สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพิ่งออกมายืนยันว่า ทัพ “ช้างศึก” ภายใต้การคุมทีมของกุนซืออย่าง มาโน่ โพลกิ้ง จะมีคิวลงเตะเกมอุ่นเครื่อง ฟีฟ่า แมตช์ เดย์ 2 นัด ช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งจะพบกับ ทีมชาติซูรินาม และ ทีมชาติเนปาล
หลายคนอาจยังไม่คุ้นหรือไม่เคยได้ยินชื่อของประเทศซูรินาม มาก่อน โดยเฉพาะในวงการฟุตบอล แต่ใครจะรู้ว่า นี่คือแหล่งผลิตนักเตะระดับโลกมาแล้วมากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น แฟรงค์ ไรการ์ด, รุด กุลลิท รวมถึง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
โดยวันนี้ UFAARENA จะขอไปทำความรู้จักกับประเทศเล็กๆ จากทวีปอเมริกาใต้ ให้มากขึ้นกว่าเดิม และดูว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นชาติหนึ่งที่มีความสำคัญกับวงการลูกหนึ่งโลกตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา
วงการฟุตบอลซูรินาม
แม้จะเป็นชาติเล็กๆ และเคยเป็นอาณานิคมของ ฮอลแลนด์ ที่มีพื้นที่แค่เพียง 163,821 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่า กรุงเทพมหานคร ประมาณ 10 เท่า และมีประชากรแค่เพียง 570,000 คน ทว่าพวกเขาถือว่ามีความคลั่งไคล้ฟุตบอลไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในแทบลาตินอเมริกา
ทีมชาติซูรินาม ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 140 ของโลก และเคยขึ้นไปสูงสุดถึงอันดับ 80 เมื่อปี 2008 และแม้จะเป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ทว่าพวกเขาเลือกที่จะเข้าไปอยู่กับสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน หรือ คอนคาแคฟ และเคยลงเล่นในศึก คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ มาแล้ว 3 ครั้ง เมื่อปี 1977, 1985 และ 2021
ซูรินาม มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศเช่นกัน โดยลีกสูงสุดอย่าง เอร์สเตอ ดีวีซี มีทีมลงแข่งขันทั้งหมด 14 ทีม โดยมีสองสโมสรระดับท็อปที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาตลอดหลายปีหลัง นั่นคือ อินเตอร์ โมเอโก้เตโป และ โรบินฮู้ด ทีมสูงสุดตลอดกาล 24 สมัย
นักเตะทีมชาติซูรินาม ชุดปัจจุบัน
สำหรับทีมชาติซูรินาม แม้ปัจจุบันอันดับโลกล่วงจาก 80 ไปอยู่ 140 ของโลก ทว่าพวกเขาถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่แข็งแกร่งไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากผู้เล่นหลายคนซึ่งเป็นลูกครึ่ง กระจายค้าแข้งในหลายลีกใหญ่ทั่วยุโรป โดยเฉพาะลีกดัตช์
โดยนักเตะที่น่าจับตามองมากสุด คือ เชอรัลโด เบกเคอร์ กองหน้าประสบการณ์สูงซึ่งเคยอยู่กับทีมดังอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เอดีโอ เดน ฮาก และ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน มาแล้ว
ส่วนอีกคนคือหัวหอกอนาคตไกลวัย 22 ปี อย่าง เกลโอฟิโร่ ไวร์เทอร์ นักเตะจาก เบต้า เยรูซาเล็ม ซึ่งเจ้าตัวมีสถิติกับทีมชาติที่ยอดเยี่ยม ยิง 13 ประตู จากการลงเล่ย 12 นัด และเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดลุยศึก คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ เมื่อปีที่แล้ว
โดยรวมแล้วในเกมที่จะอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย กุนซือทีมชาติซูรินาม อย่าง สแตนลีย์ เมนโซ เรียกนักเตะจากลีกยุโรป มาติดทีมถึง 21 คน เพราะฉะนั้นแม้ดูจากอันดัลโลก “ช้างศึก” อาจเหนือกว่า แต่หากมองเรื่องคุณภาพผู้เล่น คงต้องยอมรับว่า ทีมจากอเมริกาใต้ อาจเหนือกว่าเล็กๆ
ทีมนักเตะเชื้อสายซูรินาม
หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับชาติเล็กๆ ในทวีปอเมริกาใต้ อย่าง ซูรินาม โดยเฉพาะเรื่องของวงการฟุตบอล ทีมซึ่งอยู่อันดับที่ 140 ของ ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง และยังไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย รวมถึงฟุตบอล โอลิมปิกเกมส์ แม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม ใครจะรู้ว่าประเทศซึ่งมีประชากรแค่เพียง 500,000 คน เคยผลิตนักเตะระดับสุดยอดของวงการลูกหนังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แฟรงค์ ไรการ์ด, รุด กุลลิท รวมถึง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเคยนักเตะดัตช์ ที่มีเชื้อสายซูรินาม
นอกนั้นยังมีนักเตะชื่อดังอีกหลายคน ที่มีเชื้อสายซูรินาม เช่นกัน ไม่จะเป็น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ซึ่งนั่นทำให้เราอดคิดไม่ว่า หากพวกเขาเหล่านี้ลงเล่นกับทีมชาติซูรินาม พร้อมกัน อย่าว่าแต่การผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกสุดท้าย แม้กระทั่งลุ้นถึงการคว้าแชมป์สำหรับพวกเขาก็น่าจะมีโอกาสเช่นกัน
GK | มิเชล ฟอร์ม
แม้อาจไม่ใช่ผู้รักษาประตูระดับท็อป ทว่า มิเชล ฟอร์ม ถือเป็นนายทวารที่ผ่านการลงเล่นฟุตบอลระดับสูงมากแล้ว กับทั้ง สวอนซี ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แถมเคยคว้าแชมป์ ลีก คัพ กับทีม “หงส์ขาว” เมื่อฤดูกาล 2012/2013
ฟอร์ม แจ้งเกิดเต็มตัวสมัยเล่นกับ อูเทร็คท์ และนั่นทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2008 ก่อนเป็นมือ 3 ของทัพ “อัศวินสีส้ม” ชุดคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010
แม้เกิดและเติมโตที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ มิเชล ฟอร์ม เป็นผู้เล่นที่มีเชื้อสายซูรินาม ตามพ่อของเขา ส่วนแม่เป็นชาวดัตช์
CB | มิเชล ไรซีเกอร์
แนวรับสารพัดประโยชน์ที่สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์และแบ็คขวา ชื่อของเขายิ่งใหญ่สุดๆ ช่วงยุค 90 และเป็นหนึ่งในขุมกำลัง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ชุดเขย่าบัลลังก์แชมป์ ยูโรเปี้ยนส์ คัพ เมื่อซีซั่น 1995/1996
แม้เกิดและเติมโตที่เมืองอัมสเติลเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่พ่อกับแม่ของคือชาวซูรินาม แท้ๆ ที่อพยพเข้ามาอยู่ที่ยุโรป ในช่วงเวลานั้น แต่จากการที่เขาอาศัยอยู่ยังแดนกังหันลมตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ มิเชล ไรซีเกอร์ ได้รับสัญญาน และเลือกเล่นกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ท้ายที่สุด
หลังประสบความสำเร็จกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขาถูกดึงไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ต่อด้วย บาร์เซโลน่า ซึ่ง ไรซีเกอร์ กลายเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดตลอดกาลของ “ต่างดาว” หลังมีส่วนสำคัญพาสโมสรคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย
CB | วินสตัน โบการ์เด้
ปราการหลังทีมชาตินเนเธอร์แลนด์ ชุดลุยฟุตบอลโลก 1998 เป็นอีกหนึ่งนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ที่มีเชื้อสายซูรินาม เช่นกัน
วินสตัน โบการ์เด้ สร้างชื่อของตัวเองในฐานะกองหลังระดับท็อปของโลก ด้วยการพา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สร้างเทพนิยายดัตช์ คว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรป ก่อนถูกดึงไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า และ เชลซี
อย่างไรก็ตามสำหรับการมาเล่นยังกรุงลอนดอน แฟนบอลอาจไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก หลัง โบการ์เด้ ซึ่งรับค่าเหนื่อยสูงถึง 40,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เมื่อปี 2000 ไม่สามารถทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันกับสโมสร เจ้าตัวลงเล่นแค่เพียง 4 นัด เท่านั้น และมีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง ซึ่งมันทำให้เขาถูกประณามเป็นแข้งหน้าเงิน และเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าผิดหวังที่สุดตลอดกาลของ “สิงห์บลูส์” เลยทีเดียว
CB | เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
นี่คือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของโลก ณ เวลานี้ และประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แต่น้อยคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เขาคือนักเตะดัตช์ ที่มีเชื้อสายจากชาติเล็กๆ ในทวีปอเมริกาใต้
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เกิดและเติบโตที่เมืองเบรดา เนเธอร์แลนด์ โดยมีพ่อเป็นชาวฮอลแลนด์ และแม่เป็นชาวซูรินาม โดยเขาเริ่มเส้นทางการค้าแข้งกับ โกรนิงเก้น ก่อนย้ายไปอยู่กับ เซลติก และสร้างชื่อของเองในฐานะกองหลังระดับท็อปคลาสสมัยอยู่กับ เซาแธมป์ตัน ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
กระทั่งปี 2018 ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินกว่า 75 ล้านปอนด์ คว้า ฟาน ไดจ์ค เข้ามาเสริมทัพ ก่อนที่เขาจะตอบแทนสโมสรด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกในประวัติศาสตร์ และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 6 ของสโมสร
นอกจากมีเชื้อสายซูรินาม แล้ว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ยังมีบรรพบุรุษฝั่งแม่เป็นชาวจีน ซึ่งย้ายจากมณฑลกวางตุ้ง มาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศซูรินาม ช่วงปี 1920
LM | จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม
มิดฟิลด์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง วัย 31 ปี เกิดที่เมืองรอตเตอร์ดัม โดยพ่อและแม่ของเขามีเชื้อสายซูรินาม ย้อนกลับไปสมัยเริ่มต้นเล่นฟุตบอล จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม อยู่กับทีมเยาวชน เฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัม ก่อนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และด้วยผลงานอันโดดเด่น ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดช่วงต้นยุค 2000
ช่วงเวลาประสบความสำเร็จมากสุดของ ไวจ์นัลดุม คือตอนที่เขาย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ร่วมงานกับอีกหนึ่งนักเตะฮอลแลนด์ อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และประสบความสำเร็จทั้งในลีกและฟุตบอลยุโรป
และแม้ว่าจะมีเชื้อสายซูรินาม ทว่าเขากลับเลือกเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่ยังอายุน้อย และผ่านการเล่นทีมเยาวชน “อัศวินสีส้ม” มาแล้วทั้งชุด U17, U19 และ U21
CM | เอ็ดการ์ ดาวิดส์
แตกต่างจากนักเตะดัตช์ รายอื่นๆ ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ เอ็ดการ์ ดาวิดส์ เกิดที่ ปารามาริโบ เมืองสำคัญทางตอนเหนือของประเทศซูรินาม และมีเชื้อเป็นชาวแอฟริกัน-ซูรินาม ก่อนย้ายมาเติบโตที่ เนเธอร์แลนด์ หลังลืมตาดูโลกไม่นาน
ส่วนเส้นทางการค้าแข้งของ “เดอะพิทบูล” เขาคือหนึ่งในกอกลางที่ดีที่สุดของโลกช่วงต้นยุค 90 และมีเอกลักษณ์อันเป็นที่จดจำของแฟนบอลคือการใส่แว่นดำเวลาลงสนาม
ดาวิดส์ คืออีกหนึ่งนักเตะที่มีส่วนสำคัญพา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยนส์ คัพ ในซีซั่น 1994/1995 นอกจากนั้นเขายังเคยเล่นกับหลายทีมระดับแถวหน้าของโลก อย่าง เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
CM | รุด กุลลิท
สุดยอดนักเตะระดับดาวค้างฟ้า เกิดและเติมโตที่ อัมสเตอร์ดัม โดยมีคุณพ่อ จอร์จ กุลลิท อพยพมาจากซูรินาม พร้อมกับ เฮอร์แมน ไรการ์ด หรือพ่อของอีกหนึ่งตำนานแข้งอย่าง แฟรงค์ ไรการ์ด ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสองคนมีเชื้อสายเป็นชาวซูรินาม
รุด กุลลิท ถือเป็นหนึ่งนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากสุดในวงการฟุตบอล เคยคว้าแชมป์มากมายในระดับสโมสร และมีส่วนสำคัญพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1988
นอกจากความสำเร็จกับทั้งสโมสรและทีมชาติ กุลลิท ยังสามารถประกาศศักดาให้โลกรู้ว่าเขาคือหนึ่งในสุดยอดนักเตะช่วงยุค 80 ด้วยการผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ปี 1987
CM | แฟรงค์ ไรการ์ด
อดีตกองกลางระดับตำนาน มีพ่อเป็นนักฟุตบอลชาวซูรินาม ซึ่งย้ายมาเล่นที่ เนเธอร์แลนด์ พร้อมกับเพื่อนของเขาอย่าง จอร์จ กุลลิท และมีแม่เป็นชาวดัตช์
แฟรงค์ ไรการ์ด คืออีกหนึ่งนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากสุดช่วงยุค 80-90 โดยเจ้าตัวเริ่มต้นสร้างชื่อกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญของสโมสรชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 1994/1995
นอกจากสร้างความยิ่งใหญ่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยการคว้าแชมป์กับสโมสรกว่า 12 รายการ ไรการ์ด ยังกลายเป็นขวัญของแฟนบอล เอซี มิลาน ช่วงที่เขาย้ายไปเล่นยังถิ่น ซาน ซิโร่ และช่วย “รอสโซเนรี” ผงาดแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 2 สมัยซ้อน ในฤดูกาล 1991/1992 และ 1992/1993
มากไปกว่านั้น ภายหลังแขวนสตั๊ด ไรการ์ด ผลันตัวเองมารับงานกุนซือ และผลงานโดดเด่นสุดๆ กับช่วงเวลาที่เขาคุม บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2003-2008 พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน 2 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
RM | คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ
เป็นชื่อที่แฟนบอลทั้งรุ่นใหม่และเก่าต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับสุดยอดกองกลางชาวฮอลแลนด์ และ เอซี มิลาน ซึ่งโด่งดังสุดๆ ช่วงต้นยุค 2000
แม้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งสุดยอดนักเตะระดับตำนานของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ แต่อันที่จริงแล้ว คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ เกิดที่เมืองปารามาริโบ ประเทศซูรินาม ก่อนที่เขาจะย้ายมาเติบโตยังแดนกังหันลม ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
สำหรับเส้นทางการเล่นฟุตบอล คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ เคยอยู่กับหลายทีมใหญ่อย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน แถมเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรปกับ “อายักซ์” 1 สมัย และกับ “ปีศาจแดงดำ” 2 สมัย
ส่วนผลงานกับทัพ “เดอะ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน” เขาลงสนามไปทั้งหมด 87 นัด พร้อมกับยิง 11 ประตู
ST | จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์
เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ เอ็ดการ์ ดาวิดส์ อดีตศูนย์หน้า เชลซี อย่าง จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ พื้นเพเกิดที่ ปารามาริโบ เมืองหลวงประเทศซูรินาม ก่อนเขาย้ายตามครอบครัวมาเติบโตที่ เนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่อายุยังน้อย
ส่วนทางการเล่นฟุตบอล เริ่มต้นกับ เทลสตาร์ ก่อนมีโอกาสร่วมทัพกับสโมสรใหญ่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด, แอตเลติโก้ มาดริด รวมถึง เชลซี และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิงไปทั้งหมด 69 ประตู จากการลงเล่น 136 นัด ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่อยู่กับยอดทีมแห่งกรุงลอนดอน
แม้ผลงานกับสโมสรถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจ ทว่ากับทีมชาติฮอลแลนด์ เขากลับไปประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกับสุดยอดกองหน้าของทีมในเวลานั้นอย่าง รอย มาคาย, แพทริค ไคลเวิร์ต รวมถึง รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้สำเร็จ และถูกส่งสนามรับใช้ชาติแค่เพียง 23 นัด เท่านั้น พร้อมกับยิง 9 ประตู
ST | แพทริค ไคลเวิร์ต
อีกหนึ่งสุดยอดนักเตะระดับโลก ที่มีเชื้อสายซูรินาม คือ แพทริค ไคลเวิร์ต อดีตดาวยิงระดับเวิร์ลคลาสของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยพ่อของเขาเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพสัญชาติซูรินาม ส่วนแม่เป็นชาวคูราเซา
ไคลเวิร์ต แจ้งเกิดสุดๆ สมัยเล่นกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนถูกดึงไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน รวมถึง บาร์เซโลน่า และเคยย้ายไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นเวลาสั้นๆ 1 ฤดูกาล กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่น 2004/2005
ผลงานยอดเยี่ยมสุดของเขาเกิดขึ้นช่วงที่อยู่กับ “อาซูลกราน่า” หลัง ไคลเวิร์ต ลงเล่นกับยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ไปทั้งหมด 257 นัด ตลอดระยะเวลา 6 ปี กับสโมสร พร้อมยิง 122 ประตู มีส่วนพา “ต่างดาว” คว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน 1 สมัย
ส่วนกับทีมชาติ ไคลเวิร์ต อยู่ในช่วงที่ ฮอลแลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 1998 และอันดับ 3 ฟุตบอลยูโร 2000 ขณะที่สถิติของเขากับทีม ลงสนามรับใช้ชาติทั้งหมด 79 นัด ตลอดระยะเวลา 10 ปี ยิง 40 ประตู