วยประตูรวม 3-1
จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ (สิงหาคม 2017)
วันเกิดเหตุ : ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก นัดสอง ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ซึ่งหงส์แดงเป็นเอาชนะไปได้ในนัดแรก 2-1
แม้จะแพ้ไปก่อนในนัดแรก แต่กุนซือหนุ่มไฟแรงของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ทีมของเขามีดีพอที่จะได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก และไม่ได้มองว่าเกมเหย้า-เยือนจะส่งผลกับฟอร์มการเล่นนัก
“ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ถ้าเราเอาชนะได้ ผมไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเกมในบ้านหรือนอกบ้านเลย ดังนั้นผมไม่สนหรอก (ว่าจะเล่นที่ไหน)”
“ผมไม่ได้รู้สึกว่าสโมสรนี้น่ากลัวมากนัก เรามีดีพอและไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้” นาเกลส์มันน์ กล่าวทิ้งท้ายในงานแถลงข่าวก่อนเกม
ทว่าในเกมวันนั้น ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ รัวเพิ่มไป 3 เม็ด ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งแรกของการแข่งขัน ซึ่งบทสรุปก็ตามคาด ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะไปอย่างท่วมท้นด้วยสกอร์ 6-3 ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
หลังเกม นาเกลส์มันน์ได้กลับคำพูดเกี่ยวกับเหล่า เดอะ ค็อป ในสนามไปแบบคนละเรื่องว่า “กองเชียร์สามารถรับรู้ได้และหนุนหลังลิเวอร์พูลจริงๆ และคุณรู้ว่าบรรยากาศในที่แห่งมันมีมากแค่ไหน พวกเราวิ่งไปทั่วสนามเหมือนกับไก่ไม่มีหัวเลยล่ะ”
ลีรอย ซาเน่ (เมษายน 2018)
วันเกิดเหตุ : ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2017-18 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก
ฤดูกาล 2017-18 ลีรอย ซาเน่ กลายเป็นแข้งตัวหลักของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ในการพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลุ้นแชมป์ลีก รวมไปถึง รายการยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย และด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของเจ้าตัว ทำให้เขาไม่ได้เกรงกลัวทีมคู่แข่งเลย ต่อให้ทีมนั้นเป็น ลิเวอร์พูล ที่มีเกมรุกดุดันไม่แพ้พวกเขาก็ตาม ใน UCL รอบ 8 ทีมสุดท้าย
“สำหรับผมแล้ว มันคงสนุกมากๆเมื่อได้เล่นที่มีบรรยากาศดังกระหึ่มไปทั่ว”
“ผมไม่คิดหรอกว่าเราจะถูกรบกวนด้วยเสียงเหล่านั้น”
อย่างไรก็ตาม แนวรับของเรือใบสีฟ้าถูกฉีกจนขาดวิ่น ด้วยฝีเท้าของ 3 ประสานแนวรุกอย่าง ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ พร้อมกับโดนอัดไปถึง 3-0 ตั้งแต่ยังไม่หมดครึ่งแรก ก่อนจะลาแอนฟิลด์ไปด้วยสกอร์ดังกล่าวหลังจบเกมส์ในนัดแรก
แม้จะพยายามอย่างหนักในบ้านของตัวเอง แต่ทีมของปีกชาวเยอรมันก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ก่อนจะแพ้เพิ่มไป 2-1 ตกรอบด้วยสกอร์รวมไปแบบช้ำๆ 5-1
เนย์มาร์ (กันยายน 2018)
วันเกิดเหตุ : ลิเวอร์พูล พบ เปแอชเช นัดเปิดสนามศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
ศึก UCL ในนัดแรกของกลุ่ม C ถือเป็นเกมที่หลายคนรอคอย เนื่องจาก 2 ทีมที่มีเกมรุกที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับต้นๆในยุโรป อย่าง ลิเวอร์พูล และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และหากใครเป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ก่อนคงมีโอกาสสูงมากในการลุ้นเข้ารอบต่อไป
แต่ประเด็นที่ทำให้นัดนี้มีแฟนบอลพูดถึงมากพอสมควร โดยเฉพาะแฟนหงส์แดง เมื่อ เนย์มาร์ สตาร์ดังจากสโมสรลีกเอิงได้ทำนาย 4 ทีมแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลดังกล่าวโดยที่ไม่มีชื่อทีมสีแดงจากแทบเมอร์ซีย์ไซด์เลย
“แมนซิตี้จะคว้าแชมป์ลีก ที่ 2 เป็นยูไนเต็ด ตามมาด้วยเชลซี ที่ 3 , สเปอร์สที่ 4 และไม่มีลิเวอร์พูลแน่ๆ” แข้งจอมพริ้วแดนแซมบ้ากล่าว
คำพูดเหมือนเป็นการดูถูก แข้งหงส์แดงกลายๆ และทีมของคล็อปป์ก็ทำการปิดปากแข้งจากแปแอชเชจนเงียบสนิท หลังเอาชนะไปได้ 3-2 จากประตูชัยช่วงท้ายเกมของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ในวันต่อมา
นอกจากนี้ เขายังให้เนย์มาร์หน้าเสียไปมากกว่าเดิม หลังลิเวอร์พูลคว้ารองแชมป์ในลีกสูงสุดแดนผู้ดีด้วยคะแนน 97 แต้ม พร้อมทั้งคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองไปในท้ายที่สุด
ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (ธันวาคม 2018)
วันเกิดเหตุ : นัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ นาโปลี ซึ่งทีมของคล็อปป์เป็นต้องชนะอย่าง 1-0 เพื่อเข้ารอบน็อทเอ้าท์
เป็นครั้งแรกที่ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ได้มาเยือน แอนฟิลด์ หนึ่งในสนามฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดในโลก แต่ทว่าตัวเขากับทำให้แฟนหงส์แดงในอังกฤษขุ่นเคืองไม่น้อย เมื่อตั้งคำถามถึงความสำคัญของป้าย ‘This is Anfield’ ที่ตั้งอยู่ตรงอุโมงค์นักเตะในลักษณะที่ดูหมิ่นดูแคลนไม่น้อย
“ผมมองไปที่สิ่งเล็กๆนี้ (ป้าย) และถามว่า ‘นี่มันพิเศษขนาดนั้นเลยหรอ’” หัวหอกร่างเล็กชาวเบลเยี่ยมกล่าว
แต่แล้ว แข้งจากทีม ‘อัซซูร่า’ ก็รู้แล้วว่ามันพิเศษอย่างไร เมื่อเดอะ ค็อป ในสนามต่างส่งเสียงเชียร์ทีมรักอย่างสุดกำลัง ก่อนจะเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูโทนของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้
หลุยส์ ซัวเรซ (เมษายน 2019)
วันเกิดเหตุ : นัดที่สองของศึก UCL รอบตัดเชือก ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ บาร์เซโลน่า ซึ่งทีมจากสเปนเป็นฝ่ายคว้าไปก่อน 3-0 ในนัดแรก
ในเกมนัดแรกของรอบตัดเชือก หลุยซ์ ซัวเรซ กองหน้าบาร์เซโลน่าและ อดีตขวัญใจเดอะ ค็อป ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังดีใจฉลองที่ยิงประตูใส่ ลิเวอร์พูล ทีมเก่าแบบเต็มเหนี่ยว แต่หลังจากเกมนั้นเขาก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะไม่ทำอย่างนั้นในรังเก่าแน่นอน พร้อมกับหวังว่าแฟนบอลในสนามจะปรบมือต้อนรับเขาอีกต่างหาก
“ผมคงไม่ได้เสียงโห่ในแอนฟิลด์หรอก ไม่ใช่ที่แอนฟิลด์ เมื่อไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเป่าปากโห่ร้องใส่ผมแน่นอน แต่กลับแฟนบอลของคุณเอง คงเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะได้ยินอะไรแบบนั้น ซึ่งผมคาดหวังว่าจะได้รับเสียงปรบมือมากว่าเสียงโห่ร้องนะ”
กองหน้าชาวอุรุกวัยทำตามที่พูดไว้จริงว่าจะไม่ฉลองประตูในรังเหย้าของหงส์แดง เนื่องจากทีมของเขาดันพลิกล็อคพลิกล็อคพ่ายไปด้วยสกอร์ 4-3 ทั้งๆที่นำไปก่อนถึง 3-0 ในเกมแรก มากไปกว่านั้น ซัวเรซยังโดนแฟนบอลเจ้าบ้าน ที่ตนหวังให้ปรบมือต้อนรับ โห่ใส่ตลอด 90 นาทีอีกต่างหาก
เอริค เทน ฮาก (มีนาคม 2022)
วันเกิดเหตุ : ก่อนเกมแดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งทีม ปีศาจแดง กำลังร้อนแรงสุดๆ
หลังไร้ความสำเร็จมานานกว่า 6 ปี เอริค เทน ฮาก ก็เป็นคนปลุกให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็น ปีศาจแดง ที่แฟนๆคุ้นเคยอีกครั้ง ทั้งในแง่การเล่นเกมรุกที่เป็นระบบ ความมุ่งมั่นและใจสู้ทุกสถานการณ์ จนคว้าแชมป์คาราบาว คัพ มาครองได้ในฤดูกาล 2022-23
เมื่อบวกกับการเอาชนะ บาร์เซโลน่า ในยูโรป้าลีก มาได้ ยิ่งทำให้ทีมของ ETH มั่นใจสุดขีด และดูเป็นต่อไม่น้อย แม้ต้องบุกเยือนสนามที่เต็มไปประวัติศาสตร์และมนต์ขลังของทีมอริในเกมแดงเดือดก็ตาม
“ผมเคยไปเยือน แอนฟิลด์ มาแล้ว ใช่ ตอนนี้ผมตั้งตารอเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อเลย ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศมันก็ถือว่าดีมากๆ นี่จะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเราจะเจอกับกระแสต่อต้านอย่างหนัก แต่เราชอบบรรยากาศแบบนั้น” กุนซือชาวดัตช์ กล่าวก่อนเกม
“ผมคิดว่ามีเกมเยือนบางนัดที่เราเล่นได้ดีมากๆ สำหรับผมแล้วมันไม่ได้ต่างกันเลย (ระหว่างเกมเหย้ากับเกมเยือน) ไม่ว่าจะเป็นสนามไหนน่ะขนาดของสนามมันก็เท่าๆ กันอยู่แล้ว กรรมการในสนามก็มี 3 คนเหมือนกัน แล้วก็มีกรรมการที่ 4 เหมือนกันทุกเกม ส่วนลูกบอลก็เป็นทรงกลมเหมือนกัน แถมในลูกฟุตบอลก็มีลมพอๆ กันด้วย จริงไหม ?”
ปีศาจแดง อาจดูเหนือกว่าในช่วงเริ่มเกม แต่ก็เป็น หงส์แดง ของ คล็อปป์ ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 ในช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนทิ้งห่างเป็น 3-0 ในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้ผู้เล่นของ ยูไนเต็ด เริ่มเสียทรง
เมื่อเล่นแบบไร้แบบแผน ก็เข้าทางทีมเจ้าบ้าน คอยโต้กลับ จนสกอร์ไหลรวมเป็น 7 ดอกเน้นๆ และกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดของ แมนฯยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดเลย